ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 58
- สิงหาคม 25, 2018
- ตอน ปลดวิญญาณ อรุณประไพ

การปลดวิญญาณดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วสำหรับเรา แต่สิ่งที่เร้าใจกว่า น่าสนใจกว่า… การปลดวิญญาณ คือวิญญาณเหล่านี้เขาหาเราเจอได้อย่างไร ? ตรงนี้ที่น่าสนใจที่สุด สื่อที่นำเราไปปลดเขาได้มาทางไหน เป็นใคร ?
อย่างกรณี วิญญาณของชวนชม ลูกศิษย์ที่มาเข้าคลาสเรา คนหนึ่งเดินผ่านศาลเก่าๆมาหลายปี ไม่เกิดเรื่อง พอศิษย์มาเข้าคลาสเราเท่านั้น แสงออราของครูบาอาจารย์จับที่ศิษย์ วิญญาณเขารู้ทันทีว่า คนๆ นี้มีครูดี
อรุณประไพเช่นกัน เป็นอีกกรณีที่ยืนยันเลยว่า… ต้องมีสื่อไม่เช่นนั้นวิญญาณหาเราไม่เจอ เพราะวิญญาณทุกดวง
โดยเฉพาะที่ตายโหงจะยึดอยู่กับร่าง ตายตรงไหน ร่างอยู่ตรงไหน วิญญาณก็จะป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณนั้น เพราะเหตุใด จะอธิบายให้ฟัง… คนที่เขาปฏิบัติจนหลุดพ้นแล้ว เขาปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นอุปาทาน เพราะเขาทิ้งขันธ์ได้แล้วตั้งแต่ยังไม่ตาย คือทำจิตว่างได้แล้ว เมื่อจิตเขาว่าง เขาก็วางขันธ์เลยทันที ( จิตว่าง… เมื่อวางขันธ์ ) พอเขาตาย จิตหรือวิญญาณเขาทิ้งร่าง ไม่ยึด เข้าสู่แดนดับอย่างไม่แยแสต่อร่างกายอีกต่อไป… แต่คนส่วนมาก 99% ใน 100% เลยทีเดียวที่ยังยึดร่าง ห่วงร่างตนเองอยู่ แม้จะตายไปแล้ว หรือเขาอาจไม่มีที่ไป ไปต่อไม่ได้ จะอย่างไรก็ตาม ชวนชม กับอรุณประไพ จัดอยู่ในกรณีนี้ทั้งคู่
แต่รายนี้น่ากลัวมาก… อรุณประไพ วิญญาณเธออยู่ถึงเชียงดาว เลยถ้ำเชียงดาวไปอีก แถวหุบเขาหมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอ แถวถ้ำผาแดง ไกลทีเดียวขับรถเกือบครึ่งวัน แล้วเธอหาเราเจอได้อย่างไร ? …จะเล่าให้ฟัง
ตอนคุณแม่ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เราเพิ่งกลับจากอินเดีย ได้เปลี่ยนคนดูแลแม่เป็นคนใหม่ เจ้าดูทาคนเก่าเป็นคนพม่า เราให้ออกไปเลย รู้รสรู้พิษสงเป็นเช่นไร เราไม่ขอยุ่งเกี่ยวใดๆกับพวกนี้อีก เมื่อพบคนดูแลแม่คนใหม่ ชื่อเจ้าน้อย เป็นไทยใหญ่ เจ้าดูทา ยังหลงตัวคิดว่าเราจะยังเอาไว้ เราบอกเราจะจ้างน้อยมาช่วยดูแลแม่อีกคนหนึ่ง ดูทายื่นคำขาดเราว่า หากจ้างหนูต่อ ต้องไม่เอาคนอื่นมา โห …. งั้นง่ายมาก เราเอาน้อย เธอออกไปเลยเดี๋ยวไปส่งที่ท่ารถกลับกรุงเทพฯ วันนี้เลย สร้างความผิดหวังให้เธอแบบช็อคสายฟ้าฟาด ประมาณว่า ฝันสลาย แต่จานวาสะใจ เพราะคนใหม่ที่หาเจออยู่ในโรงพยาบาลนครพิงค์ เธอกำลังหางาน ยายรักเธอมาก เธอชื่อน้อย …ยายจะกุมมือน้อย มองหน้าน้อยตลอดเวลา หน้าลูกยังไม่สนใจจะมอง น้อยเหมาะมากที่จะดูแลคนป่วย พอคุณแม่ละขันธ์ไป น้อยอาลัยอาวรณ์ถึงกับเลิกอาชีพนี้ ขอกลับไปปลูกผักทำสวนอยู่ที่บ้านเชียงดาว เพราะน้อยก็รักยายมาก ไม่สามารถกลับไปทำงานตามโรงพยาบาลได้เพราะคิดถึงยาย น้อยได้ช่วยเราจนงานศพคุณแม่เสร็จสิ้น บ้านเธออยู่แถวหมู่บ้านชาวมูเซอ พี่ชายเธอเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่แถวนั้น หลังจากมาทำงานให้ได้เกือบ 2 เดือน เธอถูกชะตาเรามาก ตามมาบ้านบุญรักษาเก็บบ้านทำความสะอาดทุกอย่าง ถึงกับบอกว่า จะขอมาอยู่ทำงานให้เรา บางวันขอกลับบ้านที่เชียงดาว เธอไปๆมาๆ บ้านเธอเชียงดาว กับโรงพยาบาลนครพิงค์ ช่วยเราหอบเสื้อผ้าใช้แล้วไปขายแบกะดินหน้าโรงพยาบาล เพื่อรวบรวมเงินไปซื้ออาหารแห้ง ปลากระป่อง ข้าวสาร ไปทำบุญกับพวกชาวเขาที่เชียงดาว

เที่ยวนั้นรวบรวมได้เกือบ 20,000 บาท จัดของได้ 150 ชุด พี่ชายน้อยที่เป็นผู้ใหญ่บ้านต้องเอารถมาช่วยขน มีให้ทั้งข้าวสาร น้ำปลา ไข่ไก่ น้ำตาล เกลือ วุ้นเส้น ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ดังนั้นเจ้าน้อย จึงเข้าๆ ออกๆ อยู่กับเรากับแม่ ทุกครั้งที่กลับไปบ้านอะไรที่ติดตัวเจ้าน้อย จากบ้านบุญรักษา จากเรา มันจึงไปฟ้องทางป่าเชียงดาวไม่ยาก ….วันหนึ่งไม่รู้อะไร ( อรุณประไพ ) ดลจิตดลใจเราให้ถามเจ้าน้อยขึ้นมาว่า “น้อย ป่าแถวบ้านเอ็งมีถ้ำไหมวะ ( อายุน้อยประมาณ 44-45 ) เราอยากพาลูกศิษย์ออกไปนั่งสมาธิกัน” “มีพี่ …แต่พี่ชายหนูเขาไม่ให้ใครเข้าไปแถวนั้น” “ทำไม …มีผู้หญิงถูกฆ่าตายใช่ไหม ถูกข่มขืน” เราพูดออกมาเอง น้อยสะดุ้งโหยง มองดูขนแขนที่ลุกซู่ขึ้นมา แล้วมองหน้าเรา “พี่จิ๊ด… พี่รู้ได้อย่างไร? เธอชื่ออรุณประไพ ถูกลากเข้าไปข่มขื่น หน้าปากถ้ำในป่า แล้วถูกยิงตายหน้าปากถ้ำนั้น พี่ชายหนูเลยไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง เพราะเฮี้ยนมาก กลางคืนไม่มีใครกล้าเดินป่าแถวนั้นเลยพี่ เขาโดนกันทุกคน เธอยังอยู่ตรงนั้น” “เรื่องมันเป็นอย่างไร เธอลองเล่าซิ กี่ปีมาแล้ว” “พี่ก่อนหนูเกิดอีก …ผู้เฒ่าผู้แก่เขาเล่ากันว่า เธอสวยมาก มาจากต่างจังหวัดเพื่อประกวดนางงาม เอารางวัลที่เชียงใหม่ แล้วถูกผู้ชายฉุดมา เอาตัวมาที่ป่าเชียงดาว ชาวบ้านเขาก็รู้เห็นกันเธอร้องให้ช่วย ชาวบ้านจะเข้าไปช่วย ไอ้ชายโฉดคนที่ฉุดก็ด่าชาวบ้านว่า เรื่องผัวเรื่องเมีย อย่ามายุ่ง เลยไม่มีใครยุ่ง มันพาเข้าป่าไปลึกเลย พอข่มขืนเสร็จมันก็ยิงที่หัว แล้วหนีไป เหตุการณ์เกิดมานานแล้ว กับจับตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ กว่าคนจะมาพบศพ สภาพทุกอย่างก็ผุพังเน่าเปื่อย เหลือแต่โครงกระดูกกระโปรงชุดสีแดงที่ติดเป็นดินไปแล้วแทบไม่เหลือซาก เหลือเพียงบัตรประชาชนระบุชื่อว่า อรุณประไพ เพียงเท่านั้นตกอยู่ ( เราก็ไม่ได้ถามนามสกุลมา ) เธอต้องมีแน่นอน และได้ถูกลืมเลือนกันไปหมด เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเกิน 50 ปีมาแล้ว นี่แสดงว่า วาระเวลาของเธอมาถึง …เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงเพิ่มหมายกำหนดการณ์ ไปปลดวิญญาณ ของอรุณประไพ เข้าไปด้วย เพราะช่วงนั้นเราได้เปิดคลาสเล็กๆ มีนักเรียนประมาณ 9-10 คน เป็นคลาสสั้นๆ เพียง 3 วัน ตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 คลาสนี้เปิดให้คุณแม่ เพราะท่านนอนอยู่ในโรงพยาบาล เพื่อให้อานิสงส์ในการเปิดคลาสครั้งนี้ ให้ท่านได้รับเต็มๆ ตรงกับวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2016
วันที่ 14 ก่อนเปิดคลาสในช่วงเย็น คณะเราได้นำของอาหาร ข้าวปลา เสื้อผ้า ไปบริจาคที่เชียงดาว หมู่บ้านมูเซอ เราออกกันแต่เช้า โดยให้ เจ้าน้อยติดต่อผู้ใหญ่บ้านพี่ชาย เตรียมพาคณะเราเข้าป่าไปบริเวณที่อรุณประไพถูกฆ่าตาย ซึ่งพี่ชายเจ้าน้อยเตรียมให้ชาวบ้านคนหนึ่ง เป็นคนพื้นที่ พาคณะเราเข้าไป เมื่อบริจาคของให้ชาวบ้านหมดแล้ว คณะเราตรงไปยังสถานที่ ที่นัดแนะกับคนพื้นที่ไว้ แล้วคณะเราทุกคน จึงพากันเดินแถวอย่างระมัดระวัง และสำรวม เข้าป่าไป ซึ่งตอนแรกเป็นป่าโปร่ง กับเริ่มรกทึบ ไปด้วยเถาวัลย์ กอไผ่ ไม้ยืนต้น คณะเรา กับลูกศิษย์อีก 6-7 คน เดินตามคนนำทางเข้าไปอย่างเงียบๆ แน่นอนเจ้าน้อยได้มากับคณะเราด้วย เวลาขณะนั้นใกล้เที่ยงแล้ว เสียงนกเสียงกาที่เคยส่งเสียงร้องกันอย่างเบิกบานสำราญใจ เริ่มเงียบลงไปบรรยากาศ เศร้าสร้อย วังเวงเข้ามาแทน พวกเราเห็นศาลไม้เก่าๆ แทบหมดสภาพ อยู่กลางพงไม้เตี้ยๆ ทางขวามือ “พี่นั่น ไงศาลของอรุณประไพ” จากตำแหน่งศาล ทางเดินเริ่มลาดต่ำลงไป ไม่ถึง 10 นาทีผู้นำทางได้หยุดลง “ตรงนี้ครับ บัตรประชาชนกับกระดูกเขาอยู่ตรงนี้ครับ” พูดแล้วเขาชี้ไปเบื้องหน้าตรงโคนไม้เล็กๆ แสดงว่า เธอนั่งพิงไม้ต้นนี้ก่อนลมหายใจจะดับไป ลาดลงไปเบื้องหน้า เห็นเงาดำใหญ่ มีพงไม้เถาวัลย์ปิดเงาดำนี้ไว้ มันคือปากทางเข้าถ้ำ ซึ่งไม่มีมนุษย์หน้าไหน จะกล้าย่างกรายเข้าไป เสียงเด็กเราคนหนึ่งขยับเขามากระซิบกับเราว่า “อาจารย์ อรุณประไพ ใส่ชุดขาว นั่งรออาจารย์อยู่ข้างๆอาจารย์ รอให้อาจารย์ปลดปล่อยอยู่ เขาสงบเสงี่ยมสำรวมเรียบร้อยมาก หน้าตาผ่องใสสวยมาก “เธอคงได้ไปฟังธรรมในคืนวันแรก วันที่ 13 คือเมื่อคืนนี้ เธอคงได้แสงแห่งปัญญา กับคอยรับศีล 5 จากเราแล้วไปเกิด”
