ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 182

อ.วารุณี

5-6 ปีที่รู้จักนิ่ม บอกได้ไม่ยากว่า จิตของนิ่มสามารถเป็นเครื่องรับกับใครที่อยู่ต่างภพต่างภูมิได้ แม้ว่าในการปฏิบัติดูเหมือนนิ่มยังไม่เข้ารูปเข้ารอย ทั้งทางภาคปริยัติ หรือปฏิบัติอะไรที่เป็นรูปธรรมเลยก็ตาม แต่ทางด้านปฏิเวธ คืออาการของจิต ของนิ่มกลับทำงานได้เองอย่างน่ามหัศจรรย์ยิ่ง จะว่าเป็นฐานเก่าของเขาจากอดีตชาติก็ตาม มาชาตินี้เจ้านิ่มตะเกียตตะกายหาครูบาอาจารย์ ลองมันทุกอย่างทั้งรับขันธ์ ทั้งสักตามตัว หลังจากมาเข้าคลาสเราได้หลายคลาส นิ่มเล่าว่า ครูที่นิ่มไปรับขันธ์ด้วยกับปกติทุกปีต้องไปทำพิธีต่ออายุ มาเข้าฝันบอกกับนิ่มเฉยเลยว่า “เ ราจะไปแล้วนะ ” เข้าใจว่าจากการที่นิ่มมาฟังธรรมกับเราจนเกิดแสงแห่งปัญญาขึ้นมาบ้าง แสงสว่างจากตัวนิ่ม บอกถึงบารมีของครูผู้สอนธรรม ให้ธรรม ทำให้ครูอีกคนผู้มาทางอวิชชาอยู่ไม่ได้ ต้องถอยออกไปเอง  แม้ว่านิ่มจะหลุดจากตรงนี้มาได้ เรื่องรับขันธ์ นิ่มยังต้องรับวิบากจากการไปสัก รับเอาอะไรมาอีกเด้งหนึ่ง กว่าจะเป็นผู้เป็นคนได้ ในปี 2020 ประมาณเดือนกันยายน เราได้เปิดคลาสล่าสุดที่บ้านบุญรักษา ที่เชียงใหม่ คือเมื่อเดือนที่แล้วที่ผ่านมา เพ็ญกับนิ่มมาคลาสด้วย ในคลาสมีการปลดวิญญาณ ชวนชมได้ผ่านนิ่มมาในคลาส เพื่อกราบลาเรา คลาสนี้เราได้ตรวจสภาวะจิตนิ่ม กับเด็กอีก 4-5 คน เป็นครั้งแรกดังที่เขียนไปแล้วในบทก่อน

บัดนี้นิ่มคลานมานั่งอยู่เบื้อหน้าเรา เด็กในคลาสที่เหลือ เป้ หน่อย เปิ้ล คุณเล็ก และเจ้ารัตน์ นั่งสมาธิกับเงียบกริบ แบบสำรวมกันสุดขีด เพราะเด็ก อีก 3-4 คนที่เราตรวจสภาวะจิตไปแล้ว มันใช่อย่างที่เราบอกกันทุกคน อันเริ่มจากเจ้าเป้

