ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 70
- ตุลาคม 14, 2018
- ตอน เสือสมิง 3

ด้วยหัวใจของพระป่ากรรมฐาน ความเจ็บปวดแค่นี้ ไม่ก่อให้เกิดความกลัวแต่อย่างใด รวมทั้งไม่คิดจะถอย หรือยอมแพ้ แก่เสือสมิงทั้ง 2 หลวงพ่อลุน จึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แล้วนำสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งของพระป่าออกมาจบเหนือศีรษะ ด้วยความเคารพอย่างสูง แล้วอธิษฐานว่า “ ข้าแต่ พระคุณรัตนตรัย คุณพ่อคุณแม่และครูบาอาจารย์ ทุกคน ข้าพเจ้า ขอฝากชีวิตทั้งหมดไว้กับท่าน จากนั้นจึงอธิษฐานอีกว่า อินัง สังฆติง อธิษฐามิ ทุติยัมปิ อินัง สังฆติง อธิฐามิ ตะติยัมปิ อิมัง สังฆติงอธิษฐามิ ” จากนั้นจึงนำด้ายมาผูกเป็น 5 เปาะ อีกครั้ง สำเร็จ เป็นรูปคนตัวใหญ่ แล้วจึงเริ่มบริกรรมคาถาผูกหุ่นพยนต์ ขึ้นมา ทันทีที่กระแสจิตของท่านแผ่ออกไป ทำให้เสือสมิงทั้งสองตัวที่ยังบาดเจ็บอยู่ ได้สัมผัสล่วงรู้ ว่าหลวงพ่อได้ผูกหุ่นพยนต์ขึ้นมาใหม่ ทำให้มันตัดสินใจ หลบถอยไปตั้งหลักก่อน เมื่อมันทั้ง 2 ถอยออกไปกลิ่นสาบสางอย่างรุนแรงค่อยๆ จางหายไป หายไป ในที่สุด ก็พอดีแสงอรุณแสงแรกโผล่ขึ้นขอบฟ้า มรณานุสติได้วูบขึ้นมาในจิตของหลวงพ่อลุนทันที ว่า อันว่าความตาย ต้องพึงบังเกิดกับหลวงพ่อแน่นอน ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ แต่วันนี้เรายังโชคดีอยู่ พลันเสียงภูมิเทวดา ได้ดังขึ้นอีกครั้งว่า “ พักผ่อนก่อนเถิดครับหลวงพ่อ สว่างแล้วผมจะนำหลวงพ่อออกจากป่านี้ ” หลวงพ่อลุนจึงล้มตัวลงนอนทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน ประมาณสายๆ เมื่อหลวงพ่อตื่นขึ้นมา พบชายชาวบ้านหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่งตัวสะอาดนำอาหารมาถวาย ถวายแล้วไม่รอรับศีลรับพร กราบลาจากไปเลย ไม่ทันได้คุยอะไรกัน พอหลวงพ่อฉันท์เสร็จ ก็รีบเก็บเครื่องอัตถะบริขาร แล้วรีบเดินมุ่งหน้าเพื่อหาทางออกจากป่าอาถรรพ์ นั้นอย่างไม่รอช้า
พอเดินมาจนเวลาล่วงเลยมาทั้งวันจนเย็น ปรากฏว่าสถานที่ ที่หลวงพ่อได้ตัดสินใจ ปักกลดลงในคืนนี้ มันคือสมรภูมิเดิมที่ท่านสู้กับเสือสมิงในคืนก่อน จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ( เป็นฤทธิ์เดชเวทย์มนต์ของสมิงทั้ง 3 อย่างไม่ต้องสงสัย ) หลวงพ่อลุนก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะสู้ตายกับภัยอำนาจมืด ที่หมายเอาชีวิตท่านอยู่ที่นี่ จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ก่อนจะมืดหลวงพ่อได้ทำวัตรเย็น เจริญพระพุทธมนต์ ทุกบทที่เคยร่ำเรียนมา จากนั้นนำไม้แห้งมาสุมไฟเอาไว้เป็นจำนวนมาก แล้วนำผ้าสังฆาฏิ ของท่านออกมาผูกด้าย 5 เปาะ สำเร็จเป็นตัว แล้วบริกรรมคาถาผูกหุ่นพยนต์ ครั้งนี้หลวงพ่อตัดสินใจ ผูกหุ่นพยนต์ของท้าวเวสสุวรรณอย่างดีแล้วปลุกเสกต่อไปอย่างไม่ยอมหยุด ไม่ยอมพักผ่อน จนเวลาล่วงเข้า 2 ยามของค่ำวันนั้น จู่ๆฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้กองไฟที่ท่านก่อเอาไว้มอดไหม้ลงจนดับสนิท แต่หลวงพ่อลุนยังคงบริกรรมต่อไปอย่างไม่ยอมหยุด