ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 208

เพื่อเป็น …. อนุสรณ์แห่งความหลัง …. จากความทรงจำของเรา ยังเป็นประวัติชีวิตของผู้เขียนที่เริ่มต้นจากคนธรรมดาๆ สามัญ จนกลายมาเป็นผู้ปฏิบัติธรรม จนพระอรหันต์ธาตุของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เสด็จมาอย่างมากมาย รวมพระอัฐิธาตุของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่น้อยคนจะเคยมีโอกาสได้ชมเหตุการณ์ในอดีต บางตอนคุณแม่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อน หากท่านได้อ่านคงต้องร้องไห้อย่างแน่นอน ตัวละครจากชีวิตจริงในเรื่องนี้ ต่างจากเราไปหมด ทิ้งเราไว้กับอดีต ความหลัง กับความทรงจำแต่เพียงผู้เดียว มันเป็นชีวิตที่พิศดารที่สุด ไม่เหมือนใครแล้วใครเล่าจะลืมลง แม้ทุกอย่างจะเป็นเพียงสมมุติ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นที่มา และที่เป็นของเราที่ถูกกำหนดมาแล้ว …. คือชีวิตส่วนหนึ่งของเรา บุคคลที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือ หลวงปู่ ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งพระคุณเจ้ารับปากว่า จับตาดูเรามาหลายร้อยชาติแล้ว
บทความนี้ใช้เวลารวบรวมอยู่นานเพราะรอคอยคำตอบบางอย่างเพื่อให้ได้ความชัดเจน จนได้ข้อมูลครบถ้วน พร้อมที่จะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดให้รู้กันว่าอะไร? และใคร? ที่อยู่เบื้องหลัง
ทุกชีวิตถูกลิขิตที่มา ที่เป็น และที่ไปไว้หมดแล้วอย่างหมดทางหลีกเลี่ยง ยังเป็นประวัติที่มาของเราช่วงหนึ่ง ที่ถูกวางหมากไว้แล้วอย่างเป็นขั้นเป็นตอนว่า “ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายอย่างที่ฝัน ” ต้องฝ่า 18 อรหันต์มาขนาดไหน จนท้ายสุดให้มาพบกับบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตเอาตอนเกือบจะฉากสุดท้าย อันจัดเป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ กับคำตอบที่เรารอคอยมานาน จนอาจข้ามภพข้ามชาติกันทีเดียว เพราะภารกิจที่รออยู่เบื้องหน้า ท่านเบื้องบนสื่อมาว่า …. เราได้อธิษฐานมาแล้วหลายชาติ แต่เพราะบารมีที่สั่งสมมายังไม่เข้าตากรรมการ จึงคลาดแคล้วผิดหวังมาทุกชาติ จวบจน ณ ชาติภพปัจจุบัน ได้พบกับคุณน้า อารยะ หวังทวีวิทย์ ที่พอจะให้คำตอบได้ แล้วยังเป็นผู้เชี่ยวชาญทางพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุที่ทรงเสด็จมาหาคุณน้าเอง มากที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา กับยังเป็นผู้แรกที่สามารถอัญเชิญ พระธาตุของพระโพธิสัตว์กวนอิมมาได้ …. คุณอารยะ ยังเป็นผู้พิสูจน์ยืนยันว่า พระอรหันต์ธาตุ เราได้รับมานั้น โดย เสด็จมาเองเช่นกัน เป็นของพระบรมสารีริกธาตุจริง เป็นของของหลวงปู่มั่น หลวงพ่อปาน และหลวงปู่ทวดจริงๆ …. โดยไม่ต้องสงสัย อ่านรายละเอียดได้จาก พลิกตำนานหลวงปู่ทวด กับสามารถกดเข้า ยูทูป จะพบเรากับคุณน้าในบทความเดียวกัน พร้อมรูปคู่กันกับคุณน้าอารยะ กับคุณสมบูรณ์ ในอดีต
