ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 29

เป็นเมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าถ้ำเชียงดาว อดีตเมืองนี้เก่าแก่ หลายพันปีมาแล้ว เป็นประวัติของโศกนาฏกรรมที่บ่งบอกถึงพื้นจิตใจของคนโบราณว่าเหี้ยมโหด อมหิตแค่ไหน ลองไปค้นหาประวัติศาสตร์ของทางล้านนาดู แต่คำถามอยู่ตรงว่า เราได้มารับรู้เรื่องเมืองโบราณเมืองนี้ได้อย่างไร? เราไม่จำเป็นต้องไปค้นหาอะไรให้ยุ่งยาก เพราะพวกเขาค้นหาเราเอง จากคุณสมบัติของเราที่สามารถปลดวิญญาณที่ถูกจำจอง พันธกาล มานับพันปีได้นั้น เขาได้บอกกล่าวต่อๆกันไปเองในทุกภพทุกภูมิ แล้วเป็นผู้ตามหาเราให้ไปช่วยปลดพวกเขา เขาอาจดลจิตดลใจ หรือฝากใครมาบอกเพื่อเอาเราไปตรงนั้น เช่นเรื่องที่กำลังจะเล่านี้เป็นตัวอย่าง ซึ่งผ่านมาทางพระแม่ธรณี จำไว้ว่าพุทธศาสนาไม่มีคำว่าบังเอิญ พวกเขาถูกฆ่าตายกันทั้งเมือง แล้วมาร้องขอความเป็นธรรม ไม่เท่านั้นวิญญาณของชาวเมืองทั้งหมด ยังติดอยู่ตรงนั้น แล้วต่างไขว่คว้าหาใครสักคนที่จะมาปลดปล่อย เขาต้องการอิสรภาพ  คนชนิดไหนที่ฆ่าคนทั้งเมืองแบบฝังกันทั้งเป็น ทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเล็กเด็กแดง สมณะ พระ เณรไม่เลือกเพียงเพื่อตอบสนองอารมณ์กับความต้องการของตน ( ซึ่งพระบางรูป จะได้เข้าสู่มรรคผลนิพพานกันในชาตินั้นแต่ถูกกรรมตัดรอน)

เรื่องเริ่ม  เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2018 เจ้าก้องศิษย์เก่า ที่เคยรู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่แอลเอ มาเยี่ยมที่บ้านบุญรักษา เชียงใหม่ อยู่ๆก้องก็ชวนเราไปถ้ำเชียงดาว เราจึงนัดวันกันไป 3 คน โดยเอาเจ้า ป.ไปด้วย  โดยเราขับสีหมอกไป พอถึงถ้ำเชียงดาว เรากับเจ้า ป. มีอาการตรงกันคืออึดอัดหายใจไม่ออก เรามองหน้ากันรู้ทันทีว่าพวกเขาอยากไปกับจะให้เราช่วยส่งวิญญาณ เขาไปเกิด   “หนูแน่นไปหมดหายใจไม่ออก” นี่เขาจะไม่ยอมเลิกจนกว่าเราจะส่งเขาไป” “ใช่ค่ะอาจารย์” “เอาอย่างนี้ รอเดือนมีนาคม เดือนหน้านะเราจะเปิดคลาส ไปฟังธรรมกันก่อน แล้วเรากับนักเรียนจะพากันมาปลดวันที่ 14 มีนาคม ตกลงไหม” เท่านั้นละอาการอึดอัดหายใจไม่ออกของเรากับเจ้า ป. หายเป็นปลิดทิ้ง…..เป็นตามนั้น ด้วยสัจจะวาจา พวกเขารู้ว่า  เราจะรักษามันด้วยชีวิต

แต่เราหารู้กันไม่ว่าภายนอกถ้ำ ชาวเมืองทั้งเมือง รอให้ปลดอยู่ด้วยเช่นกัน คือเมืองปารวตรี ศรีอมร จากนั้นพอออกจากถ้ำเราเดินไปเข้าห้องน้ำ กับพอออกจากห้องน้ำ (นิชาหารูปแทรกตรงนี้)สังเกตเห็น เนินดินสูงมีบันไดขึ้น เป็นลานดินกว้าง มีเจดีย์เล็กๆ กับรูปพญานาค ชูคอสูงขึ้นไปในอากาศ มีพระพุทธรูปปางยืน อยู่บนเนินดินนั้น เราไปยืนตรงบันได เจ้า ป. เดินตามมาเก็บภาพเราตรงทางขึ้น มันมีอาการวังเวงเศร้าสลด หดหู่ ขนลุกอย่างหาสาเหตุไม่ได้  มันอธิบายไม่ถูก ออกจากสถานที่นั้นเราตรงไป วัดถ้ำผาปล่อง ของหลวงปู่สิม ที่ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่