ประหลาดที่สุด พิสดารที่สุดคือ สภาวะจิตของเจ้านิ่ม แค่เธอคลานมาเบื้องหน้า ยังวางก้นของเธอลงไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะน้ำหนักเธอมโหฬาร จิตเราจับจิตเจ้านิ่มได้ทันทีว่า เมื่อชีต้องการจะรู้เรื่องอะไรสิ่งใด จิตชีไวมาก จะใช้วิธีกำหนดจิตแค่ชั่ววินาที จิตเธอจะดำดิ่งลึกสงบนิ่ง เพียงชั่ว 3-5 วินาที ช่วงที่จิตเธอว่างนี้ ข้อมูลอะไรต่างๆ ที่ชีอยากจะรู้ คำตอบจะโผล่ขึ้นมา ซึ่งจิตเธอจะกอบโกยคำตอบทั้งมวลเอาไว้  จากนั้นจิตจะกลับมาแส่ส่ายไปตามอารมณ์เดิม ณ.ปัจจุบันตามปกติของมัน ที่เข้ามากระทบทั้งกายทางใจ เปรียบเทียบกับมอนิเตอร์ที่เขาใช้วัดการเต้นของหัวใจ มันขึ้นลงสูงสุด ต่ำสุด ไม่เคยมีคำว่าสายกลาง  นี่เป็นธรรมชาติของจิตของเจ้านิ่ม ที่น่าประหลาดมาก “…โห …นิ่ม จิตเอ็งทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไมเอ็งจะรักษาระดับจิตเอ็งให้มีสมาธิที่ตั้งมั่นอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งไม่ได้หรือ?” “หนูจะทำอย่างไรจาน” “เอ็งต้องใช้ตัวสติตัวเดียว แต่กว่าจะได้มันมาต้องภาวนาบ่อยๆ หาฐานสมาธิให้ได้ก่อน แล้วสติจะอยู่กับตัวตลอดเวลา ต้องควบคุมจิตให้เข้าที่เข้าทาง ต้องค่อยๆ ทำ ค่อยๆ หลอกล่อมัน เริ่มต้นใหม่อย่างช้าๆ และไปด้วยความเข้าใจอย่างที่เราสอน”

