ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 21

ผู้มาจากแดนดับ เหตุเกิดที่บ้านบุญรักษา หลังจากเรากลับมาจากอเมริกา ได้เดือนกว่าๆ กับเพิ่งกลับจากการไปเอาแก้วนาคาที่ถ้ำแกลบกับศิษย์คนสนิท เสร็จธุระที่กรุงเทพฯ ตรงขึ้นเชียงใหม่เลยเพราะคิดถึงบ้านบุญรักษาจับใจ เที่ยวนี้ไม่มีแม่ ปกติแม่จะรอการกลับของเราทุกครั้ง จึงรู้สึกเหมือนมันว่างเปล่าพิกล ต้องหางานทำไม่ให้ว่างไม่ให้มันคิดมาก วันนั้นตรงกับวันที่ 18 มกราคม 2561 เมื่อเรานัดให้ศิษย์คนหนึ่ง คือเจ้าป.เข้ามาหาเราที่บ้านตอนเที่ยงตรง เพื่อเรียนภาษาอังกฤษ เนื่องจากเขาต้องทำมาหากินกับพวกนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อไม่รู้ภาษาก็ถูกเอารัดเอาเปรียบ ขอย้อนอดีต เราเคยสอนภาษาอังกฤษให้เด็กมาก่อนสมัยยังทำงานเป็นเซลขายเฟอร์นิเจอร์ที่ร้านดาวเงิน แถวสันกำแพงมีนักเรียนมาเรียน 6-7 คนอายุ 9-13 ปี เป็นการสนทนาสายตรงเน้นการสนทนากับคำศัพท์ ไม่ต้องมีเน้นไวยากรณ์อะไรให้ปวดหัว สอนให้ฟรีด้วยความเมตตา อีกสาเหตุที่เรียก เจ้าป. เข้ามาวันนี้ ก็เพื่อดูอาการของเจ้าป. หลังจากเมื่อ 2 วันที่แล้ว หนูม. ศิษย์อีกคนมาจากกรุงเทพฯ เพราะปู่กวนอูท่านต้องการคุยกับเจ้าเก่ง ด้วยธุระที่สำคัญมากอันเกี่ยวกับปู่ต้องการช่วยเราโดยตรง  พอปู่ลง ปู่บอกให้เราไปหาไม้มาปู่จะตีเจ้าเก่งให้หายโกรธ เพราะกว่าเจ้าเก่งจะมาได้ ตีสาม พวกเรานั่งรอกันจนปู่ โกรธแทบกระอัก เราต้องค่อยๆ ระงับอารมณ์ปู่ให้เย็นลง วันนั้น เมื่อเจ้าเก่งยังไม่มา ระหว่างที่รอเจ้าเก่ง เราเอะใจบางอย่าง อยากคุยกับเจ้าป. แต่หนูม. บอกให้เรียกป.เข้ามาเลย ป.เข้ามาตอน เกือบเที่ยงคืน เรากับหนูม.จับได้ว่าเจ้าป.มีวิญญาณแฝงมาทำให้เจ้าป.เจ็บบ่า คอ ศีรษะ เจ็บแบบผิดธรรมดา ความเจ็บแบบนี้เจ้าป.คุ้นเคยมาหลายครั้งเพราะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนวิญญาณแฝง เราใช้ผ้าพาดบ่าของพระตถาคตที่นำมาจากพุทธคยาเมื่อครั้งไปอินเดีย คืนนั้นกว่าเจ้าเก่งจะมาปู่รอจนเกือบตีสาม กว่าจะแยกย้ายกันกลับเกือบเช้า เจ้าป.เลยต้องนอนที่บ้านเราเลย เช้ามาหลังทานข้าวด้วยกัน 3 คนในครัวบ้านบุญรักษา เรายังชวนกันไปวัดป่าถ้ำสีนิลอีก ช่วงนี้เจ้าป.จึงแทบจะหมดสภาพเรี่ยวแรงแทบไม่เหลือหรอน่าเวทนานัก

