ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 111

คุณต้อย หรือสิริลักษณ์  ติดต่อเรามาทางไลน์ก่อน เมื่อเราให้กำหนดการเดินทางไปกับคุณเบียร์แล้ว จึงแจ้งให้คุณสุระวดี เจ้าของบ้านที่เราพักอาศัยอยู่ด้วยทราบ คุณเบียร์ไม่ได้บอกอะไรเราเกี่ยวกับหุ้นส่วน หรือคุณต้อยเลย กับการเดินทางไป Woy Woy ครั้งนี้ตั้งใจจะเอาอาหารไปทานกันบนรถไฟด้วย จึงให้นิชาจัดเตรียมอาหาร ผลไม้หลากหลายใส่กล่อง  คุณสุระวดี เมื่อทราบว่าเราจะตั้งใจไปทานกันบนรถไฟ ชีเตรียมกระติกขนาดย่อมเก็บความร้อนให้ใส่อาหาร กล่องผลไม้ทุกอย่างรวมกันหมด เราตั้งใจไปเช้ากลับเย็น จึงมีของกันไม่มาก เจ้านิชาดูตื่นเต้นมากจะได้นั่งรถไฟ แต่เธอจะเก็บอารมณ์ได้อย่างดี  เราออกกันแต่ 08.00 น. จากที่พักเดินไปยังสถานี Home Bush ไกลเกือบ  1 กิโล ท่ามกลางแสงแดดยามเช้า อากาศเย็นปลอดโปร่ง หายใจได้เต็มปอดเพราะปราศจากมลภาวะสัมผัสได้เลย แม้จะหนาวแต่เรารับกันได้ กำลังสบายเพราะเราเตรียมเสื้อผ้าหน้าหนาวกันมาพร้อม เราไปต่อรถไฟที่สถานี Strathfield รอรถที่ชานชาลา 3 ซึ่งรถไฟจะมาทุกครึ่งชั่วโมง เมื่อเราได้ขึ้นรถต่างมองออกสองหน้าต่าง วิวทิวทัศน์ที่เป็นชุมชนเริ่มลดน้อยลง เพราะเมือง Woy Woy เป็นเมืองชายฝั่งที่ติดป่าชายเลน ระหว่างน้ำจืดและน้ำทะเลมาเจอกัน น้ำสีเขียวสลับน้ำเงินที่แน่ๆ ไม่มีขยะอย่างในเมืองไทย ของเขาธรรมชาติล้วนๆ เขาถนอมรักษาและหวงแหน บ้านเรือนของพวกเขาจะซุกอยู่ตามป่าบ้าง โขดเขา ริมน้ำบ้าง หันหน้าบ้านลงอ่าวกันแทบทุกหลัง มีเวิ้งอ่าวเกาะแก่งสลับป่า มีเรือจอดที่ท่าน้ำเป็นพาหะกันทุกหลัง ไม้ใบแปลกๆ สีสันงดงามตาไปตลอดทาง นิชาได้ถ่ายวิดีโออย่างเพลิดเพลินไม่นานเราก็หลับ ตื่นมาจึงชวนนิชาเอาผลไม้มาทานกันบนรถอย่างเอร็ดอร่อย เก็บข้าวไปทานกันที่ร้านกาสาลอง เพราะยังเช้าอยู่ พอรถไฟจวนถึงเราโทรบอกคุณต้อยล่วงหน้า ทุกอย่างราบรื่น คุณต้อยยืนรออยู่แล้ว คงเห็นภาพเราจากเฟสเรา หรือไม่ก็เบียร์คงจัดให้แล้ว เธอเดินนำเราทั้งสองจากสถานีรถไฟไปร้านนวด ต้องเดินผ่าน  Shopping Mall ทันทีที่เห็นคุณต้อย จิตเราทำหน้าที่ได้ดีเพราะเธอเดินอยู่ข้างๆ ขณะกำลังจะข้ามถนน เพื่อเข้า ไปซื้อผลไม้ใน Shopping Mall เราพูดขึ้นเองลอยๆว่า “ อื่อ ลูกชายเธอน่ารักนะ 6 – 7 ขวบใช่ไหม? ” คุณต้อยหยุดชะงัก เกือบจะกลางถนน ทำสีหน้าตกใจ พูดขึ้นว่า “ จานรู้ได้อย่างไร? ว่าหนูมีลูกชาย ”  แล้วจูงมือเราเดินต่อ เราจับได้อีกว่าคุณต้อยมีจิตใจที่ดีมากไม่เป็นพิษเป็นภัย ปัญหาคงไม่ได้มาจากเธอโดยตรง เธอระงับความตื่นเต้นไม่ได้ เสียงนิชาที่เดินตามหลังมาพูดอะไรขึ้นมาอย่างแปลกใจเช่นกัน  จนถึงร้านขายผลไม้ ช่วยกันหอบผลไม้พากันเดินต่อ จนถึงร้านนวด จากสถานีใช้เวลาเพียง 5 – 8 นาที  เราสัมผัสได้กับพลังลบ ของบริเวณร้านทั้งรอบนอกร้านและในร้าน ในร้านมีปู่ชีวกฯ กับปู่กวนอูองค์เล็กๆ อยู่บนหิ้งพลังบวกไม่มี เสื่อมพุทธคุณหมดแล้ว เธอแนะนำให้รู้จักพนักงานนวดอีกคน ชื่อสมมุติว่า มาลัย อายุประมาณ 40 ปี กับเด็กนวดอีกคนชื่อสมมุติว่า น้องบอล อายุประมาณ 27 ปี เมื่อเดินอ้อมไปหลังร้านเป็นครัว ทุกคนยกมือไหว้เราแล้วจัดแจงเตรียมอาหารเช้ากัน ในครัวค่อนข้างรกเกะกะ ตรงข้ามห้องครัวเป็นห้องน้ำเล็กๆ ที่มีพื้นที่แคบๆ ถูกบรรจุอัดเต็มไปด้วยของใช้จิปะถะของใครบางคน มันค่อนข้างรก เหลือเนื้อที่ตรงโถส้วมเท่านั้น  มีห้องนวด 3 ห้องเป็นห้องเตียงคู่หนึ่งห้อง อีกห้องเป็นห้องน้ำของลูกค้าซึ่งใช้อาบน้ำได้ เราขอให้คุณต้อย จัดอาหารสองชุด พร้อมด้วยขนมที่เราเพิ่งชื้อติดมือมา  ชุดหนึ่งให้เจ้าที่อีก ชุดให้แม่ธรณี จุดธูป 2 ชุด เพื่อบอกกล่าว แล้วเราทำพิธีล้างอาถรรพ์ต่างๆ ที่อยู่ในร้าน  พร้อมพรมน้ำพระพุทธมนต์ทุกบริเวณ กับจัดการเอาเหรียญบาทตราครุฑ ปี 2517 ฝังไว้ 4 ทิศของร้าน ขณะเดินออกมาหลังร้านพบรถเก๋งโตโยตาสีขาว หนึ่งคัน มาลัยตามออกมาบอก “ ของหนูเองค่ะ สมบัติชิ้นเดียวของหนูที่มีอยู่ ” จิตเราจับไปที่แม่ย่านาง เห็นยืนหงอตัวสั่นอยู่ด้วยความกลัวเรา “ อือ ดีนะพาเอ็งไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำไม่เคยเสีย ”  “ หนูตั้งชื่อเขาว่า น้ำหวานค่ะ เขาไม่เคยเกเลย อย่างจานว่า พาหนูไปทั่ว ตอนเลิกกับแฟนเก่าเขายกรถคันนี้ให้หนู ”

มีฝูงนก Cockatoo บินมาเกาะขอบหลังคาบ้าน เพื่อกินเศษขนมปังที่น้องบอลเอาออกมาโปรยให้นก “ จานดูนกพวกนี้สิ พวกหนูเลี้ยงมันบางทีมากันเป็นร้อยเลย ” เราจึงหันมาเล่นกับนก ให้อาหารนก มาลัยกับต้อยและนิชาเตรียมจัดอาหารตั้งวงใหญ่นั่งล้อมวงทานกัน “ จาน พี่มาลัยทำอาหารเก่งมาก ” พอดีวันนี้พี่เขาทำพะโล้ กับตำมะเขือ ของเรามีข้าวผัดกับข้าวอีกอย่างจำไม่ได้แล้ว  แล้วเรา 5 คนจึงนั่งทานกันในห้องรับรองลูกค้ากันอย่างมีรสชาติ ช่วงเช้ามีเพื่อนของคุณต้อย แวะมาอีกคนหนึ่ง เธอขับรถอ้อมมาจอดหลังร้าน เธอทำอาชีพนวดเช่นกัน แต่ประจำอยู่ร้านอื่น เธอชื่อกุ๊กไก่ หรือกฤษณา  อีเวน เมื่อทำพิธีถอนเสร็จ มีเพียงเราผู้เดียวเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่า เราได้ตกลง ต่อรองอะไรกับเจ้าที่  ก่อนเราล้างร้านด้วยน้ำมนต์ เราเชิญเจ้าที่ทุกตนออกไปจากร้านให้หมด ไม่ต้องการให้เขาเจ็บจากน้ำมนต์ เราต้องการให้เด็กของเราทำมาหากิน เขามีพ่อแม่พี่น้องที่เมืองไทยต้องเลี้ยงดู ขอให้ไปจากร้านนี้ให้หมด ไม่เช่นนั้นเจ็บตัวจากน้ำมนต์ กับนัยว่ามีวิญญาณอื่นที่ไม่ใช่เจ้าที่ติดมาด้วย เราจึงพูดอย่างเป็นธรรมว่า เจ้าที่ตนใดที่ไม่มีเจตนาร้าย ปัดแข้งปัดขาเรื่องทำมาหากินของเด็กเราอยู่ได้ เจ้าที่ตนใดที่มีเจตนาชั่วช้าลามก ออกไปให้หมด แล้วเราได้ใช้ Pendulum ตรวจพุทธคุณ ของร้าน หรือพลังในร้านให้ทุกคนดูว่ามีพุทธคุณอย่างเดิมแล้ว เมื่อล้างร้านให้เสร็จ เด็กในร้าน 3 – 4 คน ขอตรวจดวงชะตา คุณกุ๊กไก่เป็นคนแรก โดยเข้าไปในห้องนวดแบบเป็นส่วนตัวกัน ผลออกมาว่าคุณกุ๊กไก่ร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ จากทุกสิ่งที่เราเห็นในดวงเธอแล้วเราพูดออกมา เธอยังบอกด้วยว่า เธอติดเหล้าอย่างแรก ต้องกินทุกวัน กับติดมา 21 ปีแล้ว คือดื่มมาประมาณ 20 ปี พอฟังเราเทศน์สั่งสอนเธอน้ำตาไหลบอกว่าหนูอยากเลิกหนูอยากออกจากตรงนี้ หนูทุกข์มาก แต่พอตกเย็นมาหนูจะต้องกินเหล้าทุกวัน เราต้องหาทางให้เธอสงบ กับให้เธอรับปากกับเราว่าเธอจะเริ่มสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นจึงเรียงคิวเข้ามาดูกันทั้งร้าน พอถึงคิวมาลัยเธอพูดเลยว่า “ จานให้หนูทำรัยหนูยอมหมด แต่อย่าให้หนูเลิกเหล้า ” นั่นไงน้ำลดตอโผล่แล้ว  ร้านนี้พอตกเย็นมาใช้เป็นที่ตั้งของวงเหล้าโดยมีคุณต้อย เจ้ามาลัย เจ้ากุ๊กไก่ และเจ้าบอล เรื่องเป้นอย่างที่เราคาดไว้แต่แรกว่าพนักงานในร้าน เป็นต้นเหตุ …. จะจบลงอย่างไร ตามตอนต่อไป

พลิกตำนาน… ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ ได้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย หากท่านใดสนใจ