เมื่อได้เวลาเปิดคลาสสอนสมาธิ ที่มาถึงตามกำหนด ตามปกติเราจะทำการสื่อกับหลวงปู่หลวงตา เพื่อสนทนาธรรม รับฟังคำสั่งสอนของพระองค์ก่อนเปิดคลาสเสมอ เช่นเดียวกัน เที่ยวนี้แม่ธรณีองค์ที่อัญเชิญมาจากบ้านที่กรุงเทพฯ ได้มาสนทนาธรรมด้วย กับได้พูดขึ้นมาเองว่า “ที่เจ้ากำลังจะไปที่เชียงดาว ใกล้ๆตรงที่เจ้าเคยไปยืนตรงบันได ถ่ายรูปนั้น เป็นเมืองโบราณ พวกเขารู้ว่าเจ้าไปตรงนั้นเขาดีใจกันมาก อยากให้เจ้าไปปลดปล่อย กับรอคอยเจ้าอยู่” “แม่….แม่โปรดเล่าให้ฟังอย่างละเอียดด้วย….” เราขอร้องแม่ธรณี ซึ่งแม่ธรณี เป็นสื่อมาบอกให้ไปปลดปล่อย มันเป็นบุญใหญ่ที่แม่ธรณีจะได้ร่วมกับเราอย่างไม่ต้องสงสัย แม่จึงมีเมตตาเล่าให้ฟังนานเกือบชั่วโมง จนเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว แม้พวกเราจะเหนื่อยแสนเหนื่อย เมื่อยล้ากันมาทั้งวัน  ความง่วงก็มิได้เข้ามาเยือน เพราะเรื่องที่แม่ธรณีกำลังเล่าให้ฟังมันสะพรึงกลัวสยดสยองพองขน เหมือนไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองมนุษย์ ควรจะอยู่ในขุมนรกภูมิเสียมากกว่า

เมืองปารวตรี ศรีอมร มีประชากรไม่ถึงหมื่น เป็นเมืองที่อยู่กันอย่างสุขสงบ รักขนบประเพณี การทำบุญใส่บาตร จิตใจงดงามเป็นชีวิตจิตใจ เจ้าเมืองคือพระเจ้าไชเชษฐา พระชายาชื่อ เจ้าหญิงการะเกด ตระกูลของพระองค์ มีทรัพย์สมบัติล้ำค่า เพชรนิลจินดา ตกทอดกันมาหลายชั่วรุ่น

พระแม่ธรณี ซึ่งเรานำมาจากกรุงเทพฯ ท่านอยู่ที่หิ้งพระบ้านกรุงเทพมาแรมปีไม่มีใครบูชา ยิ่งพอคุณแม่ละขันธ์ไป ทิ้งทุกอย่างไว้กับเรา เราดูแลไม่ทั่วถึง  พอคลาสจะเปิดที่เชียงใหม่ ท่านอยากมาฟังธรรม มาอยู่ที่เชียงใหม่ด้วย ท่านลงสนทนา กับเราเลยผ่านคุณก้อยบ้าง เจ้า ป.บ้าง ท่านเล่าให้ฟังถึงเมืองเก่าแก่เมืองนี้ สร้างความตะลึงให้กับคณะเราทุกคน กับดีใจมากที่จะเป็นผู้ไปปลดปล่อยเขา  แม่ธรณีท่านอยากได้สไบสีชมพู ซึ่งเราได้จัดให้เรียบร้อยแล้ว…..รายละเอียดทั้งหมดแม้กระทั่งชื่อเมือง เหตุการณ์ที่เกิด  ทุกตารางนิ้วบนพื้นผิวโลกใบนี้ มีหรือที่จะเล็ดลอดจากหูตาของท่านไปได้  แม่ธรณี เล่าต่อว่า ( เราได้บันทึกคำพูดไว้แต่ต้นจนจบ) แม่ธรณี ท่านเป็นหญิงรูปร่างเล็ก เอวบางร่างน้อย งดงามด้วยจริยาวัตร กริยาอ่อนช้อน เราได้อยู่ในสายตาแม่นางตลอด จากกุศลผลบุญ กับความเสียสละอันยิ่งใหญ่ ความกตัญญูรู้คุณต่อพระศาสนาของเราที่หาใครทำกันได้ยาก แม่นางได้หาโอกาส จะได้ร่วมบุญ มีส่วนช่วยในการทะนุบำรุงพระศาสนากับเราอยู่แล้วทุกหนทาง ครั้นได้โอกาส ที่เราเชิญแม่นางจากบ้านกรุงเทพฯมาบ้านบุญรักษา เท่ากับเชิญแม่นางเข้าสู่ชีวิตอันต่ำต้อย ของเรา ให้แม่นางช่วยเป็นหูเป็นตาอีกแรงหนึ่ง….สาธุ ๆ นอกจากนั้น บ้านไหน ใครทำอะไรที่เป็นปรปักษ์กับเราท่านจะมาเตือนเป็นนัยๆเสอม ถูกท่านบ่นออดๆ เรื่องอาหาการกินว่าอุดมสมบูรณ์เกินไปจนน้ำหนักแม่นางขึ้น….เอากันยังนั้นเลย