เมื่อเจ้าป.มาถึงเราได้สอนภาษาอังกฤษ ให้ หนึ่งชั่วโมง พอเวลา 13.00 น. ตั้งใจจะนั่งสมาธิกันกับชาร์จพลังให้เธอด้วย วันนี้ต้องผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือให้เจ้าป.กันวิญญาณ เพราะตัวที่ไล่ไป ย้อนกลับมาเล่นงานเจ้าป.อีก กะเอากันถึงตายขณะขับรถ งานนี้คงจะไม่จบง่ายๆ จนกว่าน้องสาวเจ้าป.จะเอาของนั้นออกจากบ้านไปก่อน วิญญาณนี้ติดมากับเครื่องรางของขลังที่น้องเจ้าป.เอามาไว้ในบ้านดังนั้นขอให้ดูเป็นตัวอย่างอย่าไปรับอะไรซี้ซั้วเข้าบ้าน ของชิ้นที่น้องเจ้าป.ไปรับมานี้ วิญญาณมาสารภาพเลยว่ามีมวลสารสกปรกมาจากป่าช้าผสมมาด้วย 2 ชนิดฟังแล้วหนาว     แรงจนเจ้าที่ ที่บ้านเจ้าป.เตรียมย้ายออก ต้องจุดธูปขอขมาบอกกล่าวกันวุ่นวายไปหมด ขณะที่นั่งสมาธิได้เพียง 10 นาที พระโสฬส ผ่านญาณ ลงมาที่เจ้าป.ทันที คุยกับเราแล้วหาวิธีกำจัดวิญญาณ พระคุณเจ้าเอาทีมไล่ล่าพวกนี้มาแล้วพากันไปที่บ้านเจ้าป.เลยเพื่อล้างบ้านให้ เพราะท่านตระหนักว่า เจ้าป.เป็นแขนเป็นขา เป็นทีมงานของเรา ต้องสงวนรักษาไว้ทำงานให้จานวา   ขณะที่ท่านผ่านมเจ้าป.จะไม่รู้เรื่อง เราได้สนทนา กับพระโสฬส มากว่า 2 ปีแล้วจะว่าพระคุณเจ้าเป็นกุนซือ แล้วถูกส่งมาดูแลเราให้คำแนะนำปรึกษาเรา ก็ไม่ผิดนัก เพราะท่านคือผู้ที่สืบสานต่อ และเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่ถูกส่งไปทางดินแดนสุวรรณภูมิในอดีตตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกฯ เราเป็นผู้ช่วยสืบสานต่อพระพุทธศาสนารับช่วงในยุคนี้ ท่านจึงถูกกำหนดมาแล้วจากเบื้องบนให้มาเฝ้าดูแลเรา เวลาเรานั่งสมาธิก็นั่งด้วย ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรา พระโสฬสนำไปทูลเบื้องบนหมด เรื่องทั้งหมดนี้ใครไม่ชอบหรือไม่เชื่อเราไม่เคยใส่ใจหรือไม่แคร์ แต่ขอแชร์ประสบการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร นอกจากเราสามารถคุยได้กับทุกพระองค์แม้เวลาเข้าพรรษาเขาก็จะส่งใครมาเพื่อช่วยเรา เมื่อเราถึงจุดที่เรียกว่า “ทางตัน” ซึ่งมันแทบไม่ค่อยจะเกิด เพราะด้วยไหวพริบของเรา ทำเราผ่านบททดสอบยากๆที่มนุษย์น้อยคนจะผ่านมาได้หมดแล้วจนท่านวางใจ นอกจากเรื่องเจ้าป.แล้ว พระโสฬสจะพูดเรื่องการเปิดคลาสหน้า กฎระเบียบอย่าไว้ใจพวกวิญญาณมากกว่าไว้ใจตนเอง ซึ่งการปลดปล่อยวิญญาณของเราที่ผ่านๆมานี้ ช่วยงานปู่เวสสุวรรณได้อย่างมาก แต่เพิ่งเมื่อวานท่านลงมาร้องขอให้ระวังพวกวิญญาณที่ชอบลักไก่ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ซึ่งคนที่ทำได้ มีเราเพียงคนเดียว

เมื่อพระคุณเจ้าไปแล้ว ขณะที่เรา กับเจ้าป. กำลังจะนั่งสมาธิต่อ นั่งไปได้แค่ 10 นาที ใครผ่านมาเข้าเจ้าป.อีกทันที เหมือนได้รอจังหวะเวลามานาน

