ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 48
- สิงหาคม 12, 2018
- ตอน บ้านบุญรักษา

ที่มาของบ้านบุญรักษา ค่อนข้างจะผิดธรรมดาอยู่หลายขั้นตอน ก่อนที่จะลงตัวได้มาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งทุกวันนี้ ว่าจะนำเรื่องนี้มาเปิดเผยนานแล้ว แต่ก็มีเรื่องอื่นมาแทรกทุกที
ตั้งแต่ปี 2010 เมื่อเราเพิ่งย้ายกลับจากอเมริกา จากการไปอเมริกาครั้งที่ 4 นั้นจากปี 2000 ตั้งจิตอธิฐานไว้ว่า ครั้งนี้จะอยู่ยาว 10 ปี แล้วเก็บเงินซื้อบ้านกับน้องชายที่ฮิวสตัน เท็กซัส เพื่ออยู่กัน 3 คน เรา น้องชาย และคุณแม่ ขณะนั้นอายุเรา 47-48 ปี มันช่วงจะสุดท้ายของชีวิตแล้วยังไม่มีบ้านของตัวเอง กับได้ตั้งใจไว้ว่า จะต้องมีบ้านของตัวเอง และรถใหม่ บ้านใหม่ ในราคาเงินสด ก่อนอายุ 60 ปี ให้ได้ หากทำไม่ได้ หมายถึงชีวิตนี้ล้มเหลว ซึ่งหนทางนั้นยากมาก โดยเฉพาะถ้ามาซื้อที่เมืองไทย หมายถึงทุกบาททุกสตางค์ จากเงินของตนเองล้วนๆ ซึ่งมั่นใจว่าตนเองทำได้ แต่ก่อนเดินทางไปอเมริกาเที่ยวนั้น สมเด็จย่าจามเทวี ท่านผ่านมาส่งข่าวว่า “ อย่างไร ๆ เจ้าจะต้องกลับมาอยู่เมืองไทย ตายเมืองไทย จำคำของข้าไว้ ” เราไม่สนใจ เพราะปักใจเป็นแม่นมั่นแล้ว ไปอเมริกาเที่ยวนี้จะต้องเอาบ้านให้ได้ จะเก็บเงิน 10 ปี พออยู่ไปได้ 7 ปี ใจมันเริ่มเอนกลับมาเมืองไทย เริ่มคิดถึงคำพูดของสมเด็จย่าจามฯ พออยู่เกือบครบ 10 ปี ได้แค่ 9 ปี 6 เดือน มนต์บทนะจังงังเข้ามาให้หูตาแหกรีบหาตั๋วกลับเมืองไทยด่วน ทั้งๆที่ยังไม่ครบ 10 ปี แต่โดนไฟลท์บังคับมันรู้เอง อันเป็นผลจากการปฏิบัติธรรม “ คุณพ่อ …. วาระของคุณพ่อมาถึงแล้ว ” ความรู้สึกนี้มีตั้งแต่ต้นปี 2010 คือประมาณเดือนเมษายน พอพฤษภามาถึงทนไม่ไหวเริ่มหาตั๋วกลับเมืองไทย ปรากฏว่าตั๋วเดือนพ.ค. เต็ม ไม่เคยติดต่อกับพ่อ เพราะคนที่อยู่กับพ่อ เขาไม่ยอมให้พ่อคุยกับเรา ( พ่ออยู่เชียงใหม่ ) มาได้ตั๋วเอาเดือนมิถุนายน ( หมายถึงอยู่ได้แค่ 9 ปี ครึ่ง ) ตามหมายกำหนดการณ์ เราจะต้องแวะที่กัวลาลัมเปอร์ เพื่อรักษาสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับเจ้าที่ ที่นั่น ว่าจะเอาบุญมาฝาก ตามอ่านได้จากบทความเรื่อง สัจจะบารมี แล้วจึงจะต่อเครื่องจากกัวลาฯตรงกลับไทย ส่วนของที่ขนย้ายกลับเมืองไทยส่งกลับมาทางเรือล่วงหน้าแล้วหลายลัง เมื่อไปถึงกัวลาลัมเปอร์ พักอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ ก็ได้ข่าวคุณพ่อเสียชีวิตแล้วจริงๆ สาเหตุหกล้ม เมื่อเข้าโรงพยาบาลปอดติดเชื้อ เรากลับมาไม่ทันเห็นใจคุณพ่อ แม้แต่กระดูกของคุณพ่อก็ไม่เห็น เผาที่ไหนก็ไม่รู้ คนที่อยู่กับคุณพ่อแสดงนิสัยสันดานธาตุแท้ของความใจดำ ออกมาเต็มที่ แต่ก็ทันที่จะเอาบุญมาฝากคุณพ่อ แล้วส่งท่านขึ้นสู่สุขคติภูมิ เพราะวิญญาณของคุณพ่อรอเราอยู่ เท่านี้ สำหรับเราเพียงพอแล้ว และเราก็ได้ตอบแทนท่านแล้ว โดยการส่งท่านขึ้น เมื่อทุกอย่างผ่านไป ขณะนั้นในใจก็มี แต่บ้านกับรถ อายุ ตอนนั้นที่กลับมา 56 – 57 ปี อีก 3 ปีจะอายุ 60 แรงอธิษฐานฯ กับบารมี ที่สร้างไว้ จะทำให้เป็นจริงได้ทันหรือไม่นั้น ไม่สนละรู้แต่ว่า กลับมามีเงินมา 2 ล้านบาท ซื้อรถเงินสดไป 8 แสน เหลือล้านกว่าๆ พอดี มีโอกาสไปญี่ปุ่นเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน พอปีถัดไป ไปออสเตรเลีย ต้นปี 2011 เงินจึงเพิ่มขึ้นมาอีกจากทั้งสองทริป เมื่อได้รถแล้ว จึงมองหาบ้าน เพื่อนบ้านเขาไปซื้อกับสร้างไว้ที่ชุมพวง จ.นครราชสีมา พาเราไปดู กับหาที่ทางใกล้ๆกันเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว หมายถึงต้องหาเงินมาปลูกอีก ภายหลังกำลังจะตัดสินใจซื้อ สมเด็จย่าจามเทวี ผ่านมาอีก “ อย่าเพิ่งซื้อเก็บตังของเจ้าไว้ก่อน จำไว้ว่า จิตกับขวัญของเจ้าอยู่ที่เชียงใหม่ ” เท่านั้นละ เราขึ้นเหนือทันที ช่วงนั้นเรามีลูกพี่ลูกน้องอยู่หลายคนที่ทำผ้าบาติก เปิดร้านของตนเอง จึงไปขลุกอยู่กับพวกนี้ อยู่บ้านคนนี้บ้าง คนโน้นบ้าง ช่วยเขาเฝ้าร้านบ้าง ขายของบ้าง แม้กระทั่งวาดภาพลายดอกกุหลาบลงบนผ้าใยกัญชา ทั้งผืนเป็นเถาเลื้อยแล้วเขาเอามาตัดเสื้อ ก็ทำมาแล้ว ดังนั้นเวลาจะถึงลายกุหลาบ เขาต้องส่งมาให้เราวาดให้ ลุยกับสีหมอก ขับรถกลับมากรุงเทพฯ อยู่บ้าน 80บ้าง เวลาแม่กลับมาเมืองไทยก็มาอยู่กับแม่ ดูแลแม่ที่กรุงเทพฯ พอแม่กลับอเมริกา ก็ขับสีหมอกขึ้นเหนือ ไปหาบ้านต่อ พอดีช่วงนั้นทางออสเตรเลีย ขอให้กลับไปอีกเป็นครั้งที่ 2 จำได้ว่าหาบ้านจนอ่อนใจ เจอบ้านใช้แล้วราคา แปดแสน เกือบตัดสินใจซื้อเหมือนกัน แต่ไม่เอา จะเอาบ้านใหม่ เลยไปตรงอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ เพราะพระยาเม็งรายท่านเป็นใหญ่ ต้องขอให้ท่านหาให้ละ รวมทั้งทราบมาว่าอดีตชาติ เราเคยเป็นทั้งลูกของท่าน เป็นทั้งทหารคนสนิทของท่าน มาไม่รู้กี่ชาติภพ ไปจุดธูป บอกท่านว่า

“พ่อ หากอยากให้เราอยู่เชียงใหม่ ก็ไปหาบ้านมาให้ทีสิ ขอบ้านเลขที่ 5 นะ” รู้สึกว่าตรงกับปี 2545 ที่น้ำท่วมใหญ่ ช่วงปลายปี แต่ต้นปีนั้นชีวิตเราเริ่มหักเห คือเราได้มีโอกาสออกวิทยุรายการดูดวงเป็นวิทยาทาน สลับกับเปิดเพลงเก่าๆในอดีตทั้งไทยและเทศ ตามอ่านบทความเรื่อง ดี.เจ วา จนเวลาล่วงเข้า 8 เดือนต่อมา จึงมีโอกาสรู้จัก คนเพิ่มขึ้นหลากหลายจากรายการนี้ รวมทั้งลูกศิษย์ลูกหาใหม่ๆทางเชียงใหม่ คนแรก ชื่อลี เธอมีบ้านที่เวียงกุมกาม เมืองเก่าของพระยาเม็งราย ท่านจะให้ไปอยู่ที่นั่น เธอพาไปดูบ้าน บรรยากาศซึ้งมาก ลมเย็นสบาย หน้าร้อน บริเวณนี้กลับจะเย็นมีลมพัดโชย ตลอดปี สงบเงียบ เราตัดสินใจจะซื้อบ้านเก่า 20 ปีหลังนี้ทันทีของลี ในราคาหนึ่งล้านบาทเงินสด เพราะบ้านเลขที่ ออกมาเลขที่ 5 เมื่อเลขรวมกันแล้ว ดีใจมาก พ่อเม็งรายท่านจัดให้ นัดวันทำสัญญาซื้อขายแล้วในวันรุ่งขึ้น แต่ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมาทำให้เราต้องทิ้งบ้านหลังนั้นไป เพราะสมเด็จย่าจามเทวี ท่านไม่ให้ซื้อ
ท่านเข้ามาขวางอย่างแรง ด้วยการจัดให้น้ำท่วมใหญ่ ในเชียงใหม่ อย่างไม่เคยท่วมมาก่อน ตรงกับวันที่ 5 – 6 ตุลาคม ปี 2554 เพื่อให้เราเลือก เพื่อให้เราเห็น เลยว่าตรงไหนท่วม ตรงไหนไม่ท่วม จนญาติพี่น้องเราในเชียงใหม่ พูดเลยว่า “ น้ำไม่เคยท่วมในเชียงใหม่มากขนาดนี้ แต่พอพี่จี้ดจะซื้อบ้าน มาท่วมให้พี่เห็นเลย ” ที่เวียงกุมกาม บ้านหลังนั้นที่กำลังจะซื้อ หมดสภาพทั้งๆที่เธอรับปากว่า จุดนี้น้ำไม่เคยท่วม แต่สูงถึงอกพระ จำได้ว่าเช้านั้น พอออกรายการวิทยุเสร็จ จะไปหาลี ทำสัญญาซื้อขายกัน พอออกจากบ้านพักบริเวณถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นบ้านเช่าของเจ้าใจน้องสาว เช่าทิ้งเอาไว้ไม่มีใครอยู่ให้เราไปอยู่เฝ้า อยู่แถวคูเมือง เพื่อบ่ายหน้าไปสถานีวิทยุแต่เช้า เรามักจะเข้าไปหาที่จอดสีหมอกแถว โรงพยาบาลแมคคอมิค แล้วเดินต่อไปที่สถานีออกอากาศ ซึ่งไม่ไกลกันนัก
พอขับรถมาถึงเชิงสะพานนครพิงค์ สังเกตว่าสภาพอากาศครึ้ม ฝนตกมาหลายวัน รถติดอะไรบางอย่าง กว่ารถจะขยับขึ้นสะพาน ผ่านกลางสะพาน ต้องตกใจสุดขีด เมื่อมองเห็นฝั่งด้านนั้นน้ำท่วมถึงประตูรถคันข้างหน้า ท่อไอเสียอยู่ใต้น้ำ จะถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว เพราะรถติดเป็นพรวน สีหมอกกับเราเสียขวัญ แต่ตัดสินใจลุย เครื่องจะดับไม่ได้ต้องเหยียบคันเร่งเข้าไว้ เปลี่ยนเป็นเรือเสียงบุ๋งๆๆ จนพ้นบริเวณที่ลึกมาได้ ถึงหน้าโรงเรียนปริ๊นส์ น้ำได้ลดลง ไปมาก คลานเข้าไปหาที่จอดในโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย เช้านั้นพอจบรายการวิทยุ เดินกลับมาที่รถ ได้แวะเดินขึ้นไปบนสะพานลอย เพื่อมองดูภาพน้ำท่วมได้ชัดเจน ได้พบกับหญิงคนหนึ่งบนสะพานลอยยืนดูน้ำท่วมอยู่แล้ว เธอกำลังอยากขายบ้าน บ้านเธออยู่กลางทุ่งนา ล้อมรอบไปด้วยทุ่งข้าวเขียวขจี
ชวนกันไปดูทันที บ้านเลขที่รวมกันออกมาได้เลขที่ 5 อีกแล้ว แต่เป็นบ้านเก่าที่เก่ามากปลวกขึ้น เปลี่ยว ไม่ปลอดภัย จึงต้องวางมือเรื่องบ้านไว้ก่อน เพราะได้กำหนดเดินทางไปออสเตรเลียเที่ยวที่ 2 หมายถึงเราต้องกลับเข้ากรุงเทพฯก่อน จำได้ว่าช่วงนั้นแม่กลับมาจากอเมริกาพอดี เลยจะไปอยู่กับแม่สักพัก ก่อนถึงกำหนดเวลาที่เราจะเตรียมตัวเข้ากรุงเทพฯ นั้น จำได้ว่าตรงกับกลางๆเดือนตุลาคม หมายกำหนดไปออสเตรเลีย 1 พ.ย. มีเวลาอยู่กับแม่ได้สักอาทิตย์ เราได้จับภาพน้ำท่วมที่เชียงใหม่ไว้หลายจุดด้วยกล้องแคนนอนตัวใหญ่ วันนั้นพารถหลงเข้าไปทางโรงน้ำแข็งวังสินคำ เพื่อเก็บรูปน้ำท่วม
ที่ขึ้นมาถึงริมคันคู ที่เขากั้นกันเอาไว้เลยคอสะพานขึ้นมา อยู่ไม่ห่างจากเจดีย์ขาวเท่าไหร่ พอเก็บภาพเสร็จ กำลังจะเดินกลับมาที่สีหมอก …. จำได้คลับคล้ายคลับคลา นี่บ้านน้าน้อยที่เราตามหาอยู่นี่ จากมาสิบปีไม่ได้ติดต่อ จำถนนหนทางไม่ได้เลย กำลังยืนอยู่หน้าบ้าน พอดีเห็น น้องมด น้องช้าง น้าไข่ เดินออกมา ต่างคนต่างจำกันได้ เราจึงถามถึงน้าน้อย แต่น้าเสียไปแล้ว 5 ปี จึงถามถึงน้าอีกคน น้าซี่ ชายทั้งสาม ให้ที่อยู่น้าซี่มา
ตามตอนต่อไป บ้านบุญรักษา ได้มาอย่างไร ?