อ.วารุณี

เมื่อสิ้นสุดคลาสนี้ คณะเรา 5-6 คน นัดกันไปอาบน้ำพุร้อน เสร็จแล้วกลับมานวดต่อที่บ้านบุญรักษา  โดยที่คุณแดง ซึ่งเป็นนักเรียนคนหนึ่งเป็นหมอนวดที่นวดเพื่อรักษา หนูนานวดเสร็จ เลขานิชาวัลย์ ก็มานวดต่อ เพ็ญนั่งเปิดไพ่คุยกับนิ่มกับเจ๊นาอยู่อีกวงหนึ่ง ส่วนเรานั่งทำงานที่โต๊ะทำงานของเรา จึงได้ยินการสนทนาของเพ็ญกับเจ๊นา และนิ่มที่นั่งกันอยู่ตรงวงไพ่ทาโร่ทุกถ้อยคำ เพ็ญเปิดไพ่ให้หนูนา ( ซึ่งเราเป็นคนสอนไพ่ทาโรให้เพ็ญเอง ) เพ็ญพูดถึงร้านอาหารเจของเจ๊นาว่า บ่อร้างที่อยู่หลังร้านนั้น มีนาค มิจฉาทิฐินาคอยู่ตนหนึ่ง กับในร้านมีวิญญาณ เจ้าที่ ที่ไม่ค่อยให้คุณ เพราะบริเวณร้านเจ๊นา อดีต เป็นสนามรบ กับมีลานประหารนักโทษอยู่ในบริเวณ เขาจึงมาสร้างวัดสวนดอกลงตรงจุดนี้ เพื่อคอยสะกดวิญญาณจำนวนมากที่นับไม่ได้ โชคดีที่เจ๊นา มีเมตตาญาณสูงมาก ครูบาอาจาร์ทั้งแม่กวนอิม หลวงปู่ทวด พระศิวะ จี้กง อยู่กับเจ๊นาหมด หากไม่ดีจริงเธอคงไม่มาพบเรา เธอเป็นชาวเขาเผ่ามูเซอร์ ซึ่งรู้ธรรมมากกว่าชาวไทยพุทธแท้ๆ บางคน หลวงปู่หลวงตาจึงส่งเจ๊นาเข้ามาให้เราอมรบ สอนธรรมมะที่ถูกต้องให้ ก่อนหน้านี้ก็ถูกคนไทยพุทธในรูปแม่ชีบ้าง คนโน้นคนนี้หลอกใช้ให้ไปตั้งโรงทานให้ฟรีๆ หลอกใช้ไปถางหญ้า แต่ไม่เคยมีใครมาสอนธรรมมะให้เธอได้ฟังได้รู้รสแห่งพระธรรมสักคน จนกระทั่งมาเข้าคลาสแรกของเรา เธอทิ้งทุกคนหมดเลย เราจึงเป็นคนที่เธอเลือกแล้ว ตามเจตนารมณ์ของหลวงปู่หลวงตาที่ส่งเธอมาให้เรา แม้กระนั้น เจ้าที่ นาค วิญญาณ ต่างๆ จะคอยดูดพลังจากเธอ เพราะเธอขายอาหารเจ บางคนไม่มีเงิน เธอให้กินฟรี พระชีเข้ามาเธอถวายหมด ชีบางท่านเข้ามาฉันหลังเที่ยง เธอก็ให้ เมื่อพลังถูกดูดทุกวันๆ เธอไม่ไหว “มันมีนาคอยู่ในบ่อ กับวิญญาณเยอะมากที่ดูดพลังเธออยู่ เพ็ญพูด “พี่แดงก็รู้ว่ามีนาคอยู่ในบ่อ” “เราก็รู้ แต่เราไม่อยากยุ่ง” เราพูดขึ้นมาบ้าง “เจ๊นาจะต้องกั้นบ่อนั้นให้เป็นส่วนสัดจากร้าน เอาพระมาสวดหนึ่งวันทำพิธี จัดอาหาร ทำบายศรี” นิ่มพูด แต่ใจเราคิดทันทีเลย ไม่ต้องไปเชิญพระให้ยุ่งยากเลย แค่ให้ข้าไปจัดการก็เรียบร้อย ไปเชิญพระเสียเงินทอง วุ่นวายพระที่เชิญมาศีลบริสุทธิ์หรือเปล่าก็ไม่รู้  พวกนั้นเขายังถกกันอยู่ เจ๊นากำลังจะคล้อยตาม เลขานอนอยู่บนพื้น พี่แดง นวดให้อยู่ อยู่ๆ นิ่มหันไปพูดกับพี่แดงว่านวดเสร็จหรือยัง เสร็จหรือยัง มีแสงอะไรแว๊บๆ ผ่านมาข้างหน้าหนู  พอนิ่มพูดคำนี้ เรารู้เลย วางมือจากงานบนโต๊ะลุกไปนั่งบนพื้นเบื้องหน้านิ่ม นิ่มมีอาการนั่งในท่าสงบ สำรวมหลับตา เลขาลุกจากพื้นเพราะพี่แดงนวดเสร็จพอดี “เจ้าไปคุย ไปคุยกับเขา” ท่านที่ผ่านมารู้เลย ว่าแค่เราไปคุยให้ที่ร้านเจ๊นา ทุกอย่างจะสงบ “พระคุณเจ้าเป็นใคร ขอทราบชื่อได้ไหม เคยมาหรือยัง” “เรายังไม่เคยมา” พระองค์ไม่บอกชื่อ แต่ทำมือ ทำนิ้วกรีดนิ้วไปมาเหมือนพระโพธิ์สัตว์กวนอิมเวลาลงสนทนากับเรา เรากราบเรียนถามอีกหลายเรื่องซึ่งท่านก็เมตตาตอบให้ แล้วถามอีกว่า “จะได้เดินทางไปอเมริกาอีกไหม” “ได้ไปแน่ท่านตอบ”  “รักษาความเมตตาของเจ้าไว้นะ” ท่านพูดขึ้นมาเอง แสดงว่า พระองค์ได้จับตามองดูเราอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน  แล้วท่านก็ไป “ จานหนูไม่รู้ว่าใคร ” นิ่มบอก หันไปมองเพ็ญ หนูก็ไม่รู้ “แต่เราต้องไปคุยกับนาคตนนั้นที่ร้านเจ๊นา ไม่ต้องไปเอาพระมาให้วุ่นวาย ท่านบอกให้ไปคุย งานเข้าเลยที่จริงเรารู้มานานแล้วไม่อยากยุ่ง เพราะมันแรง มันเยอะ” “จานอ่ะ ถือว่าช่วยลูกหลานเถอะ” เจ๊นาอ้อน …เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไป รวมทั้งไปคุยกับนาคตนนั้นกับวิญญาณที่ร้านเจ๊นาให้เธอเรียบร้อยแล้ว ต้องรีบทำเพราะเทศกาลเจกำลังจะมาถึง ร้านจะยุ่งมาก เจ๊นาจะไม่ไหวตายอย่างเขียดเสียก่อน พนักงานช่วยขายก็ไม่พอ สามีต้องลางานลงจากดอยโครงการหลวงมาช่วย  เพื่อให้ร้านราบรื่นไม่มีอุปสรรคปัญหา ต้องไปคุยกับหมู่ให้รู้เรื่องก่อน เราได้จัดทุกอย่างเสร็จเพียงชั่วเวลา 5 นาที กลางวันแสกๆ โดยไปนั่งข้างบ่อเรียกนาคขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง แล้วก็ตกลงกันได้ จนเทศกาลเจผ่านไปร้านอาหารเจร้านเล็กๆ เหมือนรูหนูของเจ๊นา ขายได้ยอด วันละ 13,000-15,000 บาท จากปกติ ทุกวันขายได้ 2,500-4,000 บาท เธอก็มีความสุขอยู่ได้สบายๆ แล้ว

แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะเจ้าเพ็ญ ศิษย์เราอีกคน เป็นคนช่างสงสัย ดันไปเข้าสมาธิอธิฐานจิตถามว่า พระองค์ที่ลงมาคุยกับเราโดยผ่านทางนิ่มมา เป็นใคร ท่านมาปรากฏให้เพ็ญทราบ จากการแต่งพระองค์รูปทรงสัณฐาน เพ็ญรีบหาจากทางกูเกิล จึงส่งชื่อพระคุณเจ้าองค์นี้มา พระนามของพระองค์ คือพระรูไหล บ้างก็เรียกว่า ยูไร เป็นพระศาสดาพระองค์ต้นๆ ก่อนที่พุทธกาลพระศาสดา 4 พระองค์ รวมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเราจะเกิดด้วยซ้ำ คำถามคือ แล้วท่านเสด็จลงมาโปรดเราเรื่องอันใด เราจึงถามจิตเราดู จึงได้คำตอบมาว่า ดวงจิตวิญญาณของเราได้เวียนว่ายตายเกิดมาตั้งแต่ก่อนพระศาสดาพระองค์แรกในพุทธกาล 4 พระองค์นี้อีก จนสหายเราผู้ปฏิบัติได้หลุดพ้นกันไปหมดแล้ว เหลือเราเพียงแค่คนเดียว เขาไปกันหมดแล้ว ครั้นมาในสมัยพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้ไปเกิด เป็นผู้ติดตามพระองค์กับรู้วิชาโหราศาสตร์อย่างดีเยี่ยม ชาตินั้นเป็นกษัตริย์อีกชาติหนึ่งแต่ทิ้งทุกอย่างออกบวชตามรอยพระบาทของพระองค์ กับไปตั้งสัจอธิษฐานเอาไว้ว่า จะขอเผยแพร่คำสั่งสอนของพระองค์ให้ได้ในชาติใดชาติหนึ่งเนื่องจากศรัทธาในคำสอนอันเป็นสัจธรรมของพระองค์อย่างมาก กับเราก็เคยเป็นพระสาวกบริวารของพระยูไรมาก่อนจากอดีตชาติ พระองค์อาจลงมาโปรดอนุโมทนาบุญกับกิจกุศลที่เราได้ช่วยคนมาแล้วอย่างมากมาย พร้อมทั้งได้ช่วยเผยแพร่คำสอนของทุกพระองค์มาตลอดทุกลมหายใจเข้าออกของเราเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้กิจต่างๆ ที่คิดจะทำ ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ต่างก็ลุล่วงสำเร็จไปได้ด้วยดีทุกงาน จึงเอวังลงด้วยประการฉะนี้

พลิกตำนาน …ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ และหนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หนังสือชุดนี้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย ( ส่งต่างประเทศในช่วงสถานการณ์ของโรคระบาดไวรัสโคโรนา เราจะจัดส่งให้ทางเรือ ) หากท่านใดสนใจ

ธรรมมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทุกชาติทุกศาสนาที่นำมาศึกษาปฏิบัติ ต่างพบกับสัจธรรมของชีวิตอย่างชัดเจน เพราะพระองค์ไม่เคยเน้นว่า ธรรมะเป็นของพระองค์ หรือของพระพุทธศาสนา แต่เป็นของมวลมนุษย์ชาติที่มองหา ความสุข สงบ ทางใจ นำไปใช้ได้ทุกคน

หนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์พระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรดกของชาว พุทธแท้ พุทธะ ของท่านพุทโธ