ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 85

ย้อนหลังไปประมาณปี 2014  เมื่อเราได้ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่แบบเต็มตัวแล้ว เริ่มตระเวนหาร้านอาหารเจที่ถูกปากในเชียงใหม่ ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง เราจะเลือกร้านที่ปลอดสารไม่ใส่ผงชูรส ถูกปากถูกอนามัย จนไปเจออยู่ที่หนึ่งจัดเป็นแหล่งขายอาหารเจที่มีมานานแล้ว คือบริเวณวัดสวนดอก อยู่ปลายถนนนิมมานเหมินทร์ แล้วเลี้ยวซ้าย บริเวณหน้าวัดสวนดอก

เป็นดงที่ขายอาหารเจพอๆ กับถนนนวมินทร์ ซอย 46 ของสันติอโศก ที่กรุงเทพมหานคร เลยทีเดียว  เราเลือกได้ร้านหนึ่งที่มีคุณภาพที่สุด แต่ดูจะซ่อมซ่อ ไม่หรูหราเป็นตึกแถวเหมือนร้านอื่นๆ ร้านนี้เป็นคูหาที่กั้นโดยใช้ผ้าพลาสติก กั้นแบ่งเป็นช่องๆ ไม่ใช่ตึกแถวที่แข็งแรง  มีหลังคาซึ่งก็เป็นสังกะสี สลับกับผ้าพลาสติกง่ายๆ ห้องน้ำอยู่หลังร้าน พื้นยังไม่ปูซีเมนต์ มีร้านแบบนี้ติดๆ กันอีก 3 ร้าน ต่างก็ขายอาหารเจบ้าง เจตามสั่งบ้างเหมือนกันหมด รวมร้านเจที่เป็นตึกแถวอีกมากมายหลายร้านตลอดแนวถนน แต่อาหารเจร้านที่เราเอ่ยนี้ อาหารถูกปาก สะอาด ปราศจากผงชูรส เจ้าของร้าน ชื่อเจ๊นา เป็นชาวไทยใหญ่ มีอัธยาศัยดีมาก ชวนคุย เราจึงเป็นลูกค้ามาอุดหนุนประจำ เจ๊นามีลูกสาวหนึ่งคน สามีทำงานโครงการหลวง พูดไทยได้คล่องแต่ไม่ค่อยชัด ตอนหลังจับได้ว่า เจ๊นาสนใจปฏิบัติธรรมมาก วันหนึ่งขณะนั่งทานข้าวเธอมานั่งด้วยคุยเรื่องการปฏิบัติของเธอให้เราฟัง พอออกจากร้านเธอรู้สึกเป็นปลื้มมากที่แม้เธอจะเป็นไทยใหญ่ แต่ธรรมมะของเธอใช้ได้ทีเดียวดีกว่าคนไทยในพุทธศาสนาของเราหลายเท่า อดอิ่มเอิบหัวใจไม่ได้ ว่าถ้าเธอปฏิบัติต่อยอดให้สูงๆ ขึ้นเอาจริงจัง คงจะไปได้ไกลกว่านี้ ถ้าไม่มีมารศาสนามาลากแข้งลากขาเธอออกนอกเส้นทางเสียก่อน จากนั้นมาเราได้ข่าวว่าเจ้าปุ้มศิษย์คนหนึ่ง ก็มักจะแวะมาฝากท้องไว้กับร้านเจ๊นาเช่นกัน คือเป็นร้านประจำของเธอ  กับเมื่อครั้งที่เราพาคณะสานุศิษย์ ไปกางเต็นท์ ปฏิบัติธรรมกันที่วัดป่าถ้ำสีนิล เมื่อปี 2018 5 วัน 5 คืน พอออกจากป่ามา พวกเราทั้งหมด 7 คนตรงไปร้านเจ๊นา ทานข้าวกันอย่างหิวโหย โชคดีที่เธอเปิดร้านในวันนั้น จากนั้นอีกไม่นานเรากลับไปทานที่ร้านเธออีก เธอคุยว่า  “ หนู จะเอาเงินไปทำบุญกับแม่ชี 1,800 บาท ” เราเริ่มเอะใจบางอย่าง ที่จริงก็ไม่อยากยุ่งธุรกิจของคนอื่นหรอก กับการพูดจาวันนั้นรู้เลยว่าเธอพูดทำนองคุย แต่การทำบุญด้วยเงินจำนวนนี้ในฐานะอย่างเธอมันควรแล้วหรือ มันต้องมีอะไรในกอไฝ กลับจากร้านเธอวันนั้นเราจึงลองเอาจิตสกรีน ดูครูบาอาจารย์ของเจ๊นา ดูทุกคน  จึงเห็นว่าดำมืดไปหมด แต่ก็เงียบเอาไว้ ให้เธอได้รู้ได้สัมผัสด้วยตัวเองจะดีที่สุด แต่เราก็ยังกลับไปอุดหนุนเธอเป็นประจำเพราะเธอทำลาบน้ำตกเจ ส้มตำเจ อาหารอีสานเจ เกาเหลาทุกอย่างเก่งมาก แซบมาก บางทีก็ไปกับนิชาวัลย์ ทุกครั้งที่ไปเธอจะมีเด็กช่วยงานหนึ่งคนเสมอ บางทีก็ 2 คน ร้านเธอขายดีมาก ระหว่างที่เรานั่งรับประทาน จะมีคนเดินเข้าออกร้านตลอด กับคราใดที่เธอว่างจากการขาย เธอจะลากเก้าอี้มานั่งกับเรา “ อาจารย์ สอนธรรมะ หนูหน่อย ” เพราะเธอรู้ว่าเราเป็นครูสอนสมาธิ “ มีพระร่างเล็กๆ มาสอนหนูในสมาธิขณะที่หนูนั่งสมาธิ  ท่านว่า บารมี 10 ทัศนะ  10 ข้อ ทำไปทีละข้อ แล้วดูไป ข้อไหนทำได้แล้วมั่ง ทำให้ได้ทุกวัน วันละหลายๆ ข้อยิ่งดี เอาให้ครบทุกข้อ ” เธอพูดเสร็จ เมื่อเราได้ฟัง เราหัวเราะ ยกมือไหว้ท่วมหัว บอกเธอว่า “ หลวงปู่มั่น คำสอนนี้เราสอนนักเรียนเราในชั้นแบบง่ายๆ ทุกครั้งที่เราเปิดคลาสสอน หลวงปู่หลวงตาทุกพระองค์จะมาฟัง แล้วนำไปสอนลูกศิษย์ของท่านอีกต่อ เพราะเข้าใจง่ายแต่ได้ผล ” “ จริงเหรอ อาจารย์ จริงเหรอ ”  แล้วเราไม่ได้กลับไปร้านเธออีกเลยเพราะเดินสายไปอเมริกาบ้าง กลับกรุงเทพฯ บ้าง ไปออสเตรเลียบ้าง

