ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 40

ที่จริงไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ของที่หายไป มีใครในอีกต่างภพต่างภูมิหนึ่ง ตามหามาคืนให้ หากจำไม่ผิดเราเคยเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้หลายปีมาแล้วตั้งชื่อบทว่า ของที่หายไป

มีอยู่สองชิ้นที่จำได้ ไม่ลืมเพราะรู้อย่างแน่นอนว่า ได้มีมือที่สามหามาคืนให้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ใครเล่าเขาจะเชื่อเรื่องเช่นนี้ เราเชื่อว่าผู้ที่ปฏิบัติธรรมรายอื่นๆอาจเคยโดนกันมาบ้างแล้วจนพูดไม่ออก และไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เกรงว่าเขาจะว่า บ้า

เราขอยืนยันว่า เรื่องเช่นนี้มีอยู่จริง  ครั้งแรกเมื่อปฏิบัติธรรมจนเลยขั้นกรรมฐานชั้นสูงไปแล้ว เหตุเกิดขึ้นที่บ้านบุญรักษา เชียงใหม่ ในปี 2014 – 2015 ชิ้นแรก คือรูปเก่าๆของเรากับเพื่อนคนหนึ่งภาพเป็นภาพสีที่ซีดมากภาพเก่านี้ตั้งแต่เราอายุ ไม่ถึง 20 ปี ภาพนี้เราจำได้ว่าเก็บไว้ในห้องนั่งเล่นตรงตู้หนังสือ ตอนนั้น ยังไม่ทะลุห้องนั่งเล่น กับห้องนอนทำเป็นห้องปฏิบัติธรรม  ยังเป็น  2 ห้องนอนอยู่ กับ 1 ห้องนั่งเล่น รูปแผ่นนี้หายไป เราพยายามหามา 3 วันแล้วทุกซอกทุกมุม มาดแม้นถ้าจะหาเจอ ก็ควรจะเจอตามในสมุด หรือหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง ที่บอกให้รู้ว่าการที่จะหาเจอได้นั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่สถานที่เจอรูปภาพแผ่นนี้ อยู่ในตำแหน่งที่พูดได้เลยว่า เป็นไปไม่ได้ พอเข้าวันที่ 4 เราตั้งใจว่าทานข้าวเสร็จจะไปล้างรถ ล้างรถเสร็จ จะขึ้นมากวาดถูบ้าน ก่อนลงไปล้างรถ เราได้พูดขึ้นว่า “ไปหารูปมานะ” ที่จริงก็พูดเล่นๆ ใช้เวลาล้างรถอยู่ประมาณชั่วโมง จึงขึ้นบ้านคว้าไม้กวาดเดินเข้าห้องนอนห้องใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งหิ้งพระด้วย รูปแผ่นนั้นตกอยู่บนพื้น หลังหิ้งพระสักหนึ่งเมตร โดดเด่นมองเห็นได้ชัดเจนบนพื้นห้อง โดยไม่บอกที่มาที่ไป ทิ้งความสงสัยให้อยู่คนเดียวมาตลอดชีวิตแล้วใครเล่า เขาจะเชื่อ

