ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 113
- กรกฎาคม 26, 2019
- ตอน ใครจะเอากระดิ่งไปผูกคอแมว

ปัญหาที่ตามมาคือใครจะเป็นคนบอกให้มาลัยออก เพราะจิตเราจับบางอย่างได้อีกจึงถามคุณต้อยไปว่า “มีลูกค้าจำนวนมากที่มานวดกับมาลัยแล้วหายไปเลยใช่ไหม?” “ใช่พี่เยอะเลย” “รู้ไหมเพราะอะไร?” วันแรกที่เขามาตรวจดวงชะตากับพี่ เขานั่งใกล้พี่ พี่บอกว่าไง จำได้ไหม “เอ็งออกไปนั่งไกลๆ ตูเลย เหม็นกลิ่นเหล้า” แทนที่มาลัยจะโกรธ กลับเห็นเป็นเรื่องขบขัน นี่ขนาดยังไม่ได้ทานเหล้านะ กลิ่นเหล้ามันติดแล้วออกมาทางลมหายใจ เมื่อไปนวดลูกค้าเขาจะไม่ได้กลิ่นหรือ? แล้วเขาจะกลับมาอีกไหม? ดีไม่ดี บอกกันต่อๆ ไป ไม่แปลกใจเลยทำไมพวกเธอแทบจะกินแกลบกัน
เพราะขาดทุนจนเลือดซิบๆ ต้อยทำหน้าเศร้า “ หนูเอง หนูพลาด หนูเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร ” “ ใช่ …. วางตัวไม่เหมาะสมด้วย ” เบียร์เจ้าของร้านที่แท้จริงกำลังจะเดินทางมา เพื่อเข้าคลาส เราจะต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง คือใครเป็นเจ้าของร้านก็ให้คนนั้นบอกอย่างเป็นทางการ ถูกต้องที่สุด เบียร์จึงนัดเรากับต้อยออกไปเจอกันที่ร้าน McDonald’s ใกล้ๆ Shopping Mall ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านนวด เรากับนิชาตัดสินใจเดินทางมาถึงร้านในช่วงบ่าย เพื่อเราจะได้รับประทานอาหารมื้อเดียวของเราให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเที่ยงที่บ้านคุณจุ๋มเลย
เมื่อถึง Woy Woy เราตัดสินใจเอาของไปเก็บที่ร้านก่อน พร้อมทั้งเอ่ยปากขอบใจมาลัยที่มีเจตนาที่ดี จะทำอาหารให้เราทาน จากนั้นเรากับคุณต้อย และนิชาพากันเดินไปรอน้องเบียร์ ที่ร้าน McDonald’s ซึ่งแน่นอนหนูเบียร์ได้ออกเดินทางมาจากต่างรัฐตั้งแต่ตีสามแล้ว แต่เพราะเธออยากมาเจอเรา กับอยากมาเข้าคลาสแม้จะเป็นเพียงคลาสสั้นๆ แค่ 2 คืน กับจานวา เธอไม่ลังเลเลย พวกเรานั่งปรึกษา กันที่ McDonald’s กว่า 2 ชั่วโมง กับเบียร์พาเพื่อนมาให้เราตรวจดวงชะตาอีกคน เบียร์ได้บอกกับเราว่า หนูสงสารพี่มาลัยเขาเหมือนกัน แต่หนูจะต้องทำ เพียงแต่อยากเก็บเขาไว้ช่วยนวดที่ร้านก่อน โดยบอกเขาว่า มาทำงานตามปกติได้แต่อย่าอยู่ที่ร้าน เมื่อตกลงกันได้อย่างนั้นทุกคนจึงพากันกลับเข้าร้านนวด “ กาสาลอง ” ยกเว้นเพื่อนน้องเบียร์ขอแยกตัวกลับซิดนีย์ เมื่อกลับเข้าร้าน ทุกคนต่างทยอยกันอาบน้ำที่ร้าน ยกเว้นคุณต้อย เดินกลับไปอาบที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แน่นอนมาลัยเข้าร่วมฟังธรรมในคลาสด้วย พอได้เวลาจะเปิดคลาส คุณกุ๊กไก่ที่ติดเหล้ามา 20 กว่าปี เธอมีเจตนาอย่างแก่กล้าที่จะเลิกเหล้าให้ได้ เช่นเดียวกับคุณต้อยที่ติดเหล้ามาแค่ 2 ปี คุณไก่ ทำงานอยู่ที่ร้านนวดอีกแห่ง เมื่อเลิกงานอาบน้ำเสร็จเธอตรงมาคลาสทันที