(หลังจากมาบ้านบุญรักษาให้เราช่วยได้ วันเดียว วันรุ่งขึ้นเด็กคนนี้มาสมัครงาน เจ๊นาเลยมีผู้ช่วย ร้านได้สว่างไสวดังเดิม ด้วยพระบารมีของพระโพธิสัตว์)

จนปี 2018 ประมาณเดือนมิถุนายน เราได้นำคณะปฏิบัติธรรมโดยเลือกผู้ที่มีสมาธิจิตใช้ได้ เพื่อทำภารกิจบางอย่างให้พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เกาะมาเก๊า ปุ้มถูกเลือกเข้ามาด้วย ปุ้มได้ไปหาเจ๊นา และเล่าให้เจ๊นาฟังว่า คณะเราจะไปฮ่องกงเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เจ๊นาได้ฝากเงินมาทำบุญ 500 บาท สำหรับเรา เงินทำบุญที่ฝากมานี้ เด็กในคณะ 2 คนฐานะไม่สู้ดี เราต้องควักเงินตนเองช่วยค่าเครื่องไปกลับ พอดีญาติโยมจากอเมริกา ส่งเงินมาร่วมบุญด้วย 30,000 หมื่นบาท

จึงออกเป็นค่าที่พักบ้าง อาหารบ้าง ค่าตั๋วเครื่องบิน ให้เด็กบางคนบางส่วน เงินเจ๊นารวมอยู่ในปัจจัยการช่วยในครั้งนั้นด้วย กับการมาเกาะมาเก๊าเที่ยวนี้ เป็นจุดประสงค์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมล้วนๆ เราพักกันที่เกาะมาเก๊า เพื่อทำธุระให้ท่านให้ เสร็จแล้วเดินทางกลับไทยเลย ซึ่งท่ามกลางสายฝน ทุกคนเปียกฝนงอมแงม แต่ล้วนอิ่มบุญกันทุกคน มีของฝากติดมือมาให้เจ๊นา จะลืมเธอได้อย่างไร เมื่อพระโพธิสัตว์ส่งเธอมาให้เราช่วยดูแลให้ ไปร้านเจ๊นา  2 ครั้ง ร้านปิดทั้งสองครั้ง ช่วงนั้นยุ่งมากเหนื่อยมาก อันเกิดมาจากเหนื่อยสะสม เลยไม่กลับไปร้านเธออีกเลย คิดว่าถ้ามีโอกาสได้กลับไปอีกเมื่อไหร่ จึงจะนำของฝากไปมอบให้ หารู้ไม่ว่าเพราะวิกฤตชีวิต เพราะวิบากกรรมของเธอ ทำให้เธอร้อนเป็นไฟ ของฝากที่เราจะนำมาให้เธอ คือคำตอบที่จะแก้อาถรรพ์ ดึงสถานการณ์ทุกอย่างในชีวิตของเธอให้ฟื้นคืนขึ้นมาดังเดิมได้ แต่เพราะวาระเวลาของเธอยังมาไม่ถึง สาวปุ้มบอกเราว่า ร้านพี่นาโดนของ มีคนแกล้ง เลยปิดร้านเจ๊งไปเลย พอดีเธอกลับไปทำบุญบ้านที่เชียงดาวด้วย  จากนั้นเราก็ไม่ได้สนใจจะถามไถ่ หรือไปหาเธอเพราะงานที่รัดตัว เปิดคลาสที่กรุงเทพฯ 2 คลาสติดๆ กัน ไปแก้ฮวงจุ้ยที่หาดใหญ่ เก็บของเตรียมขายบ้านที่กรุงเทพฯ จึงลืมเจ๊นาไปสนิทใจ เพราะความเหนื่อยแทบจะจับไข้เข้าครอบงำ วันๆ ตื่นมาแทบจะจำชื่อตนเองไม่ได้ โอ …. พระเจ้ามาดูกัน …. ว่าจานวาจะช่วยเจ๊นาได้ไหม

ต่อตอน 2