ครั้งที่ 2 แผ่นซีดี ของท่านอาจารย์ยุพา ท่านพูดถึง วันโลกแตก เจ้าเพชร เอามาให้ ได้ฟังไปแล้วหนหนึ่งอยากฟังอีก ก็จำได้ว่ามันอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่โต๊ะทำงาน เดี๋ยวขับสีหมอกกลับเชียงใหม่ จะฟังในรถ เที่ยวนี้มีเจ้าเพชรนั่งรถเปลี่ยนขับไปเป็นเพื่อนด้วย เธออยากไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่เราทั้งคู่หาแผ่นซีดี แผ่นนี้ไม่พบ ขอบอกก่อน เรื่องความจำของเรานั้นเป็นยอด มิฉะนั้นคงไม่พาชีวิตของตนเองมาพบกับคำว่าความสำเร็จได้โดยลำพังจนทุกวันนี้เป็นแน่แท้ เมื่อหาไม่เจอเรากับเจ้าเพชรก็คิดว่า เราคงเอาทิ้งไว้ที่เชียงใหม่ ลองไปค้นดูในรถหลายหนก็ไม่เจอ เลยปักใจเชื่อว่าคงอยู่ที่เชียงใหม่เป็นแน่แท้….เมื่อไปถึงบ้านบุญรักษาที่เชียงใหม่ แทบจะพลิกบ้านค้นหากันสองคนทุกซอกทุกมุม….ปราศจากร่องรอย จนเราถอดใจแล้ว  เมื่อเจ้าเพชรกลับกรุงเทพฯแล้วก็ยังหาไม่เจอ เอาเป็นว่า แทงสูญ ทำใจ แล้วก็ลืมไปเลย  3-4 วันถัดมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติจนยากที่จะบรรยายเกิดขึ้น เช้าวันนั้นเราตื่นนอน ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่า เช้านี้ขณะทานอาหารเช้าจะฟังซีดีธรรมมะของหลวงพ่อบัวเกตไปด้วย ดังนั้นสิ่งแรกที่ทำคือ พอลุกจากที่นอนมาได้หยิบซีดีของหลวงพ่อบัวเกต ใส่ในเครื่องคอม แล้วลองเปิดฟังดู เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยดี เสียงหลวงพ่อบัวเกตแสดงธรรมดัง ฟังชัด จึงปิดซีดี ปิดคอมเอาไว้ก่อน โดยยังค้างแผ่นซีดีของหลวงพ่อเอาไว้ในเครื่อง ไม่มีสาเหตุใดให้ต้องหยิบแผ่นซีดีออกมา เพราะเดี๋ยวสวดมนต์เช้าเสร็จ ก็จะมาเปิดฟังเลย….แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ….ตรงไปยังหน้าหิ้งพระสวดมนต์อยู่ ประมาณ 30 นาที….เมื่อกราบพระเสร็จ ลุกเดินออกมาจะเข้าห้องครัว สายตามองเห็นแผ่นซีดี ของหลวงพ่อบัวเกตออกมาตั้งนอกตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรากำลังจะเปิดเล่นก่อนเดินเข้าครัว….เราหยุดกึก ยืนนิ่งอยู่ครู่ บอกตนเองว่าบางสิ่งบางอย่างผิดปกติแล้ว เพราะเราจำได้ดีว่า เราไม่ได้เอาแผ่นซีดีออกมาวางไว้ข้างนอก  ถ้าไปเปิดเครื่องดูแล้วในเครื่องว่างเปล่า ไม่มีแผ่นซีดี ในเครื่องแสดงว่า เราพลาด เราคงเอาแผ่นซีดี ออกมาวางเอง….แต่….ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ เราไม่ได้เอาแผ่นซีดีออกมาวางข้างนอกแน่นอน  จึงเดินเข้าไปหยิบแผ่นซีดีขึ้นมาดู มันเป็นแผ่นซีดีของหลวงพ่อบัวเกตแผ่นที่เราเพิ่งใส่ลงไปในเครื่อง….เอ แล้วยังไง….จึงค่อยๆกดปุ่มให้ถาดรองแผ่นซีดี ของคอมพิวเตอร์ ดีดออกมา….เสียงมันดังแชะ….แล้วค่อยๆ ดันถาดรองแผ่นซีดีให้ปรากฏต่อสายตาเรา ว่า….มีแผ่นซีดี อีกแผ่นหนึ่งวางแทนที่อยู่ เราตกใจมากขนลุกซู่ พูดไม่ออกอยู่กับที่ แผ่นซีดีแผ่นนั้น….ของท่านอาจารย์ยุพา ที่พูดเรื่อง วันสิ้นโลก ที่หายไปได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว….มาอยู่แทนที่….แล้วใครเล่าจะเข้าใจความรู้สึกของเรา….กับใครสักกี่คนจะเชื่อเรื่องแบบนี้ถ้าไม่โดนกับตนเอง

