เมื่อเรากราบแทบเท้าหลวงปู่ขอความเมตตาหลวงปู่ช่วยอธิบายชี้แจงถึงสาเหตุ หลวงปู่ทวดทรงเมตตาชี้แจงต่อไปว่า “ วิญญาณที่ถูกปลดจากที่อื่นๆ เขาเพียงให้หลุดพ้นจากสถานที่นั้นๆ ที่วิญญาณยึดอยู่ติดอยู่ แต่หลุดจากตรงนั้น เขาไปไหนต่อ บางทีเขาไปไม่ถูก ไปไม่เป็น ไม่มีเครื่องชี้ทางออกบอกทางเดินต่อไปให้เขาได้ เขาก็กลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อน ไปยังที่อื่นๆ ต่อไป อาจไปทำร้ายผู้อื่น สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ ผู้ที่ปลดอาจมีความเมตตาจริง แต่ศีลอาจไปบริสุทธิ์ เป็นข้อแรก ข้อต่อไป วิญญาณที่ถูกปลดไปอย่างไม่มีหลักรับประกันความปลอดภัย คือไม่มีอริยทรัพย์ ติดไม้ติดมือขึ้นไป คือผู้ปลดไม่ได้แสดงธรรมให้เขาฟังก่อน ภูมิจิตภูมิธรรมเขาไม่ได้ยกระดับเลย ยังมืดบอดอยู่อย่างเดิม แต่เจ้าจะแสดงธรรมให้เขาฟังก่อน แล้วยังให้เขาไปกับศีล 5 กับสอนธรรมมะให้เขา ในภพในภูมิของเขาให้เขาเข้าใจ  ทุกดวงวิญญาณที่มาฟังธรรมกับเจ้า เขาไปแบบสง่างาม และมีอริยทรัพย์ติดไม้ติดมือไป พร้อมกับรู้ที่ไปเป็นเครื่องชี้ทางออกบอกทางเดินให้กับเขา พวกเขาจึงแห่กับมาทางเจ้าหมดไง อย่าสงสัยปู่เคยบอกเจ้าแล้ว เคยเตือนเจ้าแล้ว …. จำได้ไหม

หลังจากวันที่ปลดวิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรของเด็กที่ปวดเมื่อยตามตัวชนิดแพทย์หาสาเหตุไม่ได้ เพิ่งผ่านไปเมื่อวาน เรายังงงๆ อยู่  เพ็ญได้ติดต่อเข้ามาอีกว่า “ จานเพื่อนหนูเป็นมะเร็ง เป็นมา 4 – 5 ปีแล้ว จานคิดว่าจะช่วยได้ไหม ” “ ส่งรูปมาดูสิ ”

เพ็ญส่งรูปหญิงสูงวัย อายุ 40 ปีแก่ๆ เข้ามาทางเมสเซนเจอร์  ทันทีที่เราเห็นภาพเธอ เห็นภาพชายผู้หนึ่งซ้อนภาพเธอขึ้นมา ( อีกแล้ว ) พร้อมพูดว่า “ ข้ายังไม่รับปาก  ขอคุยกันก่อน ” เพียงแค่ 2 – 3 วินาที แล้วภาพเขาก็ตัดหายออกไป  เย็นวันถัดมาเลย เพ็ญกับนิ่มนัดหญิงผู้นี้ เธอชื่อ ว่า เต๋า ( ชื่อเล่น )  เข้าพบเราเลย พร้อมดอกไม้ธูปเทียน ผลไม้ เพื่อทำพิธีแซนตี้ หรือขอขมากรรมกัน เลิกราเลิกแล้วต่อกันไป

เมื่อทุกคนมาถึงบ้านบุญรักษา เข้าที่เข้าทางกันแล้ว แน่นอนเจ้ากรรมนายเวรของเขามาด้วย ทั้งคู่นั่งอยู่เบื้องหน้าเรา ส่วนเพ็ญกับนิ่มนั่งอยู่อีกมุม นิ่มพูดว่า “ จาน เขานั่งอยู่เบื้องหน้าจานแล้ว ” “ เขามาลองของ มาดูว่าเรามีดีอะไร ” เราพูด เพ็ญพูดต่อ “ จาน เขาอยากฟังธรรมจากจานเท่านั้น ” เนี่ย เขานั่งพนมมือรอฟังธรรมจากจานอยู่ เราใช้เวลาแสดงธรรมอยู่ประมาณ 10 นาที แล้วให้ คุณเต๋า ยกพานดอกไม้ธูปเทียน ขอขมาลาโทษ เลิกราเลิกแล้วกันไป เต๋าน้ำตาไหลพราก พร้อมกับเจ้ากรรมนายเวร เมื่อได้ฟังธรรมจากเรา เขาขอให้เต๋า เอาผ้าไตรไปถวายวัด เขาขอบวชเลย  เราแสดงธรรมข้อ 3 ไตร และอานิสงส์ ของอภัยทาน เต๋าเล่าว่า เมื่อเขาออกไปแล้ว เธอรู้สึกโหวงเหวง เหมือนอะไรขาดหายออกไปจากตัว เขาอยู่กับหนูมากว่า 10 ปีแล้ว ทำหนูหมดตัว ชีวิตวุ่นวาย ถูกหุ้นส่วนโกง 5 – 6 ปีหลังเป็นมะเร็งเต้านมข้างขวา ต้องไปตัดนมออกข้างหนึ่ง แต่เราเห็นว่ามะเร็งกำลังจะกลับมาอีกในสิ้นปีนี้ ซึ่งเห็นตรงกับนิ่ม แต่เป็นโชคดีของเต๋า  กับเจ้ากรรมนายเวรตนนี้ที่มาพบเราก่อน ชาติหนึ่งเต๋า กับชายผู้นี้ เป็นคู่กัน มีลูก 2 คน ปรากฏว่า เต๋าไม่ยอมรับผิดชอบเลี้ยงลูก แต่กลับทำตัวสำส่อน ให้สามีเลี้ยงลูกตามลำพังด้วยความรันทดใจ  ตามปกติ ชายผู้นี้เขาเป็นคนดีมาก แต่ต้องมาอาฆาตเอากับเต๋า ที่ทำให้เขาตรอมใจ มันเป็นเรื่องข้ามภพข้ามชาติ จากแรงอาฆาตตัวเดียวแท้ๆ บัดนี้ เขายอมแล้วเอ่ยปาก “ ข้าอโหสิกรรมให้เจ้า กับอนุโมทนาบุญกับเจ้า ” โดยเจ้ากรรมนายเวรตนนี้ เรียกร้องขอผ้าไตร ขอบวช กับขอให้เต๋าไปบวชปิดวาจา ถือศีล 8 ให้เขาสัก 9 วัน จากธรรมที่เราแสดง มันโดนใจเขามาก เขาขอบวชขึ้นไปเลย โดยให้เราสมาทานศีล 5 ให้เขา หลวงปู่หลวงตาที่เป็นพยานสายตาอยู่ในบ้านบุญรักษา ต่างเอ่ยปากอนุโมทนา ให้เราได้ยินทางจิต แล้วรอรับตัวเขาขึ้นไป …. เพ็ญกับนิ่ม เห็นเขาน้ำตาไหลพรากตอนเราแสดงธรรม เขาก้มลงพนมมือเบื้องหน้าเรา ตรงกับความรู้สึกของเราว่า เขาหมอบฟังอยู่เบื้องหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ จากเหตุการณ์วันนั้นเราหมดเรี่ยวหมดแรง เลขา นิชาวัลย์เก็บภาพ ไว้ให้หมด คุณเต๋า อนุญาตให้เอาเรื่องของเธอลงในเฟส เพื่อเป็นวิทยาทาน ว่าเจ้ากรรมนายเวรนั้นทำให้คนเจ็บไข้ได้ป่วยจริงๆ  มีอยู่จริง แต่น้อยคนที่จะเข้าถึง เข้าใจ แล้วฟังเสียงจากใจของพวกเขาบ้าง

ปัจจุบันนี้ทุกๆ วงการจะติดสื่อ เชื่อทุกอย่างที่ผ่านสื่อ ซึ่งมันเป็นของเทียม อย่างรายการบางรายการ ถึงกับตั้งชื่อ รายการว่า “ มือปราบผี ”  อนิจจา สักวันตัวเราเองก็ต้องไปเป็นผี แล้วไปปราบ ไปรังแกเขาทำไม โลกของวิญญาณ เขาสับสน เขาเหงา หิว กลัว ขาดสิ่งใดยึดเหนี่ยว ผีที่ดีๆ เอาชนิดดีกว่าคนหลายๆ คน กับส่วนมากของเขา เขาอยู่ของเขาไม่คิดจะทำร้ายใคร ส่วนผีที่ดุๆ เฮี้ยนๆ มันก็มีสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้น ทำไมไม่ฟังเสียงจากใจของเขา คุยกับเขา ออมชอม ช่วยเหลือเขา ทำไมไม่คิดกันอย่างนี้ แต่มันคงฟังดูเท่ห์มากเลยนะ  “ มือปราบผี ” เราฟังแล้วกลับรู้สึกสมเพชเวทนากับคนที่ตั้งตัวเป็นอริ ศัตรู กับพวกเขา อีกไม่นาน ก็คง เข้าข่าย “ หมองู ตายเพราะงู ” เพราะความอยากได้ อยาก ดี อยากมี อยากเป็น กับอยากดังแท้ๆ ไม่เคยคิดหวงจิตวิญญาณของตนว่าจะมีที่ไปอย่างไร? นี่แหละสื่อที่พาคนไปลงนรกกันเป็นแถว …. จากวันนั้นมาเราสลบไสลหมดเรี่ยวหมดแรงคลานอยู่แถวบ้าน 3 – 4 วัน พอเรี่ยวแรงกลับคืนมา เป็นปกติเลย งานเข้าอีกทันที