เนื่องจากเมืองนี้อยู่ติดทะเล อากาศหนาวสุดโหด ญาติโยมต่างลงความเห็นกันว่าปีนี้หนาวกว่าทุกปี มาลัยไปยกฮีตเตอร์ตัวใหญ่ของร้านมาตั้งกลางห้อง ซึ่งฮีตเตอร์ตัวนี้เขาใช้เปิดนอนในร้านทุกคืน ค่าน้ำค่าไฟ ลงกงสี จนเจ้าที่รับไม่ได้ ทนดูความหายนะของร้านต่อไปไม่ได้ เปิดคลาสคืนนี้เป็นคลาสเล็กๆ มีนักเรียนแค่ 5 คน คือ นิชา คุณเบียร์ คุณต้อย คุณมาลัย คุณกุ๊กไก่ และน้องบอล ทุกคนต้องมีผ้าห่มคลุม เพราะความเย็นของอากาศ เราให้ปิดไฟสอน เบื้องหลังที่พวกเรานั่งกันเป็นเคาท์เตอร์สูงบนเคาท์เตอร์มีปู่กวนอู กับปู่ชีวกฯ เป็นพระประธาน หนูเบียร์ได้นำพระโพธิสัตว์มาตั้งเป็นประธานอีกพระองค์หนึ่ง และก่อนเปิดคลาสหนูเบียร์ได้ปิดห้องนวดห้องหนึ่งอยู่คุยกับเราตามลำพัง บอกได้คำเดียวว่าเธอดีใจจนตัวสั่นทีเดียวที่ได้พบเรา กับยอมรับสารภาพว่า “ หนูเองก็ไม่กล้าบอกให้พี่มาลัยออกจากร้านค่ะ ” “ ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราจะใช้กุศโลบายพูดในคลาสเอง เรานั่งแสดงธรรมในความมืด จากทุ่มครึ่งไปถึงเกือบตีหนึ่งจึงปิดคลาส คุณกุ๊กไก่สนุกเมื่อเราเล่าเกี่ยวกับนิทานชาดกต่างๆ ให้ฟัง เปิดไฟดวงเล็กๆ กันเพื่อจดตรงเนื้อหาสาระที่จำเป็น ทุกคนฟังกันอย่างตั้งใจ แล้วเราให้นั่งสมาธิ สอนให้นั่งตามวิธีของเรา ที่จะไม่ให้นิวรณ์ 5 เข้า ให้สติตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ขณะนั่งสมาธิคุมเด็กอยู่นั้น เราได้คุยกับเจ้าที่ และให้ท้ายเขาเลย “ ว่าเราเข้าใจทั้งหมดแล้ว เราเห็นแล้ว กับเราขอขมาที่ผ่านมาเราไปไล่พวกท่าน พวกท่านก็ได้ฟังธรรมกันแล้ว เจ้าน้ำหวานก็นั่งเรียบแต้อยู่ลานหลังบ้านข้างนอกฟังอยู่ด้วย แต่นี้ไปเราจะไม่ตำหนิท่าน ไม่ว่าท่าน ไม่ว่าท่านจะทำการใดๆ เพื่อให้ร้านนี้อยู่รอดได้ ก็ทำเถิด คนไหนควรอยู่ควรไปท่านรู้ จัดการได้เลย เราให้อำนาจเต็มที่ และจะเพิ่มพลังให้ท่านทุกๆ ท่านที่เป็นเจ้าที่อยู่ตรงนี้ เจ้าของร้านทั้งสองเป็นเด็กเราและเขาสวดมนต์ไหว้พระ เลิกเหล้ากันเด็ดขาดแล้ว ขอให้งดโทษเขา ให้เขาทำมาหากิน อย่าเบียดเบียนกันและกัน เขาปฏิบัติธรรม