บทความนี้ยังมีเกี่ยวกับอำนาจพระพุทธคุณของพระเครื่อง เกี่ยวกับบุญบารมีที่เคยสะสมมาแต่อดีตชาติกับแรงอธิษฐาน เกี่ยวกับผลจากการปฏิบัติธรรม รวมทั้งปาฏิหาริย์ของพระเครื่อง พระประธาน ที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลอย่างยากที่จะเข้าใจ จากฉากเริ่มต้น ออกมาเป็นคำตอบที่รอคอย แล้วผู้ที่ดลบันดาลให้สิ่งทั้งหมดเกิดขึ้น มาจากที่เดียวกันทั้งหมด คือ …. ของเก่า …. ของเก่านี้จะเป็นใคร? หรืออะไร? แล้วทำไมต้องมาเกี่ยวข้องกับเรา ทั้งหมด ชวนให้อดฉงนฉงายไม่ได้ว่า …. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์เหล่านี้ ได้มีอยู่ในจิตใจของคนไทยมาแต่สมัยปู่ย่าตายาย ผู้เฒ่าผู้แก่ มีไม่น้อยที่มีเครื่องลางของเก่า พระเครื่องไว้เป็นมรดกตกทอดครอบครองสืบต่อกันมา ซึ่งนับวันมีแต่จะหายสาบสูญ หรือเสื่อมความขลังไปตามกาลเวลา เพราะเมื่อเปลี่ยนมือความศรัทธาย่อมลดน้อยลง เปลี่ยนเป็นจิตใจที่บาป หยาบช้าพอกไปด้วยกิเลสมาแทนที่ …. เมื่อเป็นเช่นนี้ ของเก่าที่ไหนเล่า? จะยังคงความขลังด้วยพลังอันลึกลับนั้นอยู่ได้ …. แม้จะเป็นของเก่า ชิ้นเดิมก็ตาม
บทความนี้ยังแสดงให้เห็นว่า แม้ในยุคปัจจุบันของโลกมายา ( เมืองเปรต อย่างแอลเอ ) ยังมีใครบางคน ที่ใช้ชีวิตอยู่แบบทวนกระแส น้อมนำพระอยู่ที่ใจเอาโลกทั้งใบเป็นวัด จนสามารถสื่อกับทุกภพทุกภูมิได้ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และอรหันต์ธาตุ ให้ทรงเสด็จข้ามฟ้ามหาสมุทร มาเป็นขวัญกำลังใจให้กันได้ ใครคนนี้เคร่งต่อข้อวัตรปฏิบัติ หันหลังให้กับทางโลกโดยสิ้นเชิง แม้จะอยู่ในป่าคอนกรีต กับสิ่งที่ยั่วยุทางกิเลสทุกรูปทุกแบบ ใครคนนี้ทำได้จริงเท็จแค่ไหนเพียงไร? คำตอบทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว กับต้องยอมรับว่า อันบุญวาสนาบารมีนั้นมันแข่งกันไม่ได้ ซึ่งผลจากการปฏิบัติยังสามารถเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของคนได้จริงๆ …. ดังคำที่ว่า คนเหนือดวง หรือคนฝืนดวงนั้น …. ขอให้รู้ว่า … มีอยู่จริง
ขอกราบงามๆ มายัง หลวงพ่อใหญ่ พระพรเทพ อดีตเจ้าอาวาสของวัดกวนดีในฮิวสตัน ที่เคยพบกันครั้งแรกที่วัดพระธาตุบัวหลวง เมือง Tehachapi Ca. ของหลวงพ่อประเสริฐเมื่อเกือบ 20 ปีมาแล้ว ที่จุดประกายอันแรงกล้าให้เราเดินหน้าไม่หยุด จากคำพูดของหลวงพ่อใหญ่ที่กล่าวทักเราครั้งแรกที่พบกัน คำพูดนั้นยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน …. เป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะลืมไม่ได้
“ โยม ตัวโยม มีแสงสว่างออกมานะ ” “ โยม ….โยมชื่ออะไร …. อาตมาดีใจมากที่ยังมีคนอย่างโยมหลงเหลืออยู่ในโลก ” “ ชื่อ ….วารุณี พิทักษ์สินากรค่ะ ”
บทความเรื่องของเก่า “ เริ่มเขียนที่อเมริกา จบในอเมริกา ” เป็นเรื่องจากชีวิตจริงที่ใช้เวลารวบรวมนานเกือบ 10 ปี จากนั้นอีก 10 ปี ต่อมาคือในปี 2021 นำมาพรูฟเพื่อจะตีแผ่อย่างเป็นทางการ เพื่อให้รู้กันว่า “ ข้ามากับพระนั้น ” เป็นอย่างไร? มีจริงหรือ?
