ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 65
- ตุลาคม 9, 2018
- ตอน เหตุเกิดที่บ้าน ด่านมะขามเตี้ย

ด่านมะขามเตี้ย เป็นอำเภอหนึ่ง อยู่ในจังหวัดกาจญบุรี เหตุการณ์ที่เกิดครั้งนั้น ผ่านมาหลายปีแล้ว จะเกิดขึ้นได้เฉพาะกับคนที่ปฏิบัติธรรมเท่านั้น จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ได้มีโอกาส ไปเยือน อ.ด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาจญบุรี อำเภอนี้ยังมีพื้นที่ทำนาที่เขียวขจี เต็มไปด้วยต้นมะขาม มีภูเขาลูกเล็กๆปรากฏให้เห็นกลางท้องนา ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า สองข้างทางยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นแนวไปตลอด มองไปทางไหน เห็นแต่สีเขียวสบายตาเหลือจะกล่าว
เพราะได้รับการติดต่อมาจากคุณนวล ( นามสมมุติ ) ญาติเธอซึ่งอยู่อเมริกาได้ติดต่อเรา ให้มาช่วยจัดฮวงจุ้ย กับตรวจดูความเรียบร้อยของศาลพระภูมิที่เขามีอยู่แล้วอีกครั้งว่า มีอะไรผิดปกติกับศาลพระภูมิหรือไม่ เพราะมีแต่ความวุ่นวาย อุปสรรคปัญหาในครอบครัวไม่รู้จบ ด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เมื่อนัดวันเวลากันเป็นมั่นเหมาะแล้ว เรากับเจ้าเพชร โดยมีสีหมอกรถคู่ชีพเป็นพาหะ เพเพชรเขารู้เส้นทาง จึงนับว่าโชคดีอยู่ไม่น้อย ที่นอกจากจะรู้เส้นทาง ยังช่วยขับ กับเป็นเพื่อนคุยกันได้ตลอดทาง เราออกเดินทางกันแต่เช้ามืด เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องแวะค้างแรมที่ไหน เนื่องจากเราจะคุ้นกับเส้นทาง ทางภาคเหนือมากกว่า ครั้นมาทางฝั่งตะวันตก มันดูแปลกตากันทีเดียว กับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้เจ้าเพชรอึ้งในตัวเราไปเลยจริงๆ กับเพิ่มความศรัทธาให้กับเราอย่างท่วมท้นจากที่อยู่ที่เขาให้มา เราเสียเวลาจากการหลงกันอยู่ไม่นาน เพชรพาเราตะลุยเข้าไปยังทุ่งนา ไร่ข้าวโพด ไร่มันสำปะหลัง ที่เป็นทิวแถวไปสุดลูกหูลูกตา จากถนนลาดยาง กลายเป็นลูกรัง วกไปวนมา มีบ้านของชาวบ้านซึ่งส่วนมากทำการเกษตรปรากฏให้เห็นไม่มาก นัยว่าตกดึกมา แถวนี้คงสงบเงียบน่าอยู่มากทีเดียว เพราะมันห่างจากความศรีวิไล ยังคงความเป็นบ้านนอกคอกนาอยู่เกือบ 100 % ท้องฟ้าสีครามสลับด้วยปุยเมฆบางเบาดังสำลีลอยอยู่ประปราย ลมพัดโชยมาตลอด สร้างความปลอดโปร่งมาอย่างอธิบายไม่ได้ ว่าสภาพอากาศวันนี้ ดีมาก