ผู้มาจากแดนดับ เซียน ทั้ง 7

เจ้า ป.พูดภาษาจีนขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว เพราะปกติเธอพูดภาษาจีนไม่ได้ แถมถูกหลวงปู่หลวงตาคาดคั้นให้ไปเรียนทั้ง ภาษาอังกฤษ จีน กับ ญี่ปุ่น ที่ลำพังภาษาไทยเธอยังสื่อกับชาวบ้านเขาไม่ค่อยจะรอด เป็นอีกคนหนึ่งที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง กับเราเป็นห่วงมากจึงจับตาดูเด็กคนนี้อยู่ตลอดเวลา เพราะหลวงปู่ทวดฝากไว้ เจ้าป.พลาดมาหลายชาติแล้วคือควรจะเข้ามรรคผลนิพพานมาหลายชาติแล้ว ชาตินี้จะพลาดไม่ได้ หลวงปู่ทวดเป็นห่วงมาก ในบทต่อๆไปจะรู้กันว่า อดีตชาติของเจ้าป.เป็นใคร เราคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเธอได้

การสนทนากับผู้มาจากแดนดับ หากจะเล่าคำต่อคำก็คงยาวเกินพิกัด เราจึงถามก่อนว่า “พวกท่านเป็นใคร รู้ว่าไม่ใช่คนไทยมาจากแดนไกลมาก คือประเทศจีน” เขารับว่าใช่ มาไกลมาก แล้วเขามาทำไม? จุดประสงค์คืออะไร? รู้จักเราได้อย่างไร? รวมทั้งเขาคือใคร ?

เราจะต้องรู้ให้ได้ในการสนทนาครั้งนี้ หรือแฟนบทความเรามีใครไม่อยากรู้บ้าง ?