พอมาปีนี้ 2018 เหตุการณ์เช่นเดียวกันกลับมาเกิดอีก

ครั้งนี้ กับมีดในปี 2008 สมัยนั้นเราเช่าห้องพักอยู่ที่ North Hollywood ห้องเช่ากว้างขวาง มีห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นกว้างมาก มีพวกเม็กซิกันอยู่กันเยอะ เรียกว่าเราอยู่กลางดงพวกเขาเลยก็ไม่ผิด ตกเย็นเรามีนิสัยชอบออกไปเดินออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่ แน่นอนจะมีพวกเม็กซิกันไปเล่นฟุตบอลบ้าง จัดงานเลี้ยงบ้าง ว่ายน้ำบ้าง เล่นเทนนิสบ้าง วิ่งรอบสนามบ้าง แทบทุกวัน วันนั้นขณะเดินรอบๆสนามตามปกติ เราได้พบมีดเล่มหนึ่งเป็นมีดสปริง ที่สวยงามมาก คิดว่า พวกเม็กซิกันคงทำตก มองไปรอบๆไม่มีใครเลย เพราะเย็นมากแล้ว เราจึงหยิบมันมา เมื่อกลับเมืองไทย เรานำมีดเล่มนี้กลับมาด้วย จากปี 2010-2013 มีดเล่มนี้จะติดรถสีหมอกอย่างเป็นที่เป็นทาง เพราะระหว่างขับรถ ไปเชียงใหม่-กรุงเทพฯ กรุงเทพ-เชียงใหม่  ในช่วงเช้าจะใช้มีดปอกผลไม้ทานระหว่างจอดรถพัก เป็นประจำ เวลาเดียวที่จะเคลื่อนย้ายมีดออกจากรถคือ เวลาเอารถเข้าล้างที่อู่  วันนั้นเรานำรถเข้าไปล้าง แล้วลืมเอามีดออก กว่าจะรู้ตัวมีดเล่มนั้นหายไปจากรถแล้ว มันเสียใจ ค้างคาใจ มันเสียดาย มันกินใจ มันหงุดหงิด ผิดกับคนปฏิบัติที่จะต้องปล่อยวาง จึงพยายามที่จะลืม จนกาลเวลาผ่านไป ในปี2014 มีโอกาส กลับมาอเมริกาอีก สิ่งแรกคือให้ลูกศิษย์ลูกหาพาไปซื้อมีด แต่หาที่ไหนๆ ก็ไม่ได้อย่างมีดเล่มนั้น  อย่างไรก็ตามได้มีดตัวแทนมา 2 เล่ม จัดกระเป๋าอย่างดีว่าจะเช็ดมาใต้เครื่อง 

กลายเป็นว่าพอวันจะเดินทางจริงๆ จัดของใหม่ มีดดันมาอยู่ในกระเป๋าใบที่จะถือขึ้นเครื่องแทน พอเข้าช่องตรวจ เขาจับมีดออกมาวาง 2 เล่ม บอกจะเอา  ก็จ่ายมา 200 $ แล้วให้เอาขึ้นเครื่องได้ เราขึ้นเครื่องโดยไม่มีมีด ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน ในปี 2017 กลับไปอเมริกาใหม่อีกไปซื้อมาอีก 2 เล่ม ของเม็กซิกันนี่แหละ ให้หายแค้น แต่จะให้ได้อย่างเล่มแรกที่หายไปนั้น หาไม่ได้….เบื้องบน หลวงปู่หลวงตาท่านคงจับตาดู รู้เห็นหมด ดูความพยายามของมัน ครั้งนี้ มีด 2 เล่มนี้ มาถึงเมืองไทย ได้ใช้สะใจ แต่ในใจลึกๆ ยังนึกเสียดาย กับคิดถึงมีดเล่มแรกอยู่ จนวันที่ 20 มิถุนายน 2018 หลังจากที่มีดหายไปได้หลายปี หนทางที่จะได้มีดเล่มนั้นคืน….เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน วันนั้นเราอยู่ที่บ้าน 80 ปัฐวิกรณ์ ที่กรุงเทพฯ เก็บของในบ้าน เพราะเรากับหลานชาย และน้องสะใภ้ได้ตัดสินใจจะขายบ้านกัน เนื่องจากไม่มีใครอยู่ คุณแม่ได้ละขันธ์ไปแล้ว มันเป็นภาระให้เราได้เหนื่อยอยู่คนเดียวเราไม่ต้องการจะขับรถไปกลับกรุงเทพฯ-เชียงใหม่อีกต่อไปแล้ว ทำมาตลอดเวลา 7 ปีพอกันที จึงเก็บของไปบริจาคบ้าง ขายบ้าง