จนกระทั่งฝนได้ขาดเม็ดลง ก็ได้ปรากฏร่างของพรานป่าคนหนึ่งเนื้อตัวรุ่งริ่ง ต็มไปด้วยเลือด วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาหาหลวงพ่อ ( จากเวทย์มนต์ของเสือสมิง ชายคนนี้อดีตเคยถูกเสือสมิงตัวใดตัวหนึ่งกัดตาย ถูกอิทธิฤทธิ์ของเสือสมิงกำกับให้แปลงตนออกมาในรูปของพรานผู้นี้ เพราะวิญญาณของพรานผู้นี้ ก็สิงสู่อยู่กับเสือนั่นเอง ) คลานเข้ามาหาหลวงพ่อ ปากก็ร้องว่า “ หลวงพ่อครับ ช่วยผมด้วย ช่วยผมที เสือครับเสือ ” ทำให้หลวงพ่อต้องลืมตาขึ้น ภาพที่ท่านเห็นสร้างความสลดใจให้ท่านอย่างมาก ท่านรีบลุกเดินออกมานอกกลด หมายจะช่วยพรานป่าเคราะห์ร้ายผู้นั้น แต่ก่อนที่เท้าหลวงพ่อจะก้าวพ้นออกจากกลด ได้บังเกิดลมบ้าหมูกระโชกขึ้นมาอย่างแรง พัดเอาผ้าสังฆาฏิที่ท่านปลุกเสกแล้วนั้น ปลิวไปทับร้างของพรานผู้นั้น พลันเสียงโหยหวน พรานป่าที่ร้องขึ้นได้กลายเป็นเสียงเสือร้องอย่างเจ็บปวด ปางตาย ของเสือลายพากกลอดขนาดใหญ่ ที่กำลังสะบัดหัวอย่างแรง เพื่อให้ผ้าสังฆาฏิผืนนั้น หลุดออกจากหัวให้ได้ แต่กลายเป็นว่า ยิ่งสะบัดผ้าก็ยิ่งติดแน่นขึ้นเหมือนโดนกาวตราช้าง หลวงพ่อตกตะลึงไปชั่วขณะ ที่เห็นจะๆกับตาว่า พรานป่ากลายเป็นเสือไปแล้ว ท่านก็ลงนั่งสมาธิในกลดอย่างลืมตัว อาจเป็นสัญชาติญาณ ของพระป่ากรรมฐาน จากนั้นก็บริกรรมคาถาปลุกหุ่นพยนต์ท้าวเวสสุวรรณของท่านก็ดังขึ้น คำภาวนา ทำให้สติของหลวงพ่อกลับคืนมา ท่านจึงหยุดภาวนาเสียงดัง ภาวนาทางจิตจนเกิดเป็นสมาธิดิ่งลึกทันที จึงปรากฏภาพในนิมิต เห็นรูปยักษ์หนึ่งตน กำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่กับเสือสมิง 3 ตัว เสือตัวหนึ่งพลาดท่าถูกยักษ์ จับหักคอ ก่อนที่เสือตัวนั้นจะสิ้นใจตาย เสือสมิง อีก 2 ตัวจึงพากันรุมกระโดดเข้ากัดแขนขายักษ์ เต็มแรง แต่ร่างกายยักษ์ เป็นหินแข็ง ทำให้เสือทำอะไรยักษ์ไม่ได้ แถมโดนยักษ์ง้างกระบองฟาดลงกลางกบาลของสมิงอีกตัวหนึ่งอย่างแรง และแม่นยำ โดยเสือไม่มีเวลาอำลา มันขาดใจตายทันที ขณะที่เสืออีกตัว ทำท่าเผ่นหนีเอาชีวิตรอด ยักษ์ กระโดดขึ้นขี่หลังเสือตัวนั้นพร้อม หักคอเสืออย่างไม่ต้องออกแรงมาก แต่เสียงมันดังกร๊อกอย่างถนัดถนี่ เสือตัวสุดท้ายได้ขาดใจตายหมดเวรหมดกรรมในชาตินี้ เมื่อทุกอย่างจบสิ้น ยักษ์ได้อ้าปากขึ้น พลันแสงเรืองสีเขียว ได้ลอยออกจากร่างเสือสมิงทั้ง 3 ตัวเข้าปากยักษ์ เข้าใจว่ายักษ์ จะนำวิญญาณร้ายทั้งหมดกลับลงสู่นรกอย่างแน่นอน ยักษ์ ได้หายไป กลิ่นสาบสางได้หายไป ทุกอย่างเงียบสงบลงสู่สภาพปกติ หลวงพ่อลุน จึงลืมตาขึ้นพบว่า เสือ ทั้ง 3 หายไป ยักษ์ หายไป เหลือเพียงผ้าสังฆาฏิ ของหลวงพ่อผืนเดียวตกอยู่ ท่านจึงคาดว่า แม้เสือ 3 ตัว ก็ไม่เหลือซาก คงเป็นเพียงวิญญาณ เป็นแน่ เพราะเมื่อ เสือตายลง จะต้องเหลือซากไว้ให้เห็น แต่นี่ไม่เหลืออะไรให้เห็นเลย
แสดงว่า เสือสมิงทั้ง 3 ตัวนี้ วิญญาณที่สิงสู่อยู่แก่กล้าด้วยอาคม กับสามารถมีชีวิตยืนยาวอยู่ได้เป็นร้อยปี ที่หลวงปู่ทวดเล่าเรื่องเสือสมิงให้เราฟังนั้น คงไม่มีอะไรสงสัยอีก ว่าเสือสมิงมีอยู่จริงแล้วทำอะไรได้บ้าง