คำตอบที่ได้ “อั๊วไม่ใช่พระ เป็นคนปฏิบัติอย่างลื้อ แต่อั๊วบอกชื่อไม่ได้ คุยไปเรื่อยๆเดี๋ยวลื้อก็รู้เอง” “เราไม่มีทางรู้ได้ สายจีน เราจะรู้จักแค่พระโพธิ์สัตว์กวนอิม ปู่กวนอู จี้กง เท่านั้น” “อั๊วไม่สูงขนาดนั้นจี้กงเป็นอาจารย์อั๊ว อยากมาช่วยท่านนานแล้ว” “แล้วท่านละขันธ์มากี่ปีแล้ว” “500 ปี” “แล้วท่านรู้จักเราได้อย่างไร?” “อั๊วมาจากเมืองจีนในดินแดนที่ไกลมากไกลจนแม่กวนอิม ปู่กวนอูเข้าไปไม่ถึง บ้านที่อั๊วอยู่ยังบริสุทธิ์ไปด้วยสายหมอกแมกไม้ป่าเขียวบริสุทธิ์สมบูรณ์ งดงามมากมีวัดอยู่บนเขา หุบเขาแต่ประชาชนไร้ที่พึ่งไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว พวกเขาไม่ใช่คนจน แต่เขาจนปัญญาคิดกันไม่เป็น อั๊วห่วงลูกหลานอั๊วเลยอยากหาใครไปช่วย อั๊วเลยมาเมืองไทย ลงไปทางภาคใต้ ถามวิญญาณอันศักดิ์สิทธ์ทางใต้ดูว่า “ อั๊วมาไกล ตัวอั๊วเองไม่เอาอะไรไม่ยึดอะไรแล้ว ห่วงแต่ลูกหลานของอั๊วที่มีแต่ศรัทธากับความเชื่อในทางที่ผิดๆรู้จักใครที่แสดงธรรมได้ตรงจุดไม่ยืดเยื้อกับเข้าใจง่ายได้บ้าง” “ไหนๆเจ้าก็มาถึงนี่แล้ว เจ้าลองขึ้นไปดูทางเหนือสิ เจ้าแค่หายตัวฟุ๊บไป เจ้าจะเห็นเองว่าใครที่เจ้าตามหาอยู่ เป็นแสงออราเจ้าคงหาไม่ยาก” ท่านทางใต้ตอบ “เมื่ออั๊วมาถึงได้เห็นแสงสว่างของผู้ปฏิบัติหรือออร่ามากมายทางนี้แต่ที่สว่างที่สุดกับเป็นแสงที่ประหลาดมากที่อั๊วไม่เคยเห็น อั๊วปฏิบัติมาหนักยังไม่เคยได้ถึงขั้นนี้ คือแสงของท่าน อั๊วไม่ได้มาลำพัง มากัน 7 คนทั้งหญิงชาย ก่อนเข้ามาคุยกับลื้อ อั๊วได้สกรีนลื้อหมดแล้วใช้เวลาสกรีนทุกอย่าง ยิ่งได้มาเห็นแสงจากตัวลื้อ อั๊วแน่ใจว่าลื้อนี่แหละ พวกอั๊วมาไม่เสียเที่ยวแน่” “แล้วการมาหาเราได้นี่ยากไหมต้องผ่านด่านอะไรไหม?” “อั๊ว ขอ ขอ ขอ ขอ มีตั๋ว มีบัตร…ต้องแสตมป์ เหมือนต้องขอตราประทับต้องผ่านด่านถึง 6 ด่านกว่าจะมาถึงตัวท่าน” “โห….ว้าว สุดยอด…ยังงั้นเลยเหรอ สงสัยต้องขึ้นค่าตัวเสียแล้ว” บางทีเขาก็ใช้คำแทนตัวเราว่าลื้อ บางทีก็ท่าน “มีธุระอะไรว่ามา” “พวกอั๊วมานี่ ด้วยจุดประสงค์ 2 อย่าง อย่างแรกจะมารักษาให้ท่าน อย่างที่ 2 เอาตรงๆเลยนะท่าน จะขอเชิญท่านไปโปรดคนของอั๊ว คนจีนมีความศรัทธาผิดๆ ช่วยตัวเองไม่ได้คิดไม่เป็นชอบตามกระแส อะไรๆ ก็เผากระดาษ เผารองเท้ารถ ไปให้บรรพบุรุษ ของที่เผาไปกองข้างบนเป็นขี้เถ้าภูเขาเลากา เขาไม่ได้ใช้พอตนเองตายไปก็หิวโหยไม่มีอะไรกินไปนั่งมองของชาวไทยจะขอเขากิน เขามีเมตตาให้กินก็ยังกินไม่ได้ เพราะไม่เคยทำไว้ กระดาษมันกินไม่ได้ ก็ยังพากันเผาแต่กระดาษ หาทางดับทุกข์กันไม่เป็น ท่านเก่งมากมีกุศลโลบายมีลูกเล่นผ่านมาหลายประเทศ ประสบการณ์มาก แก้ได้ทุกปัญหา ด้วยตัวเองแม้ในยามคับขัน” “เข้าใจละ พวกเขายังยึดติดกันในวัตถุ คิดว่าพ่อแม่พี่น้องลูกเต้าเมื่อตายไปก็ต่างเผาสิ่งของที่เขาชอบตามขึ้นไปให้ในรูปของกระดาษ อันนั้นเขาเรียกว่ายังยึดติดกันกับวัตถุ มันดับทุกข์ไม่ได้ มันเป็นแค่ขี้เถ้า เขาต้องรู้กันว่ามีเพียงอริยทรัพย์เท่านั้นคือสิ่งที่จะนำติดตัวหรือส่งไปให้บรรพบุรุษได้” “ใช่ๆๆ ทางพุทธ เขาวางน้ำหนึ่งแก้วให้หน้าหิ้งพระ พระท่านดื่มก็ได้บุญ แต่พวกเขาเผาแต่กระดาษแล้วเป็นความเชื่อที่มีกันมานานอั๊วไม่รู้จะสอนพวกเขา ช่วยพวกเขาอย่างไร พวกเขาคิดกันไม่เป็น เช่น  มีเมียสองคนนะ เมียสองคนทะเลาะกัน เขาก็ไปมีคนที่สาม ที่สี่ ก็ยิ่งวุ่นวายกันยิ่งขึ้น กับพวกเขาต้องการลูกผู้ชายกันจึงหาความสงบของครอบครัวไม่ได้ คิดกันไม่เป็น  ว่างๆลื้อไปเที่ยวเยี่ยมที่บ้านอั๊ว บรรยากาศงามมากบนภูเขา” “นี่เจ้าจะให้ข้าไปโปรดคนของเจ้าก็บอกมาตรงๆ ปีนี้ข้าออกไปไหนไม่ได้ ท่านให้อยู่พักผ่อน กับสร้างสถานปฏิบัติธรรมให้เสร็จก่อน” เจ้าป.ยังพูดภาษาจีนสลับไทยอย่างคล่องแคล่วต่อไปโดยไม่รู้ตัวว่าใครพูด และคุยอะไรกัน ซึ่งเราอัดการสนทนาไว้ทุกครั้ง ไปๆมาๆเขาหลุดปากมาว่า เป็นเซียน แต่ไม่บอกชื่อ มากัน 6-7 คน ผู้มาจากแดนดับพูดต่อ “ อือๆ ธรรมมะของท่านก็ลึกซึ้งแล้ว บุญก็เต็มแล้ว ท่านพร้อมที่จะละขันธ์ได้ทุกเวลา  ทันทีที่สร้างสถานปฏิบัตธรรมเสร็จท่านไม่ยึดแล้ว….แต่เอ….ท่านจะอายุยืนมากนะ กับความอุดมสมบูรณ์ก็อยู่กับท่าน ท่านเก่งนะ เราบำเพ็ญมาหลายปี ยังไม่ได้ ท่านเก่งมาก” “ลูกศิษย์ลูกหาเรายังไม่ให้เราไป เรากำหนดอายุขัยของเราเองได้ เมื่อเราพร้อม พระตถาคตท่านยอมแล้วจากการประชุมกันกับหลวงปู่หลวงตา เพราะผลงานเราเข้าตากรรมการ เราขาดพุทธศาสนาได้ เพราะเราทำงานให้ทุกศาสนา แต่ศาสนาพุทธไม่สามารถขาดเราได้เขาจึงตามใจเราทุกอย่างจากผลงานของเราที่ยังไม่เคยมีใครทำได้”