เพชรพาสีหมอกเลี้ยวซ้ายบนถนนลูกรัง บนทางแยกข้างหน้า เห็นตัวบ้านชั้นเดียวขนาดใหญ่ มีผู้คนมากหน้าหลายตามารอกันอยู่ “ คงใช่หลังนี้แล้ว เลี้ยวเข้าไปเลยเพชร ” เพชรจอดสีหมอกลงใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่หน้าบ้าน พวกเขาแต่งชุดขาวกันทุกคน รอเราอยู่แล้ว คุณนวล ที่เพิ่งจะรู้จักกันตรงนี้ เดี๋ยวนี้ แนะนำตัวเธอขึ้นมา พร้อมทั้งสมาชิกในครอบครัวเธอทุกคนที่อยู่ในชุดขาว เตรียมจะเข้าพิธีแซนตี้ด้วย คือขอขมากรรมต่อเจ้าที่เจ้าทาง สังเกตว่าทางจากตัวบ้านไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีศาลพระภูมิซึ่งจัดเต็มยศขนาดใหญ่ มีรั้วเล็กๆ แบ่งกั้นบริเวณศาล มีต้นดอกดาวเรืองบ้าง กุหลาบบ้างอยู่รายรอบ แค่ส่งจิตถามท่านดู ทักทายกันตามประสา ก็จับได้ว่า พวกเขาไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่ฮวงจุ้ยในบ้าน โดยทั่วไปแล้วเราแทบจะไม่อยากยกมือไหว้ ศาลพระภูมิของบ้านไหน เพราะภูมิจิตภูมิธรรมของเราสูงกว่าสัมภเวสีพวกนี้มาก แต่สำหรับศาลตายาย เราจะยกมือไหว้ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ บรรพบุรุษของพวกเรา แต่หากเจอศาลพระพรหม เราจึงยินดี คาราวะกราบไหว้
เรากับคุณนวล ตกลงกันว่าเราจะทำพิธีแซนตี้ กับเจ้าที่ก่อน จากนั้นทานข้าว แล้วจัดฮวงจุ้ยภายหลัง เมื่อตกลงกันแล้วทุกคนจึงช่วยกันปู่เสื่อลงยังลานหน้าบ้าน ช่วยกันจักอาหารข้าวปลา ของคาว ผลไม้ ของหวาน ซึ่งเขาจัดกันมาอย่างมากมาย เพราะสมาชิกในครอบครัวนี้เกือบ 15 คน แบ่งเป็นสองครอบครัวในรั้วเดียวกัน แต่ละคนมีปัญหาให้ได้พบกันความทุกข์ กันทุกคน เราสังเกตเห็นญาติของคุณนวลคนหนึ่ง เป็นหญิง มีลูกน้อย อายุยังไม่ถึงหกเดือน อุ้มอยู่ด้วย บางทีก็วางเด็กไว้บนเบาะ บางทีก็คว้ามาอุ้มติดอก เด็กร้องงอแง ตามประสาแต่ไม่มาก สุนัข 3-4 ตัว วิ่งดมนั่นดมนี่พยายามจะเข้ามายังจานอาหารคาวหวาน ครั้นถูกตะเพิดทีเดียว พากันมุดเข้าพงหญ้าไปแอบมองดูอยู่ห่างๆ
ขณะที่เราช่วยจัดอาหาร ดอกไม้ธูปเทียนในบ้าน สังเกตภายในบ้านกว้างขวางมาก มีหลายห้อง เขาได้จัดอย่างมีระเบียบไม่รก พื้นบ้านเป็นซีเมนต์ ที่ถูกปูทับด้วย พลาสติกน้ำมัน ลวดลายฉูดฉาด แต่ตู้ขนาดใหญ่สูง กับห้องเก็บของ เตียงนอน ผิดหลักฮวงจุ้ยทั้งหมด จึงรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก

ขณะนั้นเวลา 09.00 น. พอดี ซึ่งทุกอย่างเตรียมพร้อมกันแล้วเราจึงขอให้ทุกคนนั่งประจำที่ แล้วอยู่ในความสงบ เราได้จุดธูปขึ้น 5 ดอก บอกเจ้าที่ก่อนอื่น แล้วจุดตามอีก 7 ดอก อันเป็นเคล็ดของเราเอง ทุกคนนั่งเป็นแถวอยู่หลังสำรับกับข้าว โดยมีเรานั่งนำหน้า เจ้าเพชรนั่งประกบหลังเราทางขวามือ คุณนวล อยู่ทางซ้าย จากนั้นเป็นญาติโยมของคุณนวล นั่งเรียงกันอย่างมีระเบียบ ทุกคนอยู่ในความสงบ แม้แต่สุนัขทั้ง 4 ตัว ก็เหมือนโดนอะไรมาปิดปาก ได้แต่โผล่หน้ามามองดูกันด้วยความสงสัย ลิ้นเลียปากตามประสา เมื่อเราเริ่มสวดมนต์ได้แค่ 3 – 4 นาที ท่ามกลางความเงียบ นอกจากเสียงของเราแล้วก็มีแต่เสียงนกกา เสียงลมพัดใบไม้ เด็กน้อยได้แหกปากร้องออกมาอย่างจงใจ แล้วร้องแบบเบรกไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ไม่ว่าหญิงผู้เป็นแม่จะทำอย่างไร ขนาดลงทุนงัดนมออกมาทั้งเต้า จะยัดเข้าปากลูก เด็ก เจ้ากรรมก็ไม่สน กูจะร้องลูกเดียว ซึ่งตอนแรกเราก็สวดมนต์ต่อโดยทำไมรู้ไม่ชี้ แต่เด็กยิ่งทวีเสียงดังขึ้นๆ จนเจ้าเพชรเริ่มกระสับกระส่าย กลัวเราจะหันไปบีบคอเด็กให้ตายคามือ คุณนวลเองทำอะไรไม่ถูก ญาติๆ ทุกคน นั่งนิ่งสงบแบบหมดปัญญาจะแก้ไข ในทางใดๆ กับคงอยากจะลองของด้วยว่า อาจารย์วารุณี ที่ว่าเด็ดมาก จะแก้ปัญหาตื้นๆ อย่างนี้ได้อย่างไร แต่ตรงข้าม เรายังนั่งสงบสวดมนต์ต่อไปตามปกติ แต่สู้เสียงดังจ้าชนิดเปิดสูงเต็มเสียงจากปากเด็กไม่ได้ พูดง่ายๆ เสียงเด็กกลบเสียงเราสนิท แม่เด็กก็ไม่คิดจะอุ้มเด็กเลี่ยงไปทางอื่น เพราะอยากอยู่ในพิธีขอขมาเจ้าที่ด้วย ซึ่งเราก็ไม่ตำหนิ แล้วก่อนที่ใครจะตัดสินใจอย่างไรได้ เราหยุดสวดมนต์ลงกึก ยังนั่งตัวนิ่งเฉยอยู่แต่พูดขึ้นมาเบาๆ พอที่คนที่นั่งติดเราซ้าย ขวา กับเบื้องหลัง จะได้ยินกันได้ว่า “อย่านะ อย่าทำให้อารมณ์เราขุ่นนะ เมื่อไหร่ที่เรากลั้นไม่ได้ มันจะฉิบหายวอดวายกันด้วยไฟนรก อย่ามายั่วเด็ก อย่ามาแกล้งเด็ก เรามาด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ จะแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้ แต่ตอนนี้ มาเล่นกันสักตั้งก็ดีนะ จะต่อไหม หรือจะหยุด ชักสนุกขึ้นมาละ” สิ้นเสียงของเรา เด็กที่แหกปากร้องจนลืมวิธีหุบอยู่ หยุดร้องกึกเหมือนปากถูกเหยียบด้วยฝ่าเท้าขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ความสงบเงียบพร้อมสายลมโชย เสียงนกกา กลับมาอีกหน กับแดดเริ่มกล้าขึ้นตามเวลา จนพิธีเสร็จอย่างเรียบร้อยพวกเราก็ตั้งวงทานข้าวกันตรงนั้น หลายๆ คนมองเรามาด้วยสายตา ที่ประหลาด เหมือนเราเป็นมนุษย์ต่างดาวลงมาเยือนเพื่อนชาวโลก
