มโน คือความคิด เราคิดอย่างไรเราจะพูดอย่างนั้น เราจะเชื่ออย่างนั้น แล้วเราก็จะลงมือทำอย่างนั้น อันนี้หลวงปู่หลวงตาสอนเรามาแล้ว โดยเฉพาะหลวงปู่มั่น คนหลายๆ คนมีมโน หรือความฝัน หรือจินตนาการ แต่ไม่กล้าลงมือทำ ไม่กล้าขยับตัวไปข้างไหน ฮิลสามารถเขียนให้ผู้อ่านเปลี่ยนตัวเอง แล้วเสียดายเวลาที่ผ่านไป รีบออกไปต่อสู้เพื่อเอาชนะชีวิต จากจินตนาการสู่ความเป็นจริง มีส่วนผสมอย่างไร? เพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริงขึ้นมา ส่วนผสมดังว่ามี 4 ข้อดังต่อไปนี้
⦁ ความเชื่อ เชื่อว่าเป็นไปได้แล้วสามารถเกิดขึ้นมาจริงๆ
⦁ เชื่อในกุศลคุณงามความดีที่เราสั่งสมมาว่า สามารถทำให้เกิดปาฏิหารย์นั้นขึ้นมาได้ ซึ่งเราเคยสอนในคลาสสมาธิมาแล้วเกือบทุกคลาสว่า คำว่าปาฏิหารย์ จะเกิดขึ้นมาได้เฉพาะกับผู้ที่รักษาศีลกับปฏิบัติธรรมเท่านั้น
⦁ ความเชื่อนั้นต้องแก่กล้าพอที่จะเห็นภาพแห่งความสำเร็จปรากฏให้เห็นในจินตนาการแล้วจริงๆ กับเพียงรอให้เราออกไปคว้ามันมาเป็นของเราเท่านั้น ซึ่งความเชื่ออย่างแก่กล้าจนปรากฏให้เห็นเป็นภาพพจน์ขึ้นมานั้นมันอาศัยพลังบางอย่าง
⦁ พลังดังว่านั้นคือ จิตตานุภาพที่ได้ฝึกฝนมาอย่างดีแล้วจากวิปัสสนากรรมฐาน
⦁ ความกล้า กล้าที่จะให้โอกาสแก่ตนเอง
⦁ แรงปรารถนา

การลังเลสงสัยเป็นศัตรูตัวฉกาจของความเชื่อ จะมีอยู่ในจิตไม่ได้เด็ดขาด เข็มทิศเมื่อเราตั้งมันไว้ทิศไหน เดินไปตามทิศนั้น อย่าส่าย ความสำเร็จในชีวิตเรานั้น ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ แต่หนทางที่จะทำให้ได้มาง่ายๆ นั้นมันมีอยู่ กับเราโชคดีมากที่ได้ค้นพบหนทางนั้น เราได้นำมาทดลองใช้ ขอยืนยันว่า มันมีอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้วมันรอเราอยู่ เพียงแต่ว่า เราจะทำหรือไม่เท่านั้น จำไว้อีกเสมอว่า บนหนทางสู่ความสำเร็จ สู่ความเป็นจริงนี้ มันมีอุปสรรคอยู่มากมาย ซึ่งเราจะต้องถากถางอุปสรรคแต่ละตัวออกให้หมดก่อนจนแน่ใจว่าพร้อมแล้ว เมื่อมั่นใจว่าอุปสรรคทั้งหมดได้ถูกสติปัญญา อันเกิดจากภาวนามยปัญญามีแก่กล้าพอแล้ว ยามนั้นฟ้าดินก็ต้านเราไม่ได้ เมื่อทุกอย่างมาประชุมพร้อมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว หนทางสู่ความสำเร็จนั้นเรากำลังเปิดเผยมันอยู่เพราะมันมักจะแอบซ่อนตัว กลัวที่จะให้ใครมาเห็น แล้วนำมันไปใช้ มันจะยอมให้เพียงคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เราแจกแจงมาแล้วเท่านั้น เป็นเจ้าของมัน กับนำมันมาใช้ นอกเหนือจากนั้นกินแห้วกันมาทุกชาติภพ ยิ่งงานใหญ่รายละเอียดเล็กๆ ยิ่งมีมากจะมองข้ามมันไม่ได้เลยเราต้องเก็บให้หมด อุปสรรคทั้งมวลเราต้องนำมาบรรจุไว้ในอุปกรณ์ 2 ชิ้น ที่จะพาเราไปสู่ความเป็นจริงแล้วสร้างโลกแห่งความฝันมาสู่ความสำเร็จความเป็นจริงขึ้นมาได้ คือกายกับใจ เมื่อมาถึงกายกับใจตามที่พระตถาคตทรงสอนไว้ หมายถึงเราได้พบเครื่องมือที่จะพาเราเข้าสู่ความฝันนั้นได้แล้วจริงๆ อุปสรรคต่างๆ ที่เราต้องหาก่อนลงมือคือความพร่องในตัวเราเริ่มด้วยสุขภาพกายใจ มีแบตพร้อมที่จะลงสนามออกรบหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ที่เราอาจจะมองข้าม เช่น ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง กฏกติกามารยาทการเคารพต่อตนเอง ระเบียบวินัย ให้เกียรติต่อตนเอง ศีล สัจ ซื่อ หมายถึง สัจจะวาจา ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ที่ขาดไม่ได้คือ ไหวพริบ กับสติปัญญาที่จะใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แน่นอนวิริยะกับขันติจะต้องมี เมื่อทุกอย่างมาประชุมพร้อมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเหมือนลูกธนูที่เราเตรียมปล่อยเข้าเป้า มันจะไม่พลาด