“ ใช่…ใช่…ข้านำหนังสือ มาเชิญท่านอย่างเป็นทางการ ให้ไปช่วยคนของข้า ปัจจัยที่อยู่ ตั๋ว รถรา ที่พัก อาหาร ไกต์ทุกอย่างอั๊วจะจัดหาให้หมด ท่านจะนำลูกศิษย์ติดไปกี่คนข้าไม่เกี่ยง รับหนังสือไว้ด้วย”

“ได้…..เรารับปากจะไปช่วย แต่เราไม่ผิดกับสุนัขรับใช้ของพระตถาคต กับแม่กวนอิม เจ้าต้องไปขออนุญาตกับท่านก่อนรู้มั้ย” “ได้ๆๆอั๊วมานี่เขาเอาเครื่องเปลี่ยนภาษาให้สื่อกับลื้อได้ ติดแนบมาที่เอวอั๊วด้วย”

บางทีเขาพูดไทยบางคำไม่ชัดเราต้องถาม เขาบอกเดี๋ยวขออั๊วปรับเครื่องให้ชัดก่อน “เราขอถามได้ไหม?” “ได้” อีกกี่ปีเราจะได้ไปเมืองจีน” “3 ปี” “การที่ข้าจะไปเปิดคลาสสอนคนของท่านท่านจัดมานะคำสอนจากปากของข้าออกมาเป็นภาษาไทย แต่พวกท่านที่ฟังเป็นภาษาจีน อย่างตอนนี้ ที่เราคุยกับท่านเป็นภาษาไทย แต่ท่านได้ยินเราพูดภาษาจีน เมื่อท่านตอบมา เป็นภาษาจีนแต่หูเราฟังเป็นภาษาไทย” “ใช่ๆๆ ต้องเป็นเช่นนั้น เจ้าเรียกเราว่าเซียนก็แล้วกัน”ทีนี้ญาติโยมคงเข้าใจกันแล้วว่าเวลาเราไปไหนๆไม่ว่าจะพูดภาษาอะไร เขาสื่อกันได้หมดทั้ง 3 ภพ 3 ภูมิ “ขอถามอีก ที่เจ้าว่าแสงออราของข้าที่โดดเด่นกว่าใครที่สุดนั้นเป็นอย่างไรโปรดอธิบาย” ขณะถามจิตของเราเองมองเห็นแสงออราของตนเองเรียบร้อยแล้ว ว่าเป็นสีรุ้งอยู่ในสีขาวระยิบระยับ กับรัศมี แผ่ไปไกลอย่างไร้ขอบเขต พุ่งออกรอบทิศอย่างน่าอัศจรรย์ “คืออย่างนี้อั๊วจะอธิบายที่อั๊วจะพูดอั๊วไม่เคยบอกใครนะ กับท่านข้างบนไม่เคยบอกลื้อใช่ไหม ?” “ไม่เคย”