ท่านได้รับส่วนบุญด้วยทุกวัน เข้าใจกันนะ ” …. คืนนี้เรายังไม่พูดอะไรเกี่ยวกับการอยู่หรือการไปของมาลัย เก็บไว้คืนพรุ่งนี้สุดท้าย เมื่อปิดคลาสทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องนอน ห้องนวดซึ่งมี 3 ห้อง หนูเบียร์ มาลัย และน้องบอลใช้กัน เรากับนิชา นอนตรงห้องโถงที่ใช้รับรองลูกค้า และสอนสมาธิ คุณไก่ กับคุณต้อยแยกย้ายกันกลับบ้าน ซึ่งบ้านคุณต้อย ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที
เช้ามาแม้อากาศจะเย็นจัด เราตื่นกันก่อนทุกคนที่นอนในห้อง เราตื่นมานั่งสมาธิกันก่อนอื่น จากนั้นสวดมนต์เป็นการรายงานตัวกับเบื้องบนเช่นทุกวัน เก็บผ้าเก็บที่นอนพับวางบนเก้าอี้รับแขกตัวหนึ่งในห้องอย่างมีระเบียบ ซึ่งนิชาจะเก่งมากเรื่องการมีระเบียบ เมื่อเราทานอาหารเช้าซึ่งเป็นโจ๊กห่อที่เราติดมือไปจากเมืองไทย ผักสลัดกับข้าวผัดซึ่งเราซื้อติดมือเข้ามาจากร้านอาหารจีน รวมผลไม้เยอะมาก จนอิ่ม จากนั้นคุณกุ๊กไก่ขออาสาพาเรากับนิชาไปเที่ยวเพราะเราบ่นอยากไปเมือง Edgewood ซึ่งอยู่ติดกับชายทะเล เพราะเรากินกันมื้อเดียว คุณกุ๊กไก่ว่างงานวันนั้นพอดี พาเราไปดูวิวทิวทัศน์ กับเราบ่นอยากทานอาหารเช้าแบบ อเมริกัน เธอพาไปดูร้านซึ่งอยู่ติดริมทะเล แล้วชวนเราให้อยู่ต่ออีกวัน โดยคืนวันสุดท้ายให้พักอยู่กับเธอ บ้านเธอบ้าง เรากับนิชาตกลง
เธอพากลับร้านนวดเมื่อเย็นมากแล้ว ทุกคนยุ่งอยู่กับการต้อนรับลูกค้า คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เราค้างที่ร้านและแสดงธรรม เราโผล่ไปหลังร้านเอาขนมปังมาโปรยแจกนกที่รออาหารอยู่ พวกเขาฝากท้องไว้กับน้องบอล และคุณต้อย เห็นน้ำหวานรถของคุณมาลัยยังจอดอยู่ตรงนั้น แสดงว่าชีติดลูกค้านวดอยู่ในห้อง รวมทั้งคุณต้อย เมื่อคืนหลังปิดคลาสคุณมาลัยพูดกับเราแบบเปิดใจ ตามองตาเราลึก และล้วงจิตใจกันเลย บอกเราว่า “ หนูเป็นคนเขมร แต่หนูไม่เล่นของ ” เราไม่พูดว่าอะไร แต่ใจเรานั้นมันอ่านเธอออกหมดแล้ว
คลาสในคืนที่สอง หลังแสดงธรรมเสร็จเราได้อัญเชิญพลังของพระโพธิสัตว์ลง ตัดวิบากให้น้องเบียร์เจ้าของร้าน แล้วอัญเชิญพลังของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ให้เมตตาส่งพลัง กับตัดวิบากให้คุณกุ๊กไก่ ภายหลังคลาสปิดคุณกุ๊กไก่ประหลาดใจมาก เรื่องทำไมเราต้องเชิญหลวงพ่อคูณ ว่า “ จานคิดอย่างไร จึงอัญเชิญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ หนูเคยมีปัญหากับท่านในอดีตพอดี