ในการนี้พลังจิตที่นำมาช่วยอย่างมากมายยังเป็นเหมือนเรดาร์ช่วยควานหาส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่เราต้องใช้แต่ขาดหาย พลังจิตจะช่วยนำทางเราไปค้นหาอุปกรณ์ชิ้นนั้นได้อย่างอเมซิ่ง พลังจิตยังจะช่วยเก็บผลงานที่ตกหล่น ขาดหายมาปะติดปะต่อกันจนสำเร็จเป็นรูปร่างขึ้นมา ที่กล่าวมา คือส่วนประกอบ ส่วนผสม หรือสูตรที่ทำให้จินตนาการเข้าสู่ความสำเร็จ และความเป็นจริงขึ้นมา คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากมาจากรากฐานของความล้มเหลวผิดหวัง คนที่จะยอมรับความผิดหวังเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าได้ จะต้องหัดเรียนรู้การคิดบวกกับต้องรู้วิธีทำงานที่ยากให้เป็นงานง่าย ซึ่งหากเขารู้วิธีทำงานอย่างเป็นขั้นตอนพร้อมทั้งอุปกรณ์ในการทำงานครบถ้วนแล้ว รับประกันได้ว่าในโลกนี้ไม่มีงานไหนยากสำหรับเขาเลย สำหรับเราแล้วในโลกนี้ทุกอย่างเป็นไปได้หมด เมื่อเราเชื่ออย่างนั้นเราย่อมได้ตามนั้น ทุกกิจการหรืองานที่เราทำไม่ว่าจะไปเปิดคลาสที่ไหน หาดใหญ่ สมุทรปราการ สกลนคร หรือเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่า หรือพิมพ์หนังสือหลวงปู่ทวด หรือไปทำบุญกับเด็กที่แม่ฮ่องสอน ไม่ว่างานจะใหญ่แค่ไหนอย่างไร ทุกงานราบรื่น ไร้อุปสรรค เมื่อครั้งไปเปิดคลาสที่หาดใหญ่ ถูกเรียกร้องให้เปิด 2 คลาสซ้อนในวันเดียวกัน ซึ่งทำได้อย่างราบรื่น เมื่อต้องการจะขายบ้านที่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีใครอยู่ดูแล เรารู้กันว่าการจะขายบ้านไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่เราทำสำเร็จอย่างง่ายดาย ประกาศขายเดือนสิงหาคม ขายได้เดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน พลังทั้งหมดที่จะทำให้ฝันของเราเป็นจริงนั้นมีอยู่ในตัวเราแล้วทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับเราเราหามันเจอหรือยัง? จะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนจึงจะหามันเจอ หรือต้องใช้เวลาแบบข้ามภพข้ามชาติ กี่ชาติๆ ผ่านไปหามันไม่พบสักที เพราะนิวรณ์ 5 มันพอกสะสมจนสลัดไม่ออก … เมื่อเราลงมือทำตามจินตนาการของเราลงไปแล้ว … อะไรจะเกิดขึ้น ? จำไว้ว่า ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงปัญหาใหญ่ หรืออุปสรรค จะตามมาแน่ … แต่จำไว้อีกว่า ปัญหามีไว้แก้ การแก้ปัญหาทุกครั้ง คือการประลองดูภูมิปัญญา และทดสอบสติปัญญาของเรา การแก้ปัญหาเหล่านี้บ่อยๆ ย่อมทำให้ปัญญาของเราแหลมคมมากยิ่งขึ้น หากเราไม่แก้ปัญหา มองหาทางออก เงินทุนที่เราลงไปจะสูญหายไปทั้งหมด มันจึงเหมือนการบังคับทางอ้อม เมื่อได้ใช้สติปัญญาบ่อยๆ จะเกิดความชำนาญ รู้ทิศทางของอุปสรรคล่วงหน้าอย่างแม่นยำว่าปัญหาจะมาจากทางไหน ย่อมทำให้เราดักทิศทางปัญหาได้ทันล่วงหน้าแล้วป้องกันปัญหานั้นๆ ได้ทัน หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือเดินตั้งแต่ก้าวแรก เราจะไม่ได้ใช้ภูมิปัญญาของเราเลย สมองมีไว้ใช้ต้องนำมาใช้ อย่าเพียงเก็บไว้ในกะโหลกให้มันทื่อ ไม่เคยใช้มันเลย แต่ใช้ อารมณ์ตัดสินใจทุกอย่างในชีวิตแทน ยิ่งพาจิตวิญญาณจมดิ่งลงนรกอเวจีอย่างถอนตัวไม่ได้ อุปสรรค หรือปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา คือมาร กิเลสมารที่มักจะเข้าขวางทาง ปัดแข้งปัดขาของผู้สร้างฝันทุกคน ขอยืนยันว่า โดนกันทุกคน ผู้ที่ปฏิบัติธรรมหรือมีอำนาจวาสนาจริงๆ เท่านั้นจึงจะทำสำเร็จได้ เมื่อเรารู้เท่าทันมันแล้ว จัดการให้คุณสมบัติต่างๆ ที่เราแจกแจงมาได้ครบทุกถ้วนข้อ ปัญหาต่างๆ อุปสรรคต่างๆ ย่อมจะน้อยลงจนถึงขั้นไม่มีเลย เชื่อเราสิ เราเจอกับมันมาทุกรูปแบบแล้ว มันคือมารเข้าขวางทางบุญของเราดีๆ นี่เอง

โปรดติดตามตอน 3