“ คนเราเลือกเกิดกันไม่ได้ แต่เลือกทางเดินของชีวิตเองได้ …. แม้จะมาจากที่ต่ำสุดจากนรกภูมิในอดีตชาติ …. แต่ชาตินี้มีสิทธิ์เลือก …. ขึ้นสู่จุดสูงสุดหลุดพ้นได้เช่นกัน หมายความว่า …. ชาตินี้เรามีสิทธิ์เลือก …. ที่เกิด ที่ไปในภพภูมิหน้า กับที่จะเป็นในปัจจุบันนี้ได้ เพราะ พวกเราทั้งหมดต่างโชคดีที่ ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ …. การจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้นั้น ไม่ใช่ของง่าย ดังนั้น …. อย่าให้เสียชาติเกิด เพราะมนุษย์เท่านั้นที่เลือกที่จะเป็น และจะไปได้
ขอความสวัสดีมีสุขจงบังเกิดแก่ทุกท่าน
วารุณี พิทักษ์สินากร

เรื่องจากชีวิตจริง

( 18/7/03 Houston Tx )

ชาติตระกูลไม่ได้สร้างให้ใครเป็นคนดีได้ เพราะคนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัวและ นิสัยสันดานของเราเองเท่านั้น เราสามารถลิขิตเส้นทางเดินของชีวิตเราเองได้ …. หากใครใช้ชีวิตอยู่ด้วยปัญญาจะรู้ว่า สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดของความเป็นมนุษย์นั้นอยู่ที่ …. จิต ….ใช่ …. มันแพ้กันที่ใจ คุณแม่เคยแอบเปรยกับเพื่อนคุณแม่ แล้วมาเข้าหูเราว่า “ ตัวมันเล็กกว่าใคร แต่ใจมันใหญ่กว่า เพื่อน อย่าไปยุ่งกับมัน ” เมื่อคุณแม่ล่วงลับดับขันธ์ ไปแล้ว ได้ผ่านสื่อมาบอกเราว่า “ แม่ไม่คิดว่าจิ๊ดจะมาได้ไกลขนาดนี้ แม่ภูมิใจมาก ” เพราะเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านมองไม่เห็นเรา ไม่เคยมองเห็นเรา เราไม่เคยอยู่ในสายตา

อำเภอ บางเขนในอดีตเมื่อ 60 กว่า ปีมาแล้ว มีถนนพหลโยธิน ยาวไปถึงสะพานใหม่ รังสิต ดอนเมือง รถวิ่งสวนทางกันเลนเดียว ริมถนนสองข้างเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ไปตลอดแนวจนถึงสะพานใหม่ เลยออกไปทั้งสองฝั่งยังเต็มไปด้วยทุ่งนาเขียวขจีไปหมด คงไม่ต่างจากสายลาดพร้าว กับบางกะปิ ที่มีแต่ทุ่งนา ท้องทุ่ง เป็นส่วนใหญ่ ในสมัยก่อนยังจำได้แต่ก่อนจากแยกบางกะปิ เรื่อยๆ ไปถึงอู่นายเลิศ ต้นสายรถเมล์ สาย 8 สีขาวที่วิ่งไปถึงสะพานพุทธ ถนนสายนี้สองข้างทางมีแต่ทุ่งนา ปราศจากบ้าน ร้านรวง ยังโหรงเหรงอยู่แลไปทางไหนมีแต่สีเขียวของทุ่งนา ใบไม้ ต้นไม้ไปหมด เส้นทางนี้ทะลุออกถนนรามอินทรา ตรงกิโลเมตรที่ 8 ( ปัจจุบันคือถนนนวมินทร์ ) พอหน้าฝนทีไร มีแต่ท้องนา กับน้ำที่เจิ่งนอง บางทีมีปลากระโดดขึ้นฮุบแมงปอตามใบหญ้าให้เห็น มองไปทางไหนชื่นใจสบายตาเหลือจะกล่าว เพราะอากาศบริสุทธิ์ ไม่แออัดเหม็นกลิ่นควันรถอย่างเช่นปัจจุบัน …, เฮ้อ!!! คิดแล้วอยากย้อนเวลากลับไปตรงนั้นเสียเหลือเกิน ตอนนั้นเราเรียนอยู่ที่โรงเรียนรุจิเสรีวิทยา แถวๆ สะพานควาย ตอนเช้าๆ นายสมุทรทหารคนขับรถของพ่อจะเอารถจี๊ปทหารไปส่งพวกเรา 4 คนที่โรงเรียนทุกเช้า พอ 4โมงเย็นจะมารับตรงเวลาแทบทุกวัน ถ้าจะออกเดินทางรอบนอกกลับบ้านเอง จากสะพานควาย ก็ต้องขึ้นรถเมล์สาย 39 ที่มีอยู่เบอร์เดียว ที่ผ่านถ.พหลโยธิน ซอยที่ 32 ซ.น้ำใสได้ อีกเบอร์คือ สาย 26 ที่มาแค่วัดพระศรีมหาธาตุ แล้วแยกออกถนนรามอินทราไปทาง อำเภอมีนบุรี เรามีเพื่อนสนิดคนหนึ่งอยู่แถววัดบางบัว รถเมล์ทั้ง 2 สายจะผ่าน หลังวัดไปจะเป็นที่พักของบ้านนายทหารที่สร้างเป็นหลังๆ เรียงกัน บิดาเธอเป็นทหารเช่นกัน เรามักไปขลุกอยู่กับครอบครัวเธอตอนวันหยุด เพื่อนคนนี้คือ คุณอ้อย หนทางเข้าบ้านอ้อย คือลงรถเมล์ก่อนที่หน้าวัดบางบัว ซึ่งติดถนนพหลโยธิน แล้วเดินลัดเลาะผ่านตัววัดทะลุไปถึงบ้านพักนายทหาร ทุกเช้าจะมีรถทหารขนาดใหญ่ รับ – ส่งเด็ก ลูกเต้านายทหารไปโรงเรียนทุกเช้าเช่นกัน ตอนนั้นอายุเราประมาณ 17 – 18 ปีได้ คบกับอ้อยมาได้ 5 – 6 ปีแล้ว วันนั้นพอไปเล่นกับอ้อยที่บ้านเสร็จ พอบ่ายแก่ๆ เธอเดินออกมาส่งเราที่หน้าวัดเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้านเช่นทุกครั้ง ขณะเดินผ่านตัววัด กุฏิพระ อุโบสถ อยู่สองฝั่งเช่นเคย เราต้องหยุดสะดุดกึก ทำให้เพื่อนหยุดเดินไปด้วย เพราะบางสิ่งบางอย่างกองอยู่ที่ปลายเท้าข้างขวาของเราพอดี ที่หยุดเพราะเราไม่กล้าข้าม ซึ่งอ้อยมองไม่เห็น รวมทั้งยังไม่มีใครเห็น คือพระพวงหนึ่งเกี่ยวอยู่กับเข็มกลัด คงหลุดออกจากเสื้อของใครบางคน มีพระอยู่ 4 องค์ ซึ่งเมื่ออ้อยเธอเห็นยังบอกว่า “ ตัวโชคดี ” หนึ่งใน 4 เป็นรูปหลวงปู่อะไรจำไม่ได้ แต่เลี่ยมทอง องค์นี้น้าชายขอไป ซึ่งเราแกะให้ไปทันที อีกสององค์เป็นเหรียญของหลวงพ่ออะไรจำไม่ได้เช่นกัน แต่องค์สุดท้ายนี่ซิ แรงเหลือจะกล่าว ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร เพราะมีลวดตาข่ายถักพันรอบองค์พระ ที่เนื้อเป็นดินอะไรสักอย่าง ลวดบางแห่งออกสนิมสีน้ำตาล องค์พระเป็นรูปสี่เหลี่ยม จัดเป็นของเก่า กับของดีชิ้นแรกที่โผล่เข้ามาในชีวิตของเรา ( คือพระ ) ซึ่งบางเซียนถึงกับกล่าวว่า “ แม่ธรณี เปิดให้ ” คำว่าข้ามากับพระ …. เริ่มกันตรงนี้ หรือพระจะมากับข้าก็ไม่แน่ใจนัก พระองค์นี้ 10 ปีให้หลัง ได้แสดงปาฏิหาริย์ช่วยเราไว้ได้อย่างอัศจรรย์ หลายหนเลยทีเดียว ทั้งในต่างแดนและเมืองไทย จนทำให้เราต้องหาทางสื่อกับพระคุณเจ้า แล้วถามความต้องการของท่านว่า “ หลวงพ่ออยากได้อะไร ” ท่านสื่อ กลับมาว่า “ จงปฏิบัติธรรม ” ตอนนั้นน่ะเหรอ …. ไม่เคยมีอยู่ในหัว ยังหยาบไปด้วยกิเลส
