ส่วนสภาวะจิตหลังจากการจำศีลครั้งนี้ มันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างอัศจรรย์ ซึ่งความเข้าใจแต่แรกว่าจะต้อง เจริญภาวนาทั้งวันจนการงานไม่ต้องทำกันเลย ไม่ใช่ หลวงปู่หลวงตาสอนว่า สมาธินั้นเจ้าสามารถหาได้ ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เฉพาะเวลานั่งสมาธิอย่างเดียว มาพิจารณาดูตรงนี้ จึงถึงบางอ้อ มันไม่ได้อยู่ที่กาย มันอยู่ที่จิตล้วนๆ

ส่วนเด็กคนที่เราเดินเข้าไปทักในนิมิตของเธอ หรือกายทิพย์เราไปปรากฏให้เธอเห็นคุยกับเธอทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อนนั้น เธออยู่ไหนก็ไม่รู้  เธอมีความทุกข์มาก จึงอธิษฐานจิตขอเจอของแท้ เพราะน้าสาวของเธอฟุบหลับไปขณะนั่งทำงานอยู่ 4 วันมาแล้วยังไม่ฟื้น เธอมาขอให้เราช่วย จึงจับได้ว่า เธออยากให้เราส่งวิญญาณเธอ จึงสื่อติดต่อมาได้อย่างอัศจรรย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานได้มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้น ได้มีนกเขาตัวหนึ่ง เข้ามาในบ้าน  กับไม่ได้ตกใจกลัวเราแม้แต่นิด มีอาการเชื่อง โดยไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด  เดินไปมาห่างจากเราไม่เกิน 2 ฟุต พอเราก้มลงไปคุยกับเขา เขาก็ไม่กลัว ตะแคงคอฟังอย่างตั้งใจ เราต้องบอกเขาว่า “ ไปซะเร็วๆ แถวนี้มีแมวเดี๋ยวเขามาคาบไปนะ” นกจึงถลาบินข้ามรั้วหลังบ้านออกไป พอตอนเย็นเราจะปิดบ้าน เขาเข้ามาอีก จวนค่ำแล้วมาเดินอยู่ในรั้วบ้าน แต่นอกตัวบ้าน  เราไม่สนใจ ไม่เอะใจปิดบ้านเข้านอนตามปกติ  แต่เช้ามา เขาลอดตาข่ายของประตูหลังเข้ามาในห้องครัวเก่า มานอนตะแคงข้างหายใจแขม่วๆ รอความตายอยู่ใกล้ๆมุ้งนั่งสมาธิของเรา  เขารอเราอยู่ให้เราตื่นมาเพื่อดูใจเขาส่งวิญญาณเขา แล้วเขาก็ตายไปจริงๆ เราฝังเขาในรั้วบ้านบุญรักษา  แม้แต่สัตว์ยังรู้ว่า ใครที่เขาจะพึ่งพาได้ในลมหายใจสุดท้าย ใครที่จะส่งเขาขึ้นสู่สุคติภูมิได้  กรณีนี้เป็นไปได้สูงที่เขาอาจมีสัญญาเก่ากับเราเช่นเป็นหลานหรือบริวารของเราจากอดีตชาติ หรือไม่เขาคงจับกระแสความเย็นจากพุทธคุณจากตัวบ้านได้ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะนกชอบมาทำรังทิ้งไข่ ฟักไข่กันในบ้านบุญรักษาบ่อยมาก หลังจากเราได้สื่อติดต่อกับน้าของหยก เด็กที่ติดต่อมาเธออยู่เชียงราย  จึงบอกหยกว่า อีก 3 วัน เธอควรกลับมา แต่เราผิดปรากฏว่า พอวันที่ 4 หยกโทรมาแจ้งว่าน้าเสียชีวิตแล้ว  กรณีแบบนี้เป็นครั้งแรก นับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกเลย

ช่วงสิ้นปี เราได้มีโอกาสคุยกับคุณยุพาที่จอร์เจีย แอตแลนตาอีก ทุกทีที่คุยกับเธอหลวงปู่หลวงตาจะอบรม เตือนสติผ่านมาทางเธอ เธอจะบอกเสมอว่า “ตะกี้เล็กไม่ได้พูดนะ หลวงปู่ทวด พูด” บ้างก็หลวงปู่มั่น หลวงปู่โต หลวงปู่หลวงตา เท่านั้นที่สามารถตรวจสภาวะจิตของเราได้ ฝากบอกมาว่า “ทำดีแล้ว ทำถูกทางแล้ว แต่นี้ไปให้ทำตัวแบบหลวงปู่หลวงตา” คือหลวงปู่หลวงตาใช้ชีวิตอย่างไร ให้ทำอย่างนั้น กับเรื่องลูกศิษย์ลูกหา ใครจะมาจะไปช่างเขา ตัวเมตตามีอยู่สูงแล้ว กับเรื่องความกังขาเกี่ยวกับนิพพานนั้น ใครสำเร็จต้องบวชภายใน 7 วันนั้น อย่าไปสนใจ ไม่ต้องพูดถึง ทำอย่างทุกวันนี้ ทำดีไปเรื่อยๆพอแล้ว” อันนี้หลวงปู่ทวดส่งข่าวสารมาให้หายข้องใจ เท่านั้นเราเก็ตเลย เข้าใจวิธีไปของตนเองอย่างสว่างไม่ต้องถามใครอีก  ส่วนก้องที่เขาเห็นแสงสว่างออร่าจากพลังจิตเราทั้งๆที่เขาอยู่อุบลนั้น เขาทำได้ ที่เห็นแค่แสงออร่า แต่เขาไม่สามารถจะอ่านสภาวะจิต หรือดูจิตเราอย่างที่เราดูจิตของลูกศิษย์เราแต่ละคนได้ ว่าวิธีนั่งใช้ปัญญาวิมุตติ หรือเจโตวิมุตติ ต้องแก้ไข เป็นอย่างไร  เพราะผู้ที่สามารถจะดูจิตเราได้ในภพภูมินี้ไม่มี มีเพียงหลวงปู่หลวงตา พระโพธ์สัตว์กวนอิมเท่านั้น แม้แต่ปู่กวนอูก็รู้สภาวะจิตเรา ว่าเราจะทำอะไรคิดอะไร? ใครอยากรู้ลึกกว่านี้สัมผัสกับของจริง ไปปฏิบัติกันเอาเอง เมื่อเราทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้ด้วยจริงมะ?

อมิตาพุทธ