เมืองปารวตรี ศรีอมร มีประชากรไม่ถึงหมื่น เป็นเมืองที่ชาวเมืองอยู่กันอย่างสุขสงบ รักขนบประเพณี รักการทำบุญใส่บาตรจิตใจงดงามเป็นชีวิตจิตใจ เจ้าเมืองคือพระเจ้าไชเชษฐา พระชายาชื่อ เจ้าหญิงการะเกด ตระกูลของพระองค์ มีทรัพย์สมบัติ ตกทอดกันมาหลายชั่วรุ่น กับมีประวัติเกี่ยวกับกวางทอง ซึ่งเป็นชาวเมืองลับแลแถวป่าเชียงดาวปลอมตัวเป็นกวางออกมา พรานป่าเห็น รู้ถึงพระเจ้าไชเชษฐา จึงพากันตามรอยหากวางทอง  ประวัติยังระบุอีกว่า พระเจ้าไชเชษฐา กับเจ้าหญิงการะเกด เป็นผู้ค้นพบถ้ำเชียงดาว ได้ช่วยกันเปิดปากถากถางทางเข้าถ้ำ ก่อสร้างพระและเจดีย์ เล็กๆภายใน  ได้พบว่าภายในถ้ำกว้างมากมีคูหาทางแยก หลายซอกซอย พรานป่า กับพวกชาวบ้านเคยมาหลงทางเจียนตายกันมาแล้วหลายคน อดข้าวอดน้ำติดอยู่ภายในถ้ำคลานหาทางออกกัน  ข้ามวันข้ามคืน กว่าจะออกมาได้หรือมีคนไปเจอหมดสภาพคน  เมื่อพระเจ้าไชเชษฐาสร้างเสร็จ ได้เตรียมงานบุญใหญ่ ฉลอง การเปิดถ้ำอาจตรงกับงานบุญประจำปี ฉลองพร้อมกันไปเลย ชาวบ้านต่างตระเตรียม ข้าวตอกดอกไม้เสื้อผ้าอาภรณ์ มโหรีตีเป่า กันเต็มกำลัง นัยว่า…จัดใหญ่ แล้วใครจะรู้ได้ว่า…มันเป็นงานสุดท้ายในชีวิตของพวกเขา…อนิจจา…เอ๋ย

กลับมาเรื่องสมบัติของเจ้าเมือง พระเจ้าไชยเชษฐา กับเจ้าหญิงการะเกด อันเป็นเหตุให้เกิดผลร้ายเกินคาดตามมา…เพราะความประมาท เขาจะนำออกมาทำความสะอาด ก่อนเก็บรักษากันหลายชั่วรุ่นเป็นประเพณี   มันจึงเข้าตาโจรกลุ่มหนึ่ง โจรกลุ่มนี้ได้เฝ้ารอจังหวะ เวลาที่จะเข้ายึดครองสมบัติอันเป็นทรัพย์มรดกตกทอดมาหลายชั่วรุ่น อย่างละโมบด้วยจิตใจที่เหี้ยมโหด ไม่รู้จักกับคำว่าบาปบุญคุณโทษ รู้แต่ว่า กูจะเอา คือกูต้องได้…. แน่นอน สมบัตินี้ได้แฝงคำสาบจากต้นตระกูลไว้ด้วย….มีหรือที่จะรอดไปได้…..คำสาปแช่งนั้น มันรุนแรงมาก ขึ้นชื่อว่าคำสาปแช่งแล้ว อย่าทีเดียว….มันข้ามภพข้ามชาติ….แต่เพราะกรรมบังตา….แท้ๆ โธ่เอ๋ย…. เมื่อถึงวันเทศกาล  โจรกลุ่มนี้มีถึง 26  คนแต่ละคนล้วนมีวิชาอาคมซึ่งได้ตระเตรียมแผนการกันมาแรมเดือน โดยเฉพาะตัวหัวหน้ากลุ่ม ได้วางแผนฆ่าคนทั้งเมืองเพื่อช่วงชิงทรัพย์สมบัติมหาศาลมาแบ่งสันปันส่วนกัน (ที่เอาไปไม่ได้ เพราะคำสาป) ด้วยจิตใจที่อมหิตโหดเหี้ยม