9 ปีต่อมาจึงได้ทราบว่าพระองค์นี้คือ พระสมเด็จ จากกรุวัดบึงพระยาสุเรนทร์ เขตมินบุรี ถ้าจะเอ่ยถึงชื่อของวัดบึงพระยาสุเรนทร์ บรรดานักเลงพระตระกูลสมเด็จ รู้จักกันดี เป็นพระนักสู้ สรรพคุณด้านอยู่ยงคงกระพัน คลาดแคล้ว เมตตามหานิยม มีมาก่อนสมัยสงครามอินโดจีน กับสงครามโลกครั้งที่สองกันแล้ว นักนิยมพระเครื่องมักเสาะหากันเงียบๆ ความเป็นมาของวัดบึง พระยาสุเรนทร์ สร้างขึ้นต้นรัชกาลที่ 5 ท่านพระอ.ดวงเจ้าอาวาสได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เป็นบุตรของคุณพ่อ ชุ่ม สิงหเสนีย์ เป็นหลานของพระยาสุเรนทร์ ปู่ของท่านเป็นผู้สร้างขึ้น ตามศักดินาสมัยนั้นวัดนี้มีเนื้อที่ถึง 4000 ไร่ บริเวณวัดเป็นที่ราบลุ่มจะมีน้ำขังอยู่เสมอ หน้าวัดนั้นแต่เดิมเป็นคลองกับเป็นทางช้างผ่าน ของโขลงช้างป่ามาก่อน พระดวงผู้เป็นหลานเล่าต่อว่า พระเครื่อง นี้พระยาสุเรนทร์เป็นผู้สร้างโดยให้หลวงปู่ทอง แห่งวัดราชโยธา ซึ่งเป็นผู้แก่กล้าด้วยเวทย์มนต์ถาคาวิทยาคมเป็นผู้ปลุกเสก ซึ่งหลวงพ่อทองนี้ ไม่มีใครถ่ายภาพของท่านได้ติด เมื่อฝนตก จีวรท่านไม่เคยเปียก ยังย่นหนทางได้เก่ง ท่านมีศิษย์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากหลายรูป รูปหนึ่งที่เคยร่วมกันปลุกเสกเครื่องลางของขลังที่วัดบวร อันจัดเป็นการปลุกเสกระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา ในบทอยู่ยงคงกระพัน ทหารผี ที่เราเขียนไปแล้ว หาอ่านได้ในกูเกิลที่คัดของเราไปลง กับเวปไซต์พระหลายอันเอาไปอ้างอิงเพื่อขายพระ คือหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อจง ยังเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อ สุ่น มีศิษย์รุ่น น้องตามมาอีกคน จนต้องเรียกหลวงพ่อจง ว่า พี่ คือหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค พระยาสุเรนทร์ได้ฝั่งพระเครื่องที่ทำไว้ในกรุ ใต้ฐานพระประธานในเจดีย์ กับสั่งไว้ว่า “เมื่อใดก็ตามที่บ้านเมืองถึงคราวคับขัน ให้ขุดเอาพระเครื่องนี้มาแจกจ่ายให้ชาวบ้านไว้ป้องกันตัว” การที่พระยาสุเรนทร์ท่านสั่งไว้เช่นนี้แสดงว่า เชื่อได้แน่นอน ว่าต้องอยู่ยงคงกระพันป้องกันภัยได้ 108 พระกรุนี้เปิดสมัยสงครามอินโดจีน สมัยนั้นจอมพลป.