การเก็บก็ต้องเก็บทุกซอกทุกมุม ได้เจอมีดเล่มนี้ อยู่ในที่ที่ไม่มีทาง กับเป็นไปไม่ได้ คืออยู่ในกระเป๋า ที่เขาแจกบนเครื่องบิน ของการบินไทย อันนี้เป็นงงมาก จริงอยู่ทุกคนในครอบครัวบินกันบ่อย สิ่งแรกที่ไม่ใช่อย่างแน่นอนคือ เราไม่เคยบินสายการบินของคนไทย สองเราไม่เคยเก็บมีดเล่มนี้ไว้ที่บ้านที่กรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นของที่รักมากจึงอยู่กับตัว กับรถตลอดเวลา  แล้วมีดเล่มนี้มาทำอะไรที่นี่ นอกเสียจากว่า ใครคนหนึ่งจงใจเอามันมาคืนให้เรา กับที่แน่ๆ อีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องมีดเล่มนี้ ไม่มีใครรู้ นอกจากเราคนเดียว เราไม่เคยเล่าให้ใครฟัง แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ….มันเป็นงงมาก ยิ่งกว่าโดนมนต์บทนะจังงังซะอีก….ใครอธิบายได้บ้าง ต้องมีใครสักคนหนึ่ง ที่ไม่ได้อยู่ภพภูมินี้จับความรู้สึกนึกคิดของเราอยู่ตลอดเวลา แล้วก็รู้ได้ว่า แม้ทุกวันนี้ มีดเล่มนี้จะหายไปนานแล้ว แต่เราไม่เคยลืมมันเลย เพียรกลับไปอเมริกา ซื้อหาตัวแทนมาถึงสองรอบ

เหตุการณ์นี้ทุกวันนี้เรายังงงอยู่ คิดว่าเมื่อได้คุยกับหลวงปู่หลวงตาจะกราบเรียนถามท่านดูให้รู้คำตอบให้ได้

ป.ล. พลิกตำนาน…ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ กำลังจะออกเป็นรูปเล่ม จากปากคำบอกเล่าของหลวงปู่ทวด ที่เมตตา เราอย่างสูง หลวงปู่…เปิดเผยว่า เกิดอะไรขึ้นกับสามเณร คนที่ถือดอกมนทาสวรรค์ มาหาหลวงปู่ ร่างกายขันธ์ของทั้ง 2   อยู่ที่ไหน และพระองค์ที่ไปปรากฏที่มาเลเซีย นั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่ ที่ว่าหามร่างท่านไป น้ำเลือดน้ำหนองหยดที่ไหนให้ปักหมุดตรงนั้น ร่างนั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่?  หลวงปู่ถอนแล้ววิธีถอนทำอย่างไร? คือไม่อยู่แล้วไม่ปรารถนาพุทธภูมิแล้ว…จะถูกนำมาถ่ายทอด ทุกคำสนทนา กับเรา โดยแบ่งเล่มนี้เป็น 3 หมวด หมวดแรก พลิกตำนานหลวงปู่ทวด  หมวดที่ 2 ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว หมวดที่ 3 อาถรรพ์จันทร์โดดเดี่ยว 2 ในเล่มเดียวกัน ผลงานของอ. วารุณี พิทักษ์สินากร ล้วนๆ  วางรูปเล่มเมื่อไหร่ จะแจ้งให้แฟนๆได้สั่งจองเพราะจะพิมพ์จำนวนจำกัด