ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 33

การเขียนบทความของเรานี้ ถ้ามีข้อความใดๆ แม้เป็นเพียงข้อความเล็กๆ ที่ตบแต่งเพื่อยกตน ในทางใดๆ ก็ตาม ที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง จะโดน ศีลข้อ 4 คือมุสา ทันที แม้จะไม่ได้พูดเป็นเพียงการเขียนก็ตาม เท่ากับศีลไม่บริสุทธิ์ หน้าที่การงานทุกอย่างก็จะพากันพังไปหมด  เพื่อจะเป็นการพิสูจน์ว่า เรื่องที่เราพูด เรื่องจริง หรือแต่งขึ้น ก็ตามดูหน้าที่การงานกันต่อไปเรื่อยๆ คือผลของงานนั่นแหละ ว่าจะขึ้น หรือจะลง ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน….ดูกันไม่ยาก

เรื่องแม่ทัพเที่ยงนี้ เข้ามาในชีวิตเราตั้งแต่เราอายุ 21 ปี จนวันที่เขียนต้นฉบับนี้ ไม่นึกเลยว่าเรื่องจะบานปลายกลายเป็นความจริงชนิดท่านสมเด็จโต พรหมรังสี จะลงมาถามอยากคาดคั้นเลยว่า “เจ้าจำได้ไหม ว่าเจ้าได้ให้สัจจะวาจา กับท่านว่าอย่างไร?” “แล้วเจ้ารู้ไหม? ว่าข้าเป็นใคร?” อย่าให้บอกเลยว่าเราจะตัวสั่นงันงก ตกใจแทบสิ้นสติ ว่าความฝัน ที่ฝันเมื่อวัยอายุ 21 ปี จะมาส่งผล ให้คำตอบทั้งหมด ตอนอายุขึ้นเลข 6 ไปแล้ว ว่าเป็นความจริงทั้งสิ้น ท่านมาทวง

ตอนอายุ 19 ปี ได้ทำวีซ่าเข้าอเมริกาครั้งแรก เพราะน้องชายเดินทางไปแล้วคนหนึ่ง พี่สาวไปแล้วอีกคน พอดีตอนนั้นเราสอบเอนทรานซ์ก็ไม่ติดอะไร ไปเรียนรามคำแหงต่อแต่ตัวส่วนหัวใจตามพี่สาวน้องชายไปอเมริกา เรียบร้อยแล้ว ไปขอวีซ่าเข้าอเมริกาครั้งแรกเพื่อตามพี่สาวน้องชายไป ตอน อายุ 19 ปี วีซ่าไม่ผ่าน จำได้ว่า มันเป็นความรูสึกที่แย่มากๆ ติดอยู่อีก 2 ปี จึงได้ไป ระหว่าง 2 ปี จาก 19-21 ปี นับวันนับคืนทุกวันแทบจะทุกลมหายใจเข้าออกวันละสามเวลา  ท้ายสุดเพราะคุณพ่อ เป็นทหารทางราชการเขาจะจัดงานทอดกฐินที่แอลเอโดยให้ครอบครัวของพวกข้าราชการไปกัน เรากับคุณแม่จึงมีโอกาส โดยเขาเหมาเครื่องบินทั้งลำเลย ไปทั้งหมดประมาณ 300 กว่าคน จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าอเมริกา เหตุการณ์นี้ผ่านมาเกือบ 50 ปีแล้ว กฐินเที่ยวนั้นขากลับ จาก 300 คนเหลือกลับไทยแค่ 150 ที่เหลือหายเข้าป่าหมด

พอรู้ว่าพ่อจัดให้ มันกินไม่ได้นอนไม่หลับตื่นเต้นที่จะได้ไปเมืองนอก มันเหมือนกับการแจ้งเกิด เพราะ 2 ปี ที่อยู่ ต้องทนอยู่กับแม่ เพราะลูกทั้งหมด 4 คน พี่น้อง 2 คนไปอเมริกา น้องชายอีกคน เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร หมายถึงลูกคนเดียวที่เหลืออยู่กับบ้านคือเรา จึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคุณแม่มาตลอด คิดเสมอว่า ทำไมต้องเป็นเรา  จะทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้คุณแม่ทุกวันไปถึงวัดพระแก้ว เพราะคุณพ่อทำงานแถวนั้น คิดในใจว่าถ้าได้ไปเมืองนอกเมื่อไหร่ จะหายเข้ากลีบเมฆไปเลย แล้วก็จริงๆจากวันนั้นไม่เคยย้อนกลับไปอยู่กับคุณแม่อีกเลย

ก่อนเดินทางเพียงไม่เกินอาทิตย์ ได้เกิดความฝันประหลาด พร้อมๆกันเข้ามา ตอนใกล้รุ่ง   ฝันแรก ฝันถึงเรายืนอยู่ที่ศาลาริมน้ำ คลองใสสะอาดยาวไปสุดสายตาทั้งฝั่งซ้าย ฝั่งขวามือ เบื้องหน้าเป็นทุ่งข้าวสีเขียวขจีกำลังพลิ้วลำต้นกับสายลม รวงข้าวแตกรวงเหลืองอร่ามตัดกับสีเขียวอ่อนของใบข้าว ท้องฟ้าสีคราม มีเมฆเป็นปอยปุยนุ่นงดงามมาก

ขณะที่ลมเย็นๆโชยมาพัดพาเอากลิ่นรวงข้าว เราสูดหายใจเต็มปอดโดยไม่ทันตั้งตัว น้ำเบื้องหน้าแตกกระจาย แล้วศีรษะขนาดใหญ่ของอะไรบางอย่างโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำ น้ำแตกกระจาย หน้าเกือบชนหน้าเรา เราผงะถอยหลังไปสุดศาลา เขาคือพญานาคขนาดใหญ่ มองไปทางคลองซ้ายมือ ลำตัวเขาโผล่ขึ้นในลำคลองยาวไปสุดสายตา งดงามมาก ใบหน้าเขาจ้องมองมาที่เรา แรกๆเราผงะด้วยความตกใจกลัว แต่สายตาที่เขามองแบบทักทายและเป็นมิตร พร้อมกับความงามของเกล็ดที่ทอประกายสีเขียวกระเลียวเหลือบ สะท้อนกับสายแดดอ่อนๆ  มีหยาดน้ำเกาะแพรวพรายตามตัวตามเกล็ด ตะลึงมากกับความงาม เผลอตัวเดินเข้าไปยกมือเอื้อม จะไปจับ เขาก็หายไป เราตกใจลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียง นี่มันความฝัน ฝันอะไรช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน เวลาตอนนั้น อีก 15 นาทีจะตีห้า ตอนเช้า มันเป็นฝันที่ติดตาคาใจยาวนานมาถึง 40 ปี จนมารู้เอาตอนเราเป็นไม้ใกล้ฝั่งในชาตินี้ ว่าตนเองเคยเป็นกษัตริย์นาคในเมืองบาดาลมาหลายหมื่นปี บริวารเยอะมากกับได้โปรด และปลดปล่อยพวกเขา จากอายุ 63 ปีเป็นต้นมา แม้บัดนี้ ก็มีนาคอยู่เต็มบ้านบุญรักษา กับปลด ท้าวศรีสักกะนาค บริวารของปู่วิษณุ ปู่ภุชงค์ ในปัจจุบัน กับการฝันถึง เจ้าฟ้าพญานาค เป็นฝันที่ดี บอกถึงการเดินทางไปแดนไกล จะไม่ตกอับ ไปรอดแน่นอน ผลออกมาอย่างที่หลวงปู่โต หรือท่านสมเด็จโต ท่านพูดว่า

“ไปเมืองนอก ก็ไปสร้างชื่อเสียง กลับมาเมืองไทย ก็ช่วยเหลือผู้คน เจ้าเปรียบเสมือน เมล็ดข้าวหว่านไปตรงไหน ก็แตกยอดออกรวง งอกที่นั่น”

คำสั่งสอนที่ท่านสมเด็จลงสนทนาธรรมด้วย ไพเราะจับใจ จะเขียนคำสอนทั้งหมดของหลวงปู่โต พรหมรังสี ลงให้ได้อ่านกัน

ความฝันที่ 2 ไร่เรี่ยกันก่อนเดินทาง ไม่กี่วัน แม้จะตื่นเต้นกับการที่ต้องตระเตรียมตัวในการเดินทาง การไป ไปแบบไปตายเอาดาบหน้า  ลุยลูกเดียว ใครบ้างจะไม่ตื่นเต้นเพราะเป็นการเปลี่ยนชีวิต ทั้งสภาพอากาศอาหารการกิน ภาษาพูด แต่ความฝันที่เข้ามาครั้งนี้ มันตื่นเต้นกว่า เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ จนถึงขั้นขวัญกระเจิง มันติดตาคาใจ ทั้งเสียงที่ได้ยินในฝัน จากอายุ 21ปี มันยาวนานมาจนอายุเข้าเลข 6 ความฝันกับปริศนาจากความฝัน จึงถึง บางอ้อ… ว่าข้าเป็นใคร รับราชโองการจากใคร  ให้สัจจะวาจา ไว้กับใคร… ว่าอย่างไร ทุกอย่างคลี่คลายหมด  โดยผู้ที่มาคลี่คลายคือ… ท่านสมเด็จโต พรหมรังสี หรือหลวงปู่โต นั่นเองเป็นผู้มาทวงกับมาตอกย้ำในปี 2015 คือตอนเราอายุได้ 63 ปี

ความฝันมีอยู่ เห็นภาพตนเอง นั่งอยู่แทบเท้า ต้นราชวงศ์จักกรี คือ แทบบาท รัชกาลที่ 1 ตรงเชิงสะพานพุทธ ตนเองเป็นผู้ชายล่ำกำยำมาก ใส่แต่เตี่ยว เปลือยท่อนบน ท่อนแขนสองข้างมัดเชือกสีแดง ศีรษะมัดผ้าคาด ก้มบังคมทูลกราบลงแทบเท้าท่าน “ไอ้เที่ยงมึงเก่งมาก เอากูให้” แล้วยกดาบเล่มที่พาดบนตักของพระองค์ส่งให้เรา เรารับดาบมา เล็กเท่ากิ่งไม้เล็กๆอมเข้าปาก “มึงอย่าลืม สัจจะวาจาที่ให้ไว้กะกู”  แล้วเราสะดุ้ง งงๆ เหมือนโดนตบหน้า เพราะภาพที่เห็นชัดมาก นี่มันอะไรกัน ใครคือ นายเที่ยง ฝันอะไรกัน  เช้าแล้วด้วย แม้จะพยายามลืมฝันนี้เท่าไหร่ ๆ ก็ลืมไม่ได้ แล้วสัจจะอะไร ที่เราให้ไว้ นี่รัชกาลที่ 1 นะนี่ ที่ฝันถึง โห… ของสูงไม่คิดดีว่า… ให้ผ่านๆไป แต่จนแล้วจนเล่า เราก็ข้ามฝันนี้ไปไม่ได้ ตรงข้ามภาพนี้เหมือนจะหลอนหลอกอยู่ทุกวันเวลา…โหแรงนะ… มันเป็นสัจจะวาจา ที่ข้ามภพ ข้ามชาติ… แล้วสัจจะวาจา อะไรที่เราปากพล่อยไปรับไว้กับท่าน… ไม่อยากคิดว่าท่านมาทวงตั้งแต่อายุ 21 ปี

พออายุ 63 ปี ลูกของท่าน คือ ท่านสมเด็จโต มาทวงอีก แต่ตอนนี้ ผลงานของเรามันสว่างไสว เข้าตากรรมการทั้ง 3 ภพ  3 ภูมิหมดแล้ว

พอเก่งกล้าจากการสอนสมาธิมากๆเข้า สามารถโปรดเจ้ากรรมนายเวร ของนักเรียนที่เข้ามานั่งฟังธรรม คือเจ้ากรรมนายเวร เขาอยากเลิกราเลิกแล้วกันไป จากการเทศน์ที่โดนจิตโดนใจ บางทีนักเรียนที่นั่งฟังยังไม่เข้าใจ แต่ไอ้ตัวที่อยู่ข้างใน เขาเข้าใจก่อน ประมาณ ว่า “ตูไม่อยู่แล้ว ให้อาจารย์ เขาส่งไปเกิด อโหสิกรรมกันไปเลย” เจ้ากรรมนายเวรพวกนี้ของลูกศิษย์เรา ออกมาชี้ตัวเรา ว่าเป็นทหารทำงานให้กับเรา รับคำสั่งเราให้ไปฆ่า ไปเผาพม่า “ข้าทำตามที่ท่านแม่ทัพเที่ยงสั่ง” แล้วเขาก็พากันชี้มาที่เรา “สมัยไหน” “รัชกาลที่ 1” สมัยนั้นเราเป็นทหารคนโปรด ที่ท่านใกล้ชิดสนิท ใช้ไปรบทัพจับศึกที่ไหน ไม่เคยทำให้ท่านผิดหวัง ไม่เคยแพ้ จนท่านฝากฝังหลายๆอย่างเอาไว้ แล้วพระราชทานดาบให้  แต่กลายเป็นว่า แม่ทัพเที่ยงไปพลาดท่าเสียที เสียชีวิตก่อน เขาเก็บดาบมาส่งคืนให้ท่าน ท่านเสียพระทัยมาก คลาสสุดท้าย ท่านลงมาคุยด้วยแบบสั้นๆ

“เจ้าไปได้ไกลเกินกว่าที่ข้าคาดคิด ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำได้ สิ่งที่ข้าจะให้เจ้าคือ ความดีใจ ข้าดีใจ เจ้าจะเอาของๆ เจ้าคืนไปไหม” แทนคำตอบ เรายื่นมือออกไป น้ำตาคลอพูดไม่ออกต่อหน้าศิษย์หลายๆคนในชั้นเรียนที่บ้านบุญรักษา” “เจ้ารู้ไหม ว่า อะไร ?” “ดาบ” “เอ้า… เอาของเจ้าไป” ท่านรับสั่งสั้นๆ แล้วท่านก็ไป

2 ปีก่อนหน้าที่ท่านจะเอาดาบมาคืน ท่านสมเด็จลงมาก่อน “เจ้ารู้ไหม เจ้าได้ให้สัจจะวาจาไว้กับใคร ?… ว่าอย่างไร?” “กับต้นราชวงศ์… ว่าจะไม่ยอมหลุดจากการเวียนว่ายตายเกิดจนกว่า จะได้มีส่วนสืบสานพุทธศาสนาให้ตกทอดยืนยาวต่อไป….แต่เราจะทำได้อย่างไร เราเป็นเพียงคนตัวเล็กๆคนหนึ่งพระคุณเจ้า?”…. “เจ้ากำลังทำอยู่ เจ้าทำดีแล้ว มาถูกทางแล้ว ทุกพระองค์ภูมิใจ” คำสนทนากับท่านสมเด็จ จะถ่ายทอดออกมาทุกตัวอักษร ภายหลัง

เมื่อคุณแม่เราได้เสียชีวิตไปนั้น ท่านสมเด็จโต ได้เอาแม่ไปสอนสมาธิและดูแลแม่อยู่ เพราะผลงานที่เราทำให้พุทธศาสนา มันเอาทั้งพ่อทั้งแม่ขึ้นหมด  ครั้งหนึ่งเราเรียกคุณแม่ผ่านร่างคุณก้อย ลงมาคุยกับเรา “แม่ไม่คิดว่าลูกจะไปได้ไกลขนาดนี้ แม่ขอโทษ แม่เสียใจที่ตอนแม่มีชีวิตอยู่ไม่เคยฟังลูกเลย แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก” “ตอนนี้คุณแม่สบายดีไหม คุณแม่อยู่กับใคร”  “แม่สบายดีมาก หลวงปู่โต สอนสมาธิ แม่อยู่ แม่ดูแลทั้งหลวงปู่มั่น หลวงปู่โต แม่ได้ช่วยพะพุทธกวักทำดอกไม้ด้วย”

เรื่องเหล่านี้ ใครจะไม่เชื่อหรือไม่ชอบ ไม่ว่ากัน ไม่กดไลค์ ไม่กดแชร์ จานวา ไม่เคยแคร์ เพราะทุกตัวอักษรจากประสบการณ์ ที่เกิดขึ้น ข้ามภพข้ามชาติ ใครทำไม่ได้ เราทำได้ เพราะชีวิตของจานวา เป็นชีวิตที่พิสดาร ไม่เหมือนใคร รวมทั้งแรงอธิษฐานที่ว่าจะขอ เข้าสู่มรรค ผลนิพพาน แบบไม่เหมือนใคร ก็ได้มาแล้ว คือ บวชที่ใจ เอาโลกทั้งใบเป็นวัด แต่ถ้าไม่ได้ พระโพธิสัตว์กวนอิม ทรงพระเมตตามาถอนภพถอนภูมิให้เรา เราก็ไม่มีทางสำเร็จได้ คงต้องไปเกิดอีกหลายชาติเพื่อสั่งสมบารมีต่ออีก แต่ชาตินี้ท่านเห็นว่า บารมีเต็มแล้ว จึงไปได้เลย เพราะสามรถทำในหลายๆสิ่งไม่มีใครทำได้ กับเมื่อ 5 ปีมาแล้วพระโพธิสตว์กวนอิมเคยเน้นย้ำว่า อย่าเลิกการเขียน กลับไปเขียนอีก เราจึงยอมกลับมาลงในสยามมีเดียอีก และเพราะเหตุนี้หลวงปู่ทวด จึงเลือกให้เราเป็นผู้พลิกตำนานประวัติของหลวงปู่ทวด ว่าความจริงมันเป็นอย่างไร กายขันธ์ของหลวงปู่ทวด กับสามเณร อยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น ? หลวงปู่ได้มาเล่าให้เราฟังอย่างละเอียด  แล้วให้เรานำมาบอกชาวพุทธ ถึงความจริงที่เกิดขึ้น ติดตามได้จากสยามมีเดีย เราจะพิมพ์ในจำนวนจำกัด  จะประกาศในบทความเรา

ป.ล. พลิกตำนาน… ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ กำลังจะออกเป็นรูปเล่ม จากปากคำบอกเล่าของหลวงปู่ทวด ที่เมตตา เราอย่างสูง หลวงปู่… เปิดเผยว่า เกิดอะไรขึ้นกับสามเณร คนที่ถือดอกมนทาสวรรค์ มาหาหลวงปู่ ร่างกายขันธ์ของทั้ง 2 อยู่ที่ไหน และพระองค์ที่ไปปรากฏที่มาเลเซีย นั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่ ที่ว่าหามร่างท่านไป น้ำเลือดน้ำหนองหยดที่ไหนให้ปักหมุดตรงนั้น ร่างนั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่?  หลวงปู่ถอนแล้ววิธีถอนทำอย่างไร? คือไม่อยู่แล้วไม่ปรารถนาพุทธภูมิแล้ว… จะถูกนำมาถ่ายทอด ทุกคำสนทนา