ตรงนี้ เราจะเห็นกันว่าอันความโลภของมนุษย์นี้ ไม่ว่ายุคใดสมัยใด การก่อกรรมทำชั่ว  อันก่อเกิดมาจากความคิด ….คือมโนกรรม ดังคำสอนของหลวงปู่มั่น พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ของเรา สอนไว้ว่า “คนเรา คิดอย่างไร ก็เชื่ออย่างนั้น เชื่ออย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ทำอย่างไร ก็มีนิสัยอย่างนั้น มีนิสัยอย่างไร ก็มีสันดานอย่างนั้น มีสันดานอย่างไร ผลกรรมที่ออกมาย่อมได้อย่างนั้น” มันเริ่มมาจากวามคิด หรือ มโนกรรม ซึ่งย้อนไปในอดีต พระคุณเจ้าองค์สมเด็จโต ย้ำนักย้ำหนาว่า “คิดดี พูดดี ทำดี” ท่านสอนกันมาแล้วทังสิ้น เพราะห่วงลูกหลานที่จะต้องมาผจญกับชะตากรรมจากการ ทำบาป ดังเช่นเรื่องนี้ ….มันเป็นเรื่องจริง ทุกเรื่องที่ออกมาจากปลายปากกา จานวา จะไม่มีการไปคัดลอกมาจากที่อื่น จะไม่มีการปั้นน้ำเป็นตัว พยานหลักฐานคือลูกศิษย์วงใน 4-5 คน ที่ได้ฟังกับหู ไปดูกับตา ได้สัมผัสมากับตัว กับศิษย์กลุ่มนี้ กะจะเกาะจานวายิ่งกว่าปลิง ชนิด ไม่ยอมให้หายตายจากกันไปไหนทีเดียว ซึ่งเราเคยได้ไล่เฉดหัวไปแล้วทุกคน ต่างพร้อมใจกัน ….ไม่ไป….แน่นอน ไม่เกิดกับใคร ไม่มีใครเขียนได้….เพราะประสบการณ์อย่างนี้ไม่มี

เดี๋ยวเรามาดูผลกัน เพราะหนึ่งใน โจรกลุ่มนั้น บังเอิญมานั่งอยู่ในคลาสสมาธิของจานวาด้วยหนึ่งคน (เขาคือใคร ตามอ่านบทต่อไป)   ทันทีที่เราไปปล่อยชาวเมือง โจรกลุ่มนี้ 26 คน ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ในชาตินี้ 4 คน เดริฉาน 4 ตัว ที่เหลือ กระจายกันอยู่ในขุมนรก ….อีกทีนะคร้าบบบบ….จากปากพระแม่ธรณี ทั้งสิ้น กับชาวเมือง ปาวรตรี ศรีอมร ขอร้องให้เอาเรื่องของเขามาเปิดเผย

ต่อตอนหน้า

ป.ล. พลิกตำนาน…ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ กำลังจะออกเป็นรูปเล่ม จากปากคำบอกเล่าของหลวงปู่ทวด ที่เมตตา เราอย่างสูง หลวงปู่…เปิดเผยว่า เกิดอะไรขึ้นกับสามเณร คนที่ถือดอกมนทาสวรรค์ มาหาหลวงปู่ ร่างกายขันธ์ของทั้ง 2   อยู่ที่ไหน และพระองค์ที่ไปปรากฏที่มาเลเซีย นั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่ ที่ว่าหามร่างท่านไป น้ำเลือดน้ำหนองหยดที่ไหนให้ปักหมุดตรงนั้น ร่างนั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่?  หลวงปู่ถอนแล้ววิธีถอนทำอย่างไร? คือไม่อยู่แล้วไม่ปรารถนาพุทธภูมิแล้ว…จะถูกนำมาถ่ายทอด ทุกคำสนทนา กับเรา โดยแบ่งเล่มนี้เป็น 3 หมวด หมวดแรก พลิกตำนานหลวงปู่ทวด  หมวดที่ 2 ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว หมวดที่ 3 อาถรรพ์จันทร์โดดเดี่ยว 2 ในเล่มเดียวกัน ผลงานของอ. วารุณี พิทักษ์สินากร ล้วนๆ  วางรูปเล่มเมื่อไหร่ จะแจ้งให้แฟนๆได้สั่งจองเพราะจะพิมพ์จำนวนจำกัด