จานเว่อร์มากไปไหม ” ด้วยสาเหตุนี้คุณกุ๊กไก่ จึง มีศรัทธาอย่างแก่กล้าในตัวเรา กับหลวงพ่อคูณท่านก็มีเมตตาต่อเธออย่างมาก กับท่านอาจจะเป็นผู้ดลใจให้เราเชิญท่านก็ได้ เพราะอดีตชาติ คุณไก่อาจเคยเป็นลูกหลาน หรือบริวารของท่านก็ได้ ซึ่งตอนนี้ คุณไก่ ก็ได้ขอขมาเคลียกับท่านเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งตั้งแต่เปิดคลาสมาไม่ว่าที่ไหนประเทศไหน เราก็ไม่เคยน้อมจิตของเรามาเชิญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่เลย เหมือนกับท่านยินดีมาก และรออยู่เพื่อได้ช่วยลูกช่วยหลาน ก่อนที่คลาสจะปิดและแยกย้ายกันกลับบ้านเราได้สรุปว่า “ แต่นี้ไป เจ้าที่เขาจะเป็นใหญ่ในที่นี้ กับเราได้ขอขมาเขา และให้พลังเขาเต็มที่ จะต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่มีการตั้งวงเหล้าในร้าน ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบกัน ไม่มีการมาอาศัยหลับนอนในร้านตรงนี้ เจ้าที่เขาเน้นย้ำต้องไม่มีใครอาศัยอยู่ในร้าน ลำพังเขายอมให้ใช้ที่เขาทำมาหากินก็เพียงพอแล้วเกรงใจเขา ” ( นี่มาตั้งวงเหล้า มาทำสกปรก มาใช้น้ำใช้ไฟของกงสี อันนี้เราไม่ได้พูด คนบางคนควรจะรู้ตัวเอง ) เมื่อคลาสปิดทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน เข้าห้องเพราะเกือบตีหนึ่งแล้ว มาลัยออกอาการทันที เรียกว่า โดนเต็มๆ คืนนั้นเธอไม่ยอมนอน ขับรถเอาน้ำหวานไปเมากับเพื่อน วงคอเหล้าของเธอแล้วเดินเข้าเดินออกร้าน ประตูหลังบ้าง ประตูหน้าบ้าง เสียงประตูดังโครมๆ เรากับนิชาซึ่งนอนอยู่ในห้องกลางไม่มีประตู นอนขดกันบนพื้นโดนเต็มๆ ไม่หลับกันจนเช้า คุณเบียร์ซึ่งนอนในห้อง ไม่หลับเช่นกันต้องรีบออกแต่เช้ามืดด้วยเพื่อขึ้นเครื่องกลับต่างรัฐกลับเข้าทำงานแต่เช้าจึงล่ำลาเราตั้งแต่คลาสปิดคืนที่สอง
หลังทานอาหารเช้ากันที่ร้านนวดเสร็จ เพราะอากาศหนาวมากเรานอนขดตัวอยู่บนเก้าอี้ยาวในห้องรับรองลูกค้านวด นิชานั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้อีกตัวใกล้ๆ เรา ขณะจะเคลิ้มหลับ เราได้ยินเหมือนเสียงเด็กผู้ชาย พูดมาจากไกลๆ แต่เหมือนอยู่หน้าบ้าน เราบอกนิชาว่า “ ดูสิ คุณต้อยกับลูกมาหรือเปล่า? ” นิชาชะโชกดูแล้วบอกว่า “ ไม่มีค่ะ จานนอนพักนะ ” “ อื่อ … เดี๋ยวคุณต้อยกับลูกจะมา เข้าใจว่า จอน สามีคุณต้อย ต้องการพบเรา ” เราบอกนิชาเสียงอู้อี้ แล้วเราก็คอพับหลับไป นิชาคงไม่สนใจที่เราพูดเท่าไหร่ ก้มหน้าก้มตาทำงานทางโทรศัพท์ต่อไป