ทานข้าวเสร็จ พวกหนึ่งพากันเก็บสำรับกับข้าวไปชะล้าง สุนัขทั้ง 4 วิ่งออกมาอย่างดีใจ ถึงเวลาที่รอมานาน ที่น่าแปลก เด็กน้อยคนนั้นกินนมแม่แล้วหลับไปเลยเพราะเหนื่อยจากการอ้าปากแผดเสียงร้องเต็มที่ สังเกตว่า ฮวงจุ้ยที่ผิด เป็นเตียงนอน ตู้ขนาดใหญ่ กับที่ห้องเก็บของ เขาสะสมผลิตภัณฑ์การเกษตรไว้ในห้องหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งของในห้องเป็นอีกจุดหนึ่งที่ผิดหลักฮวงจุ้ย กับส่งผลร้าย ให้กับผู้อยู่อาศัยทุกคน คุณนวล ถือเป็นเรื่องใหญ่ เดินตามเราจดรายละเอียดปรับเปลี่ยนทุกอย่าง ทุกห้อง ทุกจุดตามที่เราบอก ก่อนกลับเราได้กรวดน้ำให้เจ้าที่ งานเสร็จลงก่อนบ่ายสองโมง จึงทำให้เราบ่ายหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯได้ตามเวลา ขณะได้อยู่กันตามลำพังกับเจ้าเพชร คนขับรถ เธอพูดว่า “อาจารย์ เพชรขนลุกเลย เพชรได้ยินทุกคำพูดที่อาจารย์พูด พออาจารย์พูดจบ เด็กเงียบลงทันที เพชรอยากถามอาจารย์ 2 ข้อเป็นความรู้จะได้ไหม? ” “ ได้ถามมาสิ”
“ข้อแรก อาจารย์รู้ได้อย่างไร ว่าเด็กไม่ได้ร้องเอง?” “จากประสบการณ์ที่ผ่านมานะ เจ้าที่บริเวณนั้น พอเห็นเรามาทำพิธี อยากจะมาลองของ อีกข้อ เราได้รู้ด้วยจิตก่อนที่จะเกิดขึ้นเลยว่าเดี๋ยวจะมีใครมาแกล้งทำลายพิธี พวกนี้เป็นเหมือนนกสองหัว คือตอนแรกเข้ามาลองของ ถ้าเราแน่จริงดีจริง ทำเขาแพ้ เขาก็จะแบมือขอส่วนบุญเลย ทันทีมันมีแต่ได้กับได้ ถ้าเราแพ้ เราก็ต้องถอยร่นไป”
“ข้อสอง อาจารย์พูดแค่เบาๆแท้ๆ เพชรเองแทบไม่ได้ยิน เจ้าที่เขาได้ยินเหรอ เขาจึงทำให้เด็กเงียบเลย” “ที่จริงนะเพชร ไม่ต้องพูด แค่คิดโดยส่งจิตพูดกับเจ้าที่ทางมโน เขาก็ได้ยิน แต่เราตั้งใจจะให้เพชร กับคุณนวลที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เข้าใจว่าเรารู้เท่าทันเจ้าที่ กับเราแก้ไขได้ จึงพูดให้ได้ยิน เพราะถ้าพูดในความคิด เพชร กับคุณ นวลก็ไม่รู้ว่าเราเป็นคนทำให้เด็กหยุดร้อง” “โห …อาจารย์สุดยอดเลย เรื่องแบบนี้เพชรเพิ่งเห็นอาจารย์นี่แหละที่ทำได้คนแรก”
เรื่องนี้ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว พลังจิตเราตอนนั้นยังไม่เต็มพิกัด เท่าในยุคปัจจุบัน ที่เราสามารถสั่งให้ไฟนรก แผดเผาวิญญาณชั่วๆ ของพวกศาสนาที่มาเข่นฆ่าชาวพุทธ เด็ก ครู พวกเผาโรงเรียนทางภาคใต้ จนวิ่งหนีไฟนรก แตกกระเจิงกระจัดกระจาย ล้มลุกคลุกคลานไม่ผิดหมาถูกน้ำร้อนเดือดๆ มาแล้วด้วยไฟโทสะ ต่อหน้าเด็กเราคนหนึ่งที่มีตาทิพย์เธอตกใจร้องลั่นว่า “อาจารย์ๆ มันวิ่งหนีกัน ล้มลุกคลุกคลาน ชั่วพริบตา หายเรียบ”
สำหรับผู้ปฏิบัติแล้ว จริงอยู่ที่เขามักจะอยู่กับโลกของความไม่มี แต่เมื่อเขาจะให้เกิดสิ่งที่ไม่มี ไม่เห็น ให้เป็นขึ้นมาจริงๆ เขาทำได้