ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 196

ล่าสุด … เราได้เขียนบทความผู้สร้างฝันลงในเฟสบุค ปรากฏว่าได้รับคำตอบรับอย่างมากมาย ถึงกับใจจดจ่อรออ่านตอนต่อไป ซึ่งเราจะทะยอยเขียนไปเรื่อยๆ วันละเล็กละน้อย ผู้อ่านตามชนิดถึงไหนถึงกัน ถึงกลับโทรมาทวงตอนต่อไป เนื่องจากอยากศึกษาแนวทางในการสานฝันให้เป็นจริง เราเคยเขียนมานานแล้วว่า โลกใบนี้ล้วนเต็มไปด้วยผู้ที่มีความฝัน อยากเป็นโน่น เป็นนี่ แต่การสานฝันให้เป็นจริงตามที่ฝันนั้นมีได้ไม่กี่คน มันมีสูตรอย่างไร? ส่วนประกอบคืออะไร? จะเริ่มจากตรงไหน? ก้าวเท้าไหนออกก่อน ทุกคนต่างมีความฝันกันทุกคน แต่อะไรที่ทำให้คนบางคนประสบความสำเร็จ กับคนอีกส่วนซึ่งเป็นส่วน ใหญ่ไม่เคยเป็นได้อย่างที่ฝัน … อะไรเป็นสาเหตุ

นานมาแล้ว ย้อนหลังไปในปี ค.ศ. 1979 ขณะนั้นเราทำงานอยู่ที่มลรัฐแคนซัส ทำงานภารโรง ดูแลโรงเรียน เปิดปิดตึกเรียนทำความสะอาดห้องเรียน ยามว่างชอบเข้าไปในห้องสมุดอ่านหนังสือต่างๆ ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น ไปได้ตำราทำบ้านนก จึงเอามาศึกษา แล้วสั่งซื้อตำราทำบ้านนกอีกหลายเล่มพกลับมาเมืองไทย โดยวาดความฝันไว้ว่าสักวันเราจะได้ใช้เวลาทำบ้านนกเหล่านี้อย่างมีความสุข แบบงานอดิเรก ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ เพราะตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่รัฐไหนเราจะมีนิสัยให้ข้าวนกที่อยู่ตามชายคาบ้านในหมู่บ้านที่อยู่ทุกแห่ง คิดได้ดังนั้นก็เริ่มสะสมเครื่องมือทำไม้ชิ้นเล็กๆ ที่พอจะหอบกลับเมืองไทยได้ง่าย( อีก 20 กว่าปีให้หลังต่อมา ฝันของเราได้เป็นจริง ) นอกจากหนังสือทำบ้านนกแล้ว เราได้ไปพบหนังสือที่น่าสนใจอย่างมากอีกเล่มหนึ่ง พร้อมนำกลับมาเมืองไทยด้วย เพราะเป็นหนังสือเล่มที่มีคุณค่าอย่างมาก ชนิดที่เรียกว่าพลิกชีวิตเราได้เลยทีเดียว เราอ่านหนังสือเล่มนี้หลายรอบ ยอมรับว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นแรงผลักดันชีวิตเรามาสู่ความสำเร็จในชีวิตเราจนถึงโค้งสุดท้ายแบบแก่สบาย และแก่อย่างมีคุณภาพ กับได้ปลุกให้เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเปลี่ยนตนเองจาก Nobody มาเป็น Some body ให้ได้ จน ณ.ปัจจุบันนี้

ความฝันนั้นได้เป็นจริงขึ้นมา คือหนังสือของ Napoleon Hill ชื่อ Think And Grow Rich พิมพ์ตั้งแต่ปี 1979 เป็นหนังสือเล่มที่ขายดีของโลกเล่มหนึ่ง มียอดขาย 7 ล้านกว่าเล่มในเพียงไม่กี่อาทิตย์ที่วางขายในอเมริกา พร้อมทั้ง
สำนักพิมพ์ 42 แห่งแย่งกันซื้อ กับผู้คนอ่านกันทั่วโลก แปลออกหลายภาษา กับมั่นใจว่าทุกวันนี้ยังคงมีวางขายในร้านหนังสือในอเมริกาอย่างแน่นอน หนังสือเล่มนี้ ตามแนวการเขียนของ ฮิล ได้เปลี่ยนชีวิตของผู้คนหลายชาติ หลายภาษามาแล้วรวมทั้งเรา หนังสือได้ตีพิมพ์ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าความนิยมไม่เคยตก หนังสือเล่มนี้เราได้แปลออกมาเป็นภาษาไทยว่า “ จากจินตนาการสู่ความร่ำรวย ”
ก่อนเดินทางไปอเมริกาครั้งแรกช่วงอายุ 20 ปี ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เด็กมาแล้วจากบรรดาพี่น้องทั้งหมด อีก 3 คน มีเราคนเดียวที่เป็นหนอนหนังสือ เราจะอ่านหนังทุกประเภท จะชอบมากพวกล่องไพร เพชรพระอุมาซึ่งแม่ชอบอ่านมาก นิสัยอ่านหนังสือเราคงจะได้มาจากแม่ กับเป็นลูกเพียงคนเดียวที่ได้นิสัยที่ดีนี้มา เรายังไม่พบหนังสือของฮิล เพราะยังอยู่เมืองไทย ไปพบหนังสือของ ท่านหลวงวิจิตร วาทการ อ่านทุกเล่ม ติดใจอยู่เล่มหนึ่งชื่อ วิธีทำงาน ซึ่งยังช่วยเรื่องการงานเราไม่ได้มาก ยังแรงไม่พอ พอได้จับหนังสือของฮิล มันตอบโจทย์ได้ทุกเรื่อง มาพร้อมๆ กับแรงขับดันให้เดินไปข้างหน้าแบบดึงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ด้วยจินตนาการ หรือความฝันของเรา จินตนาการ ความ ฝัน ความคิด หรือ มโนมันอย่างเดียวกันทั้งสิ้น แล้วแต่เราจะเรียกมันว่าอย่างไร หนังสือเล่มนี้ยังสอนเราให้มีสำนวนการเขียนใหม่ เป็นสำนวนที่สามารถปลุกจิตวิญญาณของผู้อ่านให้ตื่นขึ้นมาแล้ว ออกไปต่อสู้เอาชนะชีวิตของตนเองให้ได้ เป็นสำนวนที่โดนจิตโดนใจใครทุกคนที่ได้อ่าน โดยสอดใส้แฝงพระธรรมคำสั่งสอนของพระตถาคตเข้าไป ซึ่งที่จริงแล้วความฝันของมนุษย์ทุกคนจะเป็นจริงไม่ได้เลย หากขาดหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับสิ่งที่เรานำมาเขียนเปิดเผยเป็นประสบการณ์จริงจากชีวิตของเราเองทั้งหมด เพื่อให้ผู้อ่าน ได้ให้โอกาสแก่ตนเองสักครั้งในชีวิต ชีวิตเราผ่านคนรอบข้างมามากมาย บางทีคนเหล่านั้นอาจเคยให้โอกาสในชีวิตเราหลายครั้ง แต่ใครจะให้โอกาสเราสักกี่ครั้งก็ตามมันไม่เทียบเท่าที่เราจะให้โอกาสแก่ตนเองสักครั้งหนึ่ง ตรงนี้สำคัญมาก จงเอาตนเองให้รอดก่อน เมื่อเรายืนบนขาของเราได้อย่างแข็งแรงแล้ว เราจึงจะช่วยคนอื่นได้ เพื่อกอบโกยหาอริยทรัพย์ติดตัวไปใช้ในภพภูมิหน้า จินตนาการก็คือ มโนนั่นแหละอันเป็นก้าวแรกที่เราจะเริ่มออกเดิน เรายังแบ่งจินตนาการออกเป็น 4 อย่าง คือ
1. จากจินตนาการสู่ความเป็นจริง
2. จากจินตนาการสู่ความสำเร็จ
3. จากจินตนาการสู่ความร่ำรวย
4. คือจากจินตนาการสู่ความสุขสงบของจิต
ทั้งหมดนี้เราจะเลือกเอาอย่างไหน หรือเราจะเอาทั้งหมดก็ได้ กับเราต้องเรียนรู้วิธีควบคุมมันให้ได้ ซึ่งเราจะต้องรู้จักการวางจิตให้เป็น วางจิตไว้ให้ถูกที่ถูกทาง จิตจะพัฒนาเปลี่ยนจินตนาการที่แก่กล้า หรือแรงปรารถนาที่สุกงอมออกมาเป็นภาพพจน์ให้เรามองเห็นความสำเร็จนั้นรอคอยอยู่แค่ปลายจมูกเบื้องหน้าอย่างไม่ต้องออกแรงมาก เพราะจินตนาการที่แก่กล้าของเรามันจะจัดระบบการทำงานให้เราอย่างเป็นขั้นตอน เราอาจจะสงสัยกันว่า จินตนาการนั้นผลักดันเราได้อย่างไร? ภาพพจน์ที่แจ่มชัดแล้วจากจินตนาการจนสุกงอม คือความอยากที่แก่กล้าจนทำให้เรานั่งไม่ติดที่ เขาเรียกความอยากนี้ว่า Desirer หรือแรงปรารถนา ความรู้สึกนี้จะทำให้เราอยู่นิ่งไม่ได้จนกว่าเราจะได้ลงมือกระทำเพื่อเป็นการตอบสนองกับความต้องการของมัน มันจะโหมกระหน่ำเผาผลาญเราจนกว่าเราจะออกไปทำในสิ่งที่มันเรียกร้อง เราสามารถเรียกมันว่าไฟปรารถนา ไฟนี้เหมือนดาบ 2 คม เพราะจากจินตนาการในทางลบสามารถนำเราไปสู่ความวิบัติฉิบหายได้เช่นกัน มีให้เห็นในวงการเมืองการปกครองของประเทศไทยในปัจจุบันที่ต่างพากันวางจิตไว้ผิดที่ คือเอาจิตไปจินตนาการแต่การกระทำในทางอกุศลกรรม คือความเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอ กับเบียดบังประชาชนจนต้องหันมากินเกลือกินน้ำปลา กับน้ำตาแทนข้าวกัน แล้วพร้อมใจพากันตายอย่างน่าอนาถเพราะไปต่อไม่ได้

ติดตามตอนต่อไป
อมิตาพุทธ

พลิกตำนาน …ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ และหนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หนังสือชุดนี้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย หากท่านใดสนใจ ติดต่อเราได้ที่

E-mail varunee5@yahoo.com หรือ
เบอร์โทร 085-660-2475 หรือ
Facebook -วารุณี พิทักษ์สินากร

ธรรมมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทุกชาติทุกศาสนาที่นำมาศึกษาปฏิบัติ ต่างพบกับสัจธรรมของชีวิตอย่างชัดเจน เพราะพระองค์ไม่เคยเน้นว่า ธรรมะเป็นของพระองค์ หรือของพระพุทธศาสนา แต่เป็นของมวลมนุษย์ชาติที่มองหา ความสุข สงบ ทางใจ นำไปใช้ได้ทุกคน

หนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์พระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรดกของชาว พุทธแท้ พุทธะ ของท่านพุทโธ