สักครู่เสียงคุณต้อยเปิดประตูร้านเข้ามา แล้วเรียกลูกชายที่เดินมาด้วยเข้ามาไหว้เรา ทักทายกันเสร็จ “ จาน จอนเขาอยากเจอจาน บ้านหนูไม่ไกล จานเดินไปไหวไหม? ” เราเข้าใจว่าจอนไม่อยากมาหาเราที่ร้านเพราะไม่ชอบหน้ามาลัยอย่างมากเพราะรู้เท่าทันมาลัยทุกอย่าง กับโมโหคุณต้อยมากที่เขาพยายามบอกคุณต้อยให้หาทางกำจัดมาลัยออกไปหลายครั้งแล้ว กับขอร้องให้คุณต้อยเลิกเหล้ามานานแต่คุณต้อยไม่ยอมเลิก ไม่มีใครสามารถทำให้คุณต้อยเลิกเหล้าได้ แล้วอยู่ๆ มาวันหนึ่ง มีคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งมาทำให้ภรรยาเขาเลิกเหล้าได้ แบบหักดิบ มันต้องขอดูตัวกันหน่อยละ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเราคาดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น เราทั้ง 4 จึงพากันเดินกลับไปบ้านคุณต้อย มีเรา นิชา คุณต้อย กับลูกชาย คุยกับจอนเสร็จ เราตกลงจะไปค้างกับคุณไก่ที่บ้านเธออีกหนึ่งคืน ให้พลังแก่เธอ เมื่อเรากลับมาที่ร้านนวด เพื่อเก็บของใส่รถคุณไก่ เราเดินผ่านห้องนวด มาลัยเดินออกมาพอดี เธอเชิดหน้าทำท่ารังเกียจเรา และหดแขนข้างที่เราจะเดินผ่านหนี เราไม่ว่าอะไร แต่คิดในใจว่า มาลัยเอ๋ย โดนแล้วเธอไม่รู้ว่าเธอดิวอยู่กับใคร สงสารในชะตากรรมของเธอยิ่งนัก พวกเราต้องติดรถคุณไก่ไปส่งขนมจีนกับเธอก่อน เธอจึงถือโอกาสพาเราไปชมชายทะเล ไปเที่ยวในบริเวณใกล้ๆ แล้วบอกเราว่า “ จานคืนนี้พี่ต้อยจะมานั่งสมาธิกับพวกเราด้วย ” เพราะบ้านคุณต้อยกับคุณกุ๊กไก่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ รวมทั้งบางที คุณไก่จะเอาลูกชายคนเดียวของเธอไปฝากจอนไว้ ให้เล่นกับลูกชายของคุณต้อย คือเด็กสองคนเขาโตมาด้วยกัน ไปโรงเรียนเดียวกัน พ่อแม่เป็นเพื่อนกัน ส่วนดีของคุณไก่เธอ แม้จะแยกกันอยู่กับสามี เธอดูแลเลี้ยงลูก ทำงานนวดที่ร้าน วันหยุดจากงานนวดเธอจะทำแกงไตปลา กับขนมจีนน้ำยาขาย เพื่อนๆ คนไทยต่างสั่งกันคนละชุด 2 ชุด ตอนเราไปเธอจึงทำมาให้ลอง มือมหากาฬจริงๆ ทานแกงไตปลา กับขนมจีนโดยเราเขี่ยทานกันแต่ผัก กับเส้นขนมจีน นิชาซัดแบบลืมตาย แถมหอบกลับไปทานที่ซิดนีย์ด้วย เราขอจ่ายเงินคุณไก่ไม่ยอม เราก็ไม่ยอม จึงพบกันครึ่งทาง โดยขอจ่ายเธอบางส่วน เรื่องจึงจบลงได้ …. เรื่องจะจบลงอย่างไร ตามตอนต่อไป โดนจังๆ

พลิกตำนาน… ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ ได้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย หากท่านใดสนใจ