เป็นนายกมีพระทั้งหมด 5000 องค์ถูกนำไปแจกแก่บรรดาทหาร ตำรวจ ที่ไปสงครามอินโดจีน ทางวัดมอบให้ไปถึง 3000 องค์ อีก 2000 องค์ได้แจกจ่ายแก่ชาวบ้าน ซึ่งส่วนมากแจกฟรี หรือถวายวัดทำบุญไปองค์ละไม่กี่บาท สีเนื้อพระ จะออกสีเขียวปนเทา บางคนเรียกสมเด็จเขียว บ้างเรียกพระนักสู้ เพราะเป็นการผสมเนื้อพระที่ไม่เหมือนของสำนักไหนเลย ผสมปูนซีเมนต์หรือปูนเปลือกหอยของเก่า จึงทำให้เนื้อพระแข็งแกร่งมากด้านอยู่ยงคงกระพัน จากปากคำของผู้ที่เคยออกสงครามอินโดจีน ครั้งนั้นเล่าว่า มีพระเครื่องติดตัวออกรบครั้งนั้นหลายองค์รวมทั้งสมเด็จเขียว สมัยนั้นถักด้วยลวด ล้อมองค์พระ ถักด้วยเชือก บ้างก็เอาผ้าห่อ เพราะตลับเงินกับตลับแสตนเลสยังไม่มี แม้พระบางองค์จะหักกลางก็ ยังมีตำนานประสบการณ์อยู่ยงคงกระพันให้เห็น อดีตนายทหารยศร้อยตรีผู้หนึ่งกล่าวว่า ตอนนั้นมีเพียงพระสมเด็จเขียว พระพุทธชินราช และพระเนื้อดินอีกหนึ่งองค์ ไปปะทะกับทหารฝรั่งเศส ถูกยิงมาสามครั้ง ถูกสะเก็ดลูกปืนใหญ่อีกหนึ่งครั้ง ยังรอดตายมาอย่างไม่น่าเชื่อ ครั้งที่สามเคยปะทะกับข้าศึกขั้นปะชิดตัว ถึงขนาดติดดาบปลายปืนกันเลย แต่ก็ไม่เป็นไร ถูกแทงสองแห่ง ก็ไม่เข้า แต่ที่ต้องต่อสู้กับน่ากลัวกว่าข้าศึกคือพวกผีป่า นางไม้ เจ้าที่เจ้าทาง กับไข้ป่า ถึงกับนอนผวากันทั้งคืน การต่อสู้กับผีต้องเอาพระเครื่องออกมาภาวนากันทั้งคืน ผีดุร้ายมาก แต่ที่ร้ายสุดคือไข้ป่า บางคนอารธนาพระแช่น้ำนำน้ำมาดื่มแก้ไข้ป่า ก็หายอย่างไม่น่าเชื่อ นายทหารอีกคนเล่าว่า เคยถูกโขมยขึ้นบ้าน ตนกลับมาทันพอดี คนร้ายยิงเข้าใส่ตูมเบ้อเร่อ ตนล้มหงายหลังมั่นใจว่าถูกยิงกลางพุงแน่แล้ว ที่จริงเป็นแค่ความจุกเสียด พอคนแห่กันมาดูไม่พบบาดแผลประการใด ที่คอแขวนสมเด็จเขียว บึงพระยาสุเรนทร์เพียงองค์เดียว

อมิตาพุทธ

พลิกตำนาน …ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ และหนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หนังสือชุดนี้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย  หากท่านใดสนใจติดต่อเราได้ที่

E-mail varunee5@yahoo.com หรือ
เบอร์โทร 085-660-2475 หรือ
Facebook -วารุณี พิทักษ์สินากร
 

ธรรมมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทุกชาติทุกศาสนาที่นำมาศึกษาปฏิบัติ ต่างพบกับสัจธรรมของชีวิตอย่างชัดเจน เพราะพระองค์ไม่เคยเน้นว่า ธรรมะเป็นของพระองค์ หรือของพระพุทธศาสนา แต่เป็นของมวลมนุษย์ชาติที่มองหา ความสุข สงบ ทางใจ นำไปใช้ได้ทุกคน

หนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์พระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรดกของชาว พุทธแท้ พุทธะ ของท่านพุทโธ