เราบอกเด็กๆ เสียงเจ้าน้อยพูดแทรกขึ้นเบาๆว่า “ ปกติเขาชอบใส่สีแดงพี่ คนที่ถูกเขาหลอก จะเห็นเขาในชุดแดงตลอด นี่แสดงว่าเขาเตรียมไปเต็มที่เลย …. เขารอพี่อยู่ ” เราจึงให้ศิษย์ทุกคนกำหนดจิต ขณะที่เรากรวดน้ำให้เธอ กับให้เธอพนมมือคอยรับศีล 5 จากเรา เมื่อคณะเราเดินออกมาจากป่า เรารู้ว่าอรุณประไพ หลุดจากป่านี้แล้ว แต่ขอไปฟังธรรมต่อที่บ้านบุญรักษาอีก 2 คืน ก่อนที่จะไปตามสภาวะจิตของเธอ ซึ่งอาจจะยกระดับจิตสูงขึ้นอีกหลังจากฟังธรรมเพิ่มขึ้นอีก 2 คืน พอคณะเราทั้งหมดรวมทั้งเจ้าน้อย ออกจากป่า เราตรงไปยังเขาภูผาแดง ทางขึ้นเขาต้องใช้รถแรงขับเคลื่อน 4 ล้อ เท่านั้นจึงจะขึ้นยอดเขาได้ เราวางแผนให้ทุกคน ไปทานข้าวกันที่นั่น เวลาขณะนั้นเลยเที่ยงไปแล้ว เราจึงหมดสิทธิ์ เด็กๆนำอาหารที่เตรียมออกมาทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งเจ้าน้อยกับพี่ชายได้ร่วมวงด้วย ท่ามกลางบรรยากาศป่าๆ บนยอดเขาที่อากาศของเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ทานกันได้มากเป็นพิเศษ เสียงนกร้อง มาพร้อมกับสายลม กับแสงแดดอ่อน ไม่ทันเก็บสำรับกับข้าว สมุนของพี่ชายเจ้าน้อยโทรมาบอกเจ้าน้อยว่า เอาอาจารย์ลงมาในหมู่บ้านมูเซอ มาปลดวิญญาณอีกจุดหนึ่งให้พวกเขาด้วย ไหนๆ มาแล้วก็ช่วยพวกเขาด้วย เพราะหญิงผู้นี้ตายท้องกลมลูกอ่อนคาท้อง คงหลอกหลอนชาวบ้านกันจนไม่เป็นอันทำมาหากิน เพราะบ้านหลังนี้อยู่เกือบจะกลางหมู่บ้านเลย ใครผ่านไปผ่านมาอดเสียวสันหลังกันไม่ได้ เมื่อทานอาหากันเสร็จ คณะเราขอปีนป่ายไปดูตรงหน้าผาของภูผาแดง เพื่อมองลงไปเห็นพื้นที่เขาปลูกไร่ส้ม ปลูกไร่ลำไย ของหมู่บ้านชาวมูเซอ หมู่บ้านกะเหรี่ยง ทุกคนเหงื่อท่วมตัว แต่พอไปถึงยอดเขาได้สัมผัสกับลมเย็นๆ ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเบื้องล่าง เบื้องหน้าพวกเรา รวมกับอาการอิ่มบุญที่เพิ่งได้แจกอาหาร เสื้อผ้า เครื่องบริโภค ให้กับชาวเขา มันเป็นความรู้สึกอิ่มบุญ อิ่มกับบรรยากาศ ที่ยากจะบรรยาย รู้แต่ว่าวันอย่างวันนี้ ในชีวิตพวกเรา คงมีกันได้วันเดียว จงจดจำกันไปอีกนาน
จากนั้นคณะเราพากันลงเขาไปยังที่จอดรถ ช่วยกันสองมือสองไม้ แบกกระติกอาหาร สัมภาระ อย่างเบิกบานใจสนุกสนาน ปีนขึ้นท้ายรถกระบะของพี่ชายเจ้าน้อยด้วยความตื่นตาตื่นใจเพราะต่างก็รู้กันว่า โอกาสที่จะได้ซุกซนอย่างนี้หาไม่ได้ที่ไหน นอกจากมากับจานวาเท่านั้น เมื่อถึงบ้านชาวเขาที่ตายท้องกลม เราได้กำหนดจิตกรวดน้ำให้เธอไปจากที่ตรงนั้นไปสู่ภพภูมิตามวิบากกรรมดี หรือไม่ดีที่เธอทำไว้ เพราะเธอไม่ได้เป็นชาวพุทธ ไม่รู้พุทธศาสนา นับถือผี เราทำได้เพียงเท่านั้น
บนทางขากลับเชียงใหม่ ได้ตัดสินใจแวะเข้าถ้ำเชียงดาว ได้ปลดวิญญาณพวกนาคอันเป็นโคตรญาติเก่าของพวกเรา โดยนาคชื่อปู่วิษณุ ผ่านเข้าร่างคุณหมี ให้นำหน้าคณะเราเข้าไปกลางถ้ำแล้วทำการปลดบริวาร ของปู่วิษณุ ซึ่งปู่อ้างว่าอดีตชาติ ชาติหนึ่งพวกเรามาจากถ้ำเชียงดาว อยู่ใต้บริเวณถ้ำเชียงดาวนี้ เป็นอันว่าวันนั้นคณะเราได้บุญใหญ่กันทั่วหน้า
พอกลับถึงเชียงใหม่ก็เตรียมตัวเปิดคลาส แต่แวะหาคุณแม่ที่โรงพยาบาล
ก่อนบอกคุณแม่ว่าไปทำบุญใหญ่มาให้คุณแม่นะ ไปแจกอาหารเสื้อผ้าชาวเขา เอาเงินคุณแม่มาสมทบด้วย คุณแม่รับรู้เกาะกุมมือพวกเราไม่ยอมปล่อยเหมือนได้ล่วงรู้ชะตากรรมของตนเองล่วงหน้า
ปิดคลาสวันที่ 15 จากนั้นอีก 4 วันคุณแม่ก็ละขันธ์ไปอย่างสงบ พร้อมด้วยบุญใหญ่ที่เราจัดให้ หลังจากที่ได้นอนทุกข์ทรมาน มาเกือบ 3 เดือน ด้วยอาการของโรค กรรมเลี้ยง
ยังมีวิญญาณอีกนับร้อยนับล้านดวงที่ติดอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ปู่เวสสุวรรณ อยากให้เราส่งขึ้นไปให้ปู่ได้สะสาง งานที่ค้างคา บางดวงวิญญาณ เป็นพันปี กับปู่ได้เรียกร้องให้เรามีข้อ เรียกร้องให้ละเอียดรัดกุมขึ้น เพราะมีวิญญาณที่ชอบลักไก่ปะปนเข้ามา ดังนั้นรายการปลดยกเข่งทั้งหมด เราเลิกใช้แล้ว แต่จะคัดแยกดวงวิญญาณ ว่าดวงไหนมีคุณสมบัติที่ควรไป ที่ไหน ตรงไหน ถูกเราแยกแยะไว้อย่างรอบคอบ ปู่เวสฯ เคยบอกเราว่าวิญญาณบางดวงปู่ตามหามานานทีเดียวหาไม่เจอ แต่ได้อาศัยปะปนกับวิญญาณอื่นๆ ขึ้นไป คิดว่าจะเล็ดลอดสายตาปู่ไปได้ แต่ปู่คว้าคอมาได้ทุกตัว วิญญาณพวกชอบลักไก่คือพวก ตัวเงินตัวทองในคราบนักการเมืองตำรวจทหารที่โกงกิน ประจบสอพลอ ตายก่อนกำหนด ตายเพราะกรรมตัดรอน จึงพยายามหลบหนีนายยมบาล ครั้นติดอยู่ในภพภูมินั้นนานเกินเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเห็นผู้มีบุญบารมีเข้ามาปลดปล่อย เลยฉกฉวยโอกาสไปกับเขาด้วย หารู้ไม่ว่าเมื่อขึ้นไป จะถูกนายยมทูต ตรวจสอบแต่ละดวงวิญญาณ แม้จะตายมาแล้ว นับร้อยนับพันปี บัญชีบุญ บัญชีบาปไม่เปลี่ยน “ข้าตามหาเจ้ามานานแล้ว อยู่นี่เอง …มาเลย เดี๋ยวข้าจัดให้ …โกงกินชาติบ้านเมือง ทำลายป่า ฆ่าสัตว์… ขายกระทั่งจิตวิญญาณของตนเอง …ผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน”
แล้วใครเล่าจะรอดไปได้ …เตรียมเรียงคิวรอรับกับผลกรรมนั้นกันได้เลย สมน้ำหน้าจริงๆ
จบบริบูรณ์