ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 49

เราตามหาน้าซี่ ตามที่อยู่ที่ น้าไข่กับน้องทั้งสองให้มาเดี๋ยวนั้นเลย โชคดีมาก ในวันอากาศที่เย็นสบาย แดดไม่อ้าวเกินไปฝนทำท่าจะตก เราไปพบน้าซี่ถึงบ้านตามที่อยู่ที่ได้มา ต่างคนต่างดีใจหลังจากไถ่ถามทุกข์สุขกันพอสมควร เราก็เรียนบอกน้าไปตรงๆ น้าแม้จะดูแก่ไปมากตามวัย แต่ยังแข็งแรงดีอยู่มาก ไม่เปลี่ยนเลย

“น้า จิ้ดหาซื้อบ้านอยู่” “เหรอ ซอยตรงข้ามกับบ้านน้ามีอยู่ 5 หลังกำลังจะขาย เดินไปดูกันมา… น้าจะพาไป”  แค่เดินข้ามสะพานเล็กๆ มีคูน้ำอยู่เบื้องล่าง เลี้ยวซ้ายเข้าซอย ไปอีก ประมาณ 300 เมตร ถึงซอยตัน ก่อนจะถึงท้ายซอย มีเลี้ยวแยกไปซอยขวามืออีก แล้วก็เป็นซอยตันอีก หมายถึงรถจะไม่พลุกพล่าน ผ่านตลอด เพราะเป็นซอยตัน จะมีก็เฉพาะของผู้อยู่อาศัย ตลาดอยู่ห่างไม่ถึงกิโลฯ เดินได้ด้วย อยู่หน้าวัดเลย ที่ซอยนี้เราเห็นคนงาน 7-8 คน กำลังถมวางฐานบ้านอยู่ บ้านหลังแรกตรงหัวมุมเขาสร้างเสร็จแล้ว มีป้ายติดประกาศขายอยู่ หลังสุดท้ายอยู่ท้ายซอย ก็สร้างเสร็จแล้ว ปิดป้ายขายอยู่เช่นกัน 3 หลังตรงกลางเขากำลังวางฐานอยู่ 3 หลังติดต่อกันไปกะสร้างทีเดียว 3 หลังเลย มีเนื้อที่ไม่เท่ากัน เราเดินเข้าไปดู หัวหน้าคนงาน ชื่อนายอเนก เราเข้าไปคุยด้วย อเนก ต่อ โทรศัพท์ ให้เราคุยกับเจ้าของเลย ชื่อ วิไลวรรณ จันทร์ศรี  หรือครูติ๋ม  เราบอกเขาว่า เราดูมาหลายแห่งแล้ว เราไม่มีงานทำ ไม่ต้องผ่านธนาคาร เพราะเราจะซื้อเงินสด ทันทีที่ได้ยินคำว่าเงินสด “พี่ๆ เดี๋ยวพี่ไปไหนต่อ คุยกับติ๋มก่อนพี่จะเอาหลังไหน เท่าไหร่ต่อกันได้” พี่เตรียมเข้ากรุงเทพฯ แต่ออกจากนี้ว่าจะไปแบงค์กรุงเทพ ที่เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว แล้วเธอก็วางหูไป เราดูบ้าน 3 หลังตรงกลางอย่างพอใจ เบื้องหลังเป็นป่าที่ดินยังว่าง เบื้องหน้าเป็นบ้านคนทั้งแถว ที่เขาหันหลังบ้านให้ จึงติดรั้วบ้านเขาด้านหลังที่เป็นกำแพงตลอดแนว  ไม่มีการจอแจวุ่นวายพลุกพล่าน มีแต่บ้านเรา 5 หลัง ที่จะอยู่กันอย่างสงบเงียบ กับนกกา ป่าเขียวทางหลังบ้าน มองไปไกลเบื้องหลังทิศตะวันตกเฉียงเหนือเห็นทิวเขา ที่ตั้งของดอยสุเทพ… สุดยอด ใจมันบอกว่าตรงนี้ใช่เลย ลองหยิบดินขึ้นมาสัมผัส จึงบอกกับน้าซี่ว่า… ตกลงจิ้ดจะซื้อตรงนี้ละ… แล้วพากันเดินกลับ จากนั้นไม่ได้ไปหาน้าซี่อีกเลย ( จนซื้อบ้านตบแต่งเสร็จย้ายเข้ามาอยู่  จึงชวนกันกับครูติ๋มไปหาน้าซี่แล้ว เราสองคนลงเงินกันมอบให้น้าซี่ 5,000 บาท ที่ช่วยหาบ้านให้เรา น้าตกใจมาก ตามมาดูบ้าน บอกสวยมากกับซื้อได้ถูก “น้าไม่นึกว่าจิ้ดจะซื้อจริงๆ”

เมื่อเราไปถึงธนาคารกรุงเทพ สองสามีภรรยาไปนั่งรอเราอย่างเรียบร้อยแล้วแนะนำตัวเอง เมื่อเราเสร็จธุระกับธนาคาร ทั้งคู่พาเรากลับไปดูที่บ้านอีกครั้ง เปิดบ้านหลังแรกที่สร้างเสร็จให้เราดู “พี่ หลังนี้สด ให้พี่ล้านห้า

หลังข้างใน เนื้อที่มากที่สุด 100 ตารางวา สองล้านเก้า หลังแรกหากจะเอาเลยได้ทันที ทุกหลังยังว่างยังไม่มีใครซื้อ ” เราจึงใช้เวลา เลือกเต็มที่แม้เวลาจะมีไม่มาก ในวันแรกที่เห็นก็ตัดสินใจเลย หลวงปู่หลวงตาจัดให้เต็มที่ทุกอย่างราบรื่นหมดจึงตอบเธอไปว่า “ พี่ สนใจหลังตรงกลาง ” ทราบภายหลังว่า ทั้งสอง เป็นครู สามีซื่อสถิตย์  ทั้งคู่กางแปลนบ้านหลังกลางให้เราดู “ เนื้อที่ประมาณ 49 ตารางวา ครูติ๋ม อธิบาย พี่ ห้องน้ำตรงนี้ ห้องนอนสองห้อง ห้องน้ำสองห้อง บ้านชั้นเดียวหมดทุกหลัง ” “ เดี๋ยวพี่ขอเปลี่ยน ย้ายห้องนอนมาอยู่ตรงนี้ติดป่าด้านหลัง เพื่อไม่ร้อนรับลมจากธรรมชาติได้ ห้องนอนไว้ตรงกลางจะร้อน  เอาห้องน้ำห้องที่สองมาอยู่ตรงนี้แทน ห้องน้ำใหญ่ ขอใส่อ่างอาบน้ำด้วย ” “ได้เลย ติ๋มจัดให้ ” “ พี่จะไปออสเตรเลีย สามเดือน กลับมาจะเสร็จไหม ” “ ติ๋ม จะเร่งสร้างของพี่ก่อน หากไม่เสร็จ ก็ใกล้เคียง ” “ คิดพี่เท่าไหร่ ” “ ติ๋ม ขอ 1.65 ” “ ไม่ได้ ราคานี้พี่หมดตัวเลย ไม่มีเหลือค่าเฟอร์นิเจอร์ พี่จะทำเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุ ท่านเสด็จมาเองเยอะมาก กับต่อไปอาจเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สร้างให้สูงขึ้นมากว่าทุกหลังนะ พี่ขอเป็น 1.45 ” “ ไม่ได้ พี่ให้ติ๋มเถอะ ” พูดแล้วเธอก็ผวาเข้ามากอดเอว ยื้อยักกันอยู่เราก็ไม่ยอมจะเอา 1.45 คงถูกชะตากับเราด้วย  “ ก็ได้ พี่ออกค่า โอนคนเดียวนะ กับพี่ต้องไม่บอกสองหลังข้างๆ พี่นะ ว่าติ๋มขายพี่ถูกกว่าเขา ทั้งๆที่เนื้อที่ของพี่มากกว่า ” “ ไม่มีปัญหา เออ เดี๋ยวแต่เลขที่บ้านอะไรนะ ” เธอบรรจงเอาแปลนบ้านขึ้นมา “ 14 แต่ ไม่รู้ 14 ทับอะไร 5  หลังนี้เลขที่ 14 ทั้งหมด ” ทันทีที่เธอบอกเลขบ้าน เรายืนขนลุกซู่  มันเป็นเลขที่ดีที่สุด ในบรรดาเลขศาสตร์ทั้งหมดที่เราชำนาญ เมื่อตกลงกันแล้ว “ พี่รู้ ว่าต้องวางมัดจำ แต่พี่รีบไม่มีเวลาทำสัญญา เพราะจะเข้ากรุงเทพฯ ไปหาแม่ เตรียมไปออสเตรเลีย เอางี้นะ เดือนหน้าวันที่หนึ่ง 1 พ.ย. ก่อนพี่ขึ้นเครื่อง พี่จะโอนเงินมัดจำให้ติ๋ม แสนบาท เอาเบอร์บัญชีมา กับมีข้อแม้อย่างหนึ่งนะ เวลาพี่ไปต่างประเทศ ติ๋ม ต้องมาดูแลบ้านให้พี่ “ ได้พี่ได้ ” “ สัจจะวาจานะ ”

เราได้โอนเงินให้เธอหนึ่งแสนตามสัญญา เมื่อหักค่าบ้านทั้งหมด ค่าโอนให้เธอ ยังเหลือเงินติดบัญชี อีกสองแสน  พอกลับจากออสเตรเลีย บ้านบุญรักษาเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่ทาสี ครูติ๋ม จะใส่เหล็กดัด มุ้งลวดให้ เรียบร้อยในราคา นี้  เรามีโอกาสไปออสเตรเลียอีก 3 หน ไปอเมริกาอีกสามหน ไปๆมาๆ เงินก็กลับมาที่เลข 2 ล้าน ตามเดิม  บ้านหลังนี้ จึงใช่เลย เป็นบ้านใหม่ ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีราคะ ท่านเลือกให้ ตอนกลับมาครูติ๋ม มาสารภาพว่า “ ตั้งแต่ติ๋มเกิดมาไม่เคยรู้จักใครอย่างพี่  ติ๋มสร้างบ้านขายมา 20 กว่าหลัง มีแต่เขาจะเข้ามานั่งทำสัญญามัดจำกันก่อน แต่พี่ไปเลย แล้วโอนมัดจำมา ติ๋มคงคบพี่อีกนาน เป็นพี่สาวติ๋มก็แล้วกันนะ “ ไม่โอนมาให้เธอได้อย่างไร ถ้าไม่โอนพี่ก็อด เพราะมีผู้หญิงอีกคนเตรียมวางมัดจำเธอ 50,000 บาท กับหลังนี้ที่พี่จะเอา อยู่แล้ว เธอก็เตรียม จะทำสัญญากับเขาอยู่แล้วนี่ ถ้าพี่ไม่โอน ” “พี่ …. รู้ได้อย่างไร ดูซิรู้หมดเลย ” สรุปแล้วทุกหลัง ขายออกหมด 4 หลังแรก 1.5, 1.65, 1.7, 1.45 ยกเว้นหลังในสุด 2.9 ผู้อยู่อาศัยทุกหลังต่างรักสันโดษ มีการมีงานทำ พอเช้ามาต่างออกไปหาเงิน ทั้งซอย มีจานวา อยู่คนเดียวได้ปฏิบัติธรรมเต็มที่ ไม่มีเสียงรถราเพ่นพ่าน พระเจ้า!!!!  สุขใดๆจะเทียบเท่า ต่อมาได้เปิดสอนสมาธิ ตามคำอธิษฐาน ที่บ้านหลังนี้ ครูติ๋มได้มีโอกาสมาคลาสทุกครั้งที่เราสอน ขณะนี้หลังแรกเลยตรงหัวมุม ได้ย้ายออกไปอยู่ทางหางดง เพราะใกล้โรงเรียนของลูกชายมากกว่า… ปิดป้ายขายหลังนี้ ในราคา 2.5 ซื้อมาในราคา 1.5 ยังใหม่อยู่ ว่างอยู่ ห่างจากบ้านบุญรักษาหลังเดียวคั่น

เลขที่บ้านบุญรักษา ที่ได้มาจะเป็นเรื่องบังเอิญ ธรรมจัดสรร หรือแรงอธิษฐานก็สุดที่จะปักใจลงไปได้ บ้านหลังนี้ใครมาแล้ว ก็อยากมาอีก มีพระอรหันต์ธาตุของหลวงปู่มั่น เสด็จตกลงมาหลายองค์ เป็นที่ชุมนุม ของทุกภพทุกภูมิยามค่ำคืน โดยมีพระตถาคต เป็นทรงเป็นองค์พระประธาน ที่สำคัญที่สุด ท่านบอกให้ใช้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเลย ไม่ต้องไปสร้างที่อื่นให้เหนื่อย ท่านให้เก็บกายขันธ์ไว้ใช้สอนธรรมะนานๆเพียงอย่างเดียว เพราะเราได้ทะลุฝาห้องให้กว้างพอที่จะบรรจุคนได้ ถึง 30 คน อย่างสบายๆ

ได้บ้านบุญรักษา ตอนอายุ 59 ปี จากน้ำพักน้ำแรงของตนเองล้วนๆ ตามที่ตั้งใจไว้  จึงเอวังลงด้วยประการฉะนี้