ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 84
- มกราคม 23, 2019
- ตอน ฆ่า เขาอย่างไร ตัวเองตายอย่างนั้น

ที่มาของเรื่องจะจากทางไหน อย่าไปสนใจขอให้รู้เพียงว่า มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเราควรจะสังวรกันเอาไว้ให้สุดเหวี่ยงอย่าได้บังอาจไปตัดรอนชีวิตใครอย่างเด็ดขาด แม้จะเป็นแค่สัตว์ตัวเล็กๆ แม้จะไม่ให้คุณแก่มนุษย์เท่าใด ที่แน่ๆ ทุกชีวิตแม้มีคุณไม่เท่ากัน แต่มีค่าเท่ากันหมด คือชีวิตใคร ใครก็รัก ใครก็หวง
ทิดผาด หนุ่มใหญ่วัย 40 ปี มีอาชีพชาวนา ทำไร่ จับกุ้ง หอยปู ปลา มายาไส้ เป็นปกติตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ต่างก็มีอาชีพทำนา จนทิดผาดย้ายตนเองมาอยู่กับศรีภรรยา วัย 35 ปี ชื่อแวว ทั้งคู่สมานสามัคคีรักใคร่กลมเกลียวกัน ต่างก็ขยันในการทำมาหากิน หวังว่าสักวันจะมีที่ทางทำมาหากิน มีบ้านช่องของตนเองกับเขาบ้าง
เสียงทิดผาดตะโกน “เฮ้ย แวว โว้ยมาดูสิวันนี้พี่ได้อะไรมา” นางแววสะดุ้งสุดตัวเพราะกำลังจะผัดขี้เมาให้สามีในมื้อกลางวัน “อยู่กันแค่นี้ ทำไมพี่จะต้องแหกปากส่งเสียงดัง” นางแววบ่นแล้วตรงมารับถังน้ำจากมือสามี ชะโงกมองจึงเห็นลูกคอก หรือลูกของปลาช่อน เบียดกันแออัดยัดเยียดอยู่ในถังใบนั้น และยังเป็นๆ อยู่
“พี่โชคดีไปได้ ลูกคอกมา 3 คอกเลย นี่แม่มันอยู่นี่” พูดแล้วเขายื่นข้องปลาให้นางแววดู ซึ่งมีทั้งปลาดุก ปลาช่อนแออัดกันอยู่ในนั้น นางแววเธอจัดการรับถังลูกคอก แล้วลงมือโขลกเครื่องแกง
นางแวว เป็นคนแรก เจ้าแรกที่คิดทำข้าวหลามปลาลูกคอกขึ้นมา วิธีทำคือเธอจะเกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยกันตำเครื่องแกง จะเลือกข้าวเหนียว และข้าวเจ้าเกรดที่เธอเห็นว่าเหมาะกับงานนี้ แช่ค้างคืนไว้ จากนั้นก็กรอกข้าวเหนียวและข้าวเจ้าที่แช่แล้วนี้ลงในกระบอกไม้ไผ่ที่คัดแล้ว เอาเครื่องแกงที่ปรุงจนแซบในรูปน้ำแกง มาพอประมาณ เทลูกคอกเป็นๆ ที่จับมาได้ลงผสมกับน้ำเครื่องแกง วาดภาพกันเอาเอง ว่าชีวิตสัตว์น้อยๆ นับร้อยตัวจะปวดแสบปวดร้อนกันเพียงใด จากนั้นเอาข้าวเหนียวกรอกตามไปอีกพอประมาณแล้วปิดปลายกระบอกด้วยการจุกใบตอง นำไปเผาไฟ จนข้าวสารข้าวเหนียวสุก เมนูของนางแวว มีให้เลือกแบบมันเผ็ด หรือ ธรรมดา ซึ่งแบบเผ็ดจะขายดีมากแต่ราคาแพงขึ้น ที่แน่ๆ มีจำหน่ายเจ้าเดียวในโลก
เธอทำครั้งละประมาณ 40 กระบอก ทำไม่ทันขาย ไม่พอขาย กิจการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนทิดผาดกับเธอสามารถซื้อที่ดินเป็นของตนเอง และสร้างบ้านได้ แต่เพราะคนทั้งคู่ไม่มีทายาทด้วยกัน จึงไปรับน้องสาวของนางแวว ชื่อแหวน มาช่วยดูแลงานบ้านให้ทุกอย่าง แหวนเป็นสาววัยรุ่น มีกริยาน่ารัก เรียบร้อย ไม่หูตาสอดส่ายเจ้าชู้เหมือนหญิงวัยรุ่นวุ่นวายทั่วๆไป แหวนจะทำงานบ้านสารพัดไม่เกี่ยงงาน เสื้อผ้าของคนทั้งคู่ แหวนจะซัก รีดให้ย่างกีบโง้ง แต่งานเพียงอย่างเดียวที่เด็กแหวนจะไม่ยอมช่วยทำคือ ข้าวหลามปลาลูกคอก ไม่ทำและไม่เสพย์

ทิดผาดเองขยันขันแข็ง ไม่เจ้าชู้เกะกะระราน นอกลู่นอกใจ แวว ผู้เป็นภรรยาแต่อย่างใด ทิดผาดไม่ใช่คนพูดมาก เขาจะทำแต่งาน มันจึงช่วยให้ฐานะความเป็นอยู่ทรัพย์สินมีแต่จะเพิ่มพูนมากขึ้น
ตลอดเวลาเหล่านั้นคนทั้งคู่ ไม่เคยได้คิดถึง
เรื่องของบาปบุญคุณโทษแต่อย่างใด ทิดผาดมือขึ้นทำบาปหนักขึ้น ทุกวันจะได้ปลาดุก ปลาช่อน ลูกคอก ติดมือกลับมาบ้าน เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความใกล้ชิดระหว่างทิดผาด กับสาวแหวนที่ต่างก็เก็บแอบกันเอาไว้ในอกอย่างมิดชิด มีแต่จะคุกรุ่นมากขึ้น ซึ่งแน่นอนเรื่องบัดสีเช่นนี้ เด็กแหวนไม่มีทางจะเป็นผู้เริ่มต้นอย่างแน่นอน จนกระทั่งวันหนึ่ง แววผู้เป็นภรรยาจะไปงานแต่งงานน้องสาวคนเล็ก ซึ่งต้องไปช่วยงานห้าวัน ตรงกับช่วงที่ทิดผาดจะเดินทางไปช่วยญาติทางบ้านทำนาตามฤดูกาล จึงตกลงให้เด็กแหวน ดูแลบ้านตามลำพัง แม้เด็กแหวนจะรบเร้าขอไปงานแต่งงานน้องสาวด้วย นางแววก็ไม่ยินยอม ท้ายสุดจึงทิ้งให้เด็กแหวนอยู่บ้านตามลำพัง
เมื่อทุกคนจากไปหมดแล้ว เช้านั้นขณะที่เด็กแหวนกำลังถูเรือนอยู่ ได้ยินเสียงคนร้องครวญครางอยู่ใต้ถุนบ้าน จึงมองลอดร่องกระดานลงไปดู เห็นทิดผาดพี่เขยในสภาพที่รุ่งริ่ง เสื้อผ้าเต็มไปด้วยฝุ่น โคลน แถมฉีกขาด ตัวช้ำดำเขียวด้วยริ้วรอยเจ็บปวด ได้ความว่ารถโดยสารคว่ำกลางทาง เขาเลยอาสาเดินกลับมาบ้านขณะที่ทุกคนกำลังชุลมุนกันอยู่ เด็กแหวนจึงลงมาพยุงพี่เขยขึ้นบ้าน มันเป็นการสัมผัสใกล้ชิดกันครั้งแรก …แล้วมันจะเหลