ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 141

หลังจากคณะของเรากางเต็นท์ กันครบทุกคน โดยเราจะชี้ตำแหน่งวางเต็นท์ของศิษย์แต่ละคน ให้ห่างกันพอประมาณ ทุกเต็นท์อยู่ใต้ครึ้มไม้ใหญ่ มีทั้งแมกไม้เงาบังกันฝนกันแดด เพราะสิ่งที่เรากลัวที่สุดไม่ใช่ อมนุษย์ หรือผี แต่กลับเป็นฝน  เจ้าอาวาส ท่านเอาปูน มาโรยรอบเต็นท์ ทุกเต็นท์ กับให้ความคิดว่า อย่าเอาอาหารเข้าไปทานในเต็นท์ เด็ดขาด เราจึงกำชับเด็กทุกคนอีกครั้ง เพราะพวกเราทานมื้อเดียวกันด้วย กับ มีเต็นท์ หนึ่งโดยเฉพาะบรรจุ อาหาร ของกินจุกจิก น้ำ โดยเฉพาะ หากมดจะขึ้นให้ขึ้นที่เต็นท์เดียว เต็นท์ อาหารถูกโรยปูนหนักกว่าปกติจากนั้นเด็กๆทุกคนต่างลากกระเป๋าสัมภาระมุดเข้าเต็นท์ใครเต็นท์มันกันอย่างสนุกสนาน เพราะมันเป็นประสบการณ์ ใหม่ครั้งแรกในชีวิตของพวกเขา เสื่อบุฟองน้ำ ถูกแจกรองพื้นเต็นท์ให้ทุกคน เขาเอาถุงนอนหรือผ้าห่มรองทับอีกที ผ้าห่มของเรากับถุงนอนมีแจกเหลือเฟือ

บ่ายนั้น หลังจากที่เราระดมพรรคพล ช่วยกันหาเศษไม้แห้ง ฟืน ซึ่งมีอยู่เยอะมากรอบๆวัด มากองกันในบริเวณที่เราจะก่อกองไฟกันอย่างเพียงพอจนรุ่งเช้า  รถเกรดเขายังทำงานเกรดดินอยู่รอบวัดด้านท้ายวัดบ้าง ข้างวัดบ้าง โดยมีตุ๊ เอกคอยคุมดูแล พระอาจารย์ ชำนาญ เจ้าอาวาสคุมเองบ้าง บ่ายแก่ๆ เห็นหงส์หายเข้าไปในเต็นท์ ของก้องปรึกษาราชการลับกันตามลำพังอยู่นาน  กับช่วงเย็นๆ ก้องเขามาตรวจสภาพจิตของเด็กเราอีก 3 -4 คน เราบอกให้เด็กทุกคนเตรียมทยอยกันอาบน้ำเพราะที่วัดไม่มีน้ำอุ่น ตกดึกแล้วอากาศเย็นมาก ตอนใกล้รุ่งเจ้าอาวาสบอก 10 กว่าองศา เวลา 6 โมงเย็นเราจะล้อมวงสวดมนต์กันรอบกองไฟ กับแสดงธรรมกันตอน 7 โมงหลังสวดมนต์  เราเปรย กับเด็กๆว่า ต้องมีการป้องกัน เพื่อไม่ให้พวกจิตวิญญาณ ซึ่งมีมากมาย ร้อยพ่อพันแม่ บ้างก็ดีบ้างไม่ดี บ้างเป็นเจ้ากรรมนายเวร กับเด็กๆ ตามวิบาก ไม่ให้มากวนเด็กตอนนอน เราเองไม่มีวิชาอาคมใดๆ รู้แต่ว่าตนเองมีพระพุทธคุณสูง จนจัดเป็นวัตถุมงคลที่มีพระพุทธคุณ จัดชิ้นหนึ่งทีเดียว จึงให้เจ้าเป้ ไปหาไม้เท้า มาให้เราอันหนึ่ง เป้ ใช้มีดอีโต้ขนาดเขื่องที่เรานำติดมาด้วยเพื่อตัดไม้ทำฟืน จัดการให้เราได้ไม้เท้าในพริบตา เราได้ เดินไปตามเต็นท์ของ ศิษย์แต่ละคนพร้อมใช้ อธิษฐานบารมี ตรวจพระพุทธคุณของเต็นท์ ทุกเต็นท์ จึงทราบว่า จากบรรดาเต็นท์ ของศิษย์ทุกคน ซึ่งเราจัดให้นอนกันคนละเต็นท์นั้น

ทุกเต็นท์ จะต้องทำพิธี ป้องกันหมด ยกเว้นอยู่ 3 เต็นท์ ที่มีพระพุทธคุณสูง จะไม่มีสิ่งใดกล้ากล้ำกลายมารบกวนคน 3 คนที่อยู่ ในเต็นท์ ทั้ง 3 นี้ได้ เต็นท์ แรก คือเต็นท์ ของเราเอง เต็นท์ ที่ 2 คือเต็นท์ ของนิชาวัลย์ เลขาเรา เต็นท์ ที่ 3 คือเต็นท์ ของคุณ อนงค์ ที่มาจากหาดใหญ่ ศิษย์ คนนี้ วันแรก เลยที่มาเข้าคลาสเราที่หาดใหญ่ เธอพูดขณะวิ่งเข้าประตูมาว่า “ศิษย์ ใหม่ ค่ะ” แต่พลังออร่าที่ออกมาจากร่างเธอ เราตลึงพูดกลับไปทันทีว่า “ศิษย์ใหม่แต่ฐานเก่าเอ็ง เยอะมากนะ” หลายๆอย่างทางการปฏิบัติที่เราเจอมาผ่านมา คุณ อนงค์ ผ่านมาหมดแล้วเช่นกัน กับเธอเป็นพี่ใหญ่ที่นำกลุ่มของชาวหาดใหญ่ทั้งหมดมาในเที่ยวนี้

เต็นท์ ที่เหลืออีก 12 เต็นท์ แม้กระทั่งของก้อง พุทธคุณ ลบทั้งสิ้น เราเพียงแต่เอาปลายไม้ขีดลงดินเดินวนรอบเต็นท์ หนึ่งรอบ พร้อมว่าพระคาถา ปิด….จากภัยอันตรายทั้งมวล  แล้วเช็คพระพุทธคุณใหม่ แค่นั้นทุกเต็นท์ ก็รอดปลอดภัยจากอันตรายภายนอกทั้งปวง จนครบ 5 คืน เด็ก อาจจะได้ยินเพียงเสียง คน เดินรอบเต็นท์ เท่านั้น ซึ่งพระอาจารย์ชำนาญ กับเราถือเป็นเรื่องธรรมดา  สุนัขบางตัว มานอนเฝ้าหน้าเต็นท์ เด็กบางคน เพราะหนาวจัดจากสภาพอากาศ

เมื่อทุกคนทำกิจส่วนตัวกันพร้อมเพรียง จึงช่วยกันจุดกองไฟขึ้นมา มันเป็นเวลาที่ทุกคนสนุกสนานกันมาก  ผ้าใบผืนใหญ่ที่หงส์เขานำมาถูกปูลงบนพื้นดินข้างกองไฟ ทุกคนต่างลากเบาะรองนั่ง เข้ามาล้อมรอบ เพื่อให้เราไม่ต้องใช้เสียงมาก เมื่อสวดมนต์เสร็จเราได้แสดงธรรมต่อ จนได้เวลาเกือบ 5 ทุ่ม เพราะที่วัด สัญญาณ ไวไฟไม่ต่อเนื่องเราจึงไม่ได้ ถ่ายทอดสด ที่รู้ๆคือทุกนาทีที่เวลาเคลื่อนผ่านไป อากาศมันเย็นมากขึ้น มีลมกลางคืนแมลงกลางคืนออกหากินยอดไม้ที่สูงเทียมฟ้ารอบๆกองไฟ กิ่งใบมันไหวเอนตามสายลม มันสร้างบรรยากาศ  พร้อมกับแสงดาวระยิบระยับ โผล่ผ่านพุ่มไม้ยอดไม้เล็ดลอดลงมา เหมือนจะหล่นลงมากลางวงกันเลยทีเดียว เจ้าหงส์ถึงกับนอนแบลงบนผ้าปู แหงนหน้าชมดาว อย่างสุขารมณ์ ประสบการณ์เช่น นี้ไม่เกิดขึ้นได้ในทุกวัน เราครูผู้สอนรู้ว่า พวกเขาพากันมานั่งฟังกันอย่างมาก  จึงให้นักเรียนสำรวมกันให้มากที่สุด กับพยายามถามปัญหาธรรมกันให้มากๆ แต่ให้ตายสิ เด็กแต่ละคนมันไม่ถามหุบปากกันเงียบ จนต้องบังคับให้ถามกันคนละข้อ จึงจะอ้าปากกันได้  มีเจ้าแพม คนดียวที่ถามโน่น ถามนี่ จนเราไล่ให้ชีไปนั่งห่างๆ

เมื่อทุกคนแยกย้ายกันกลับเต็นท์ บ้างก็ไปเข้าห้องน้ำ ไฟฉายทุกคนต้องมี บ้างก็นั่งคุยกันต่อรอบๆแคมป์ไฟ  จนพักใหญ่ๆเสียงพูดคุยเริ่มหายไป สุนัขทุกตัวซุกหัวเข้าที่ใครที่มันจากอากาศที่เริ่มหนาวจนหมาหมดอารมณ์ที่จะเห่า  เราเข้าที่เข้าทางในเต็นท์ ของเรากำลังจะเอนตัวลงนอน เสียงเจ้าปุ้ม เรียก อยู่หน้าเต็นท์ว่า “อาจารย์ ๆ ช่วยหนูด้วย “ เธอหาเต็นท์เราไม่เจอวิ่งถามเต็นท์ โน้นเต็นท์นี้สะเปะสะปะว่าเต็นท์ จานอยู่ไหน  แต่ไปหาเต็นท์ก้อง ก้องกำลังคุยทางโทรศัพท์ อยู่ โดนก้องตวาดว่า “ไปให้อาจานช่วย” “จานหนูขอโทษที หนูขอโทษ ช่วยหนูด้วย” “ไม่ต้องขอโทษ ดี ดีแล้ว มีอะไร มาเรียกเรา” พูดไปแล้วเรารู้ทันทีจากจิตรู้ ว่าเจ้าปุ้มต้องไปนอนทับที่ใครเข้าให้แล้วแน่นอนมือคว้าไฟฉาย  “เอ็งเป็นรัยเหรอปุ้ม” “หนูปวดไปหมด ทั้งหลังไหล่คอ ตึงไปหมดอาจารย์ จานเอาลูกดิ่งมาด้วยนะ” เสียงเจ้าปุ้มเตือน ซึ่งเรารู้ล่วงหน้าเลยว่า ใช่แน่นอน ตามปกติแล้ว จิตของเรา จะไวกว่าลูกดิ่งเสมอ ลูกดิ่งเอามาเป็นเครื่องเช็คให้แน่ใจกับให้ศิษย์ทุกคนเห็นเท่านั้น กว่าเราจะคลานออกจากเต็นท์ ใส่เสื้อคลุม ถอดถุงเท้าคู่ใช้ใส่นอน เปลี่ยนใส่อีกคู่ ก็ใช้เวลาพักใหญ่ พอหลุดออกจากประตูเต็นท์ได้ รีบหันมาปิดซิปเต็นท์ ปะทะกับอากาศเย็นวาบ ซึ่งยามนี้ใครๆต่างก็เข้าไปนอนขดกันอยู่ในเต็นท์หมดแล้ว

หันไปดูกองไฟที่ ไฟลุกโชติช่วงเต็มกำลังเพราะถูกฟืนอัดเข้าไปเต็มพิกัด เต็นท์อื่นๆปิดซิบเงียบกันหมดแล้ว เจ้าปุ้มพาเราเดินกลับมาที่เต็นท์ของเธอ

ทันทีที่ เราถึงหน้าเต็นท์ เจ้าปุ้ม เจ้าปุ้มทรุดนั่งลงหน้าเต็นท์ตนเอง …. เสียงคำรามที่พูดออกมาจากปากเจ้าปุ้ม… มันไม่ใช่เสียงเจ้าปุ้ม ว่า…

ตามตอนต่อไป

พลิกตำนาน …ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ และหนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หนังสือชุดนี้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย ( ส่งต่างประเทศในช่วงสถานการณ์ของโรคระบาดไวรัสโคโรนา เราจะจัดส่งให้ทางเรือ ) หากท่านใดสนใจ

ธรรมมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทุกชาติทุกศาสนาที่นำมาศึกษาปฏิบัติ ต่างพบกับสัจธรรมของชีวิตอย่างชัดเจน เพราะพระองค์ไม่เคยเน้นว่า ธรรมะเป็นของพระองค์ หรือของพระพุทธศาสนา แต่เป็นของมวลมนุษย์ชาติที่มองหา ความสุข สงบ ทางใจ นำไปใช้ได้ทุกคน

หนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์พระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรดกของชาว พุทธแท้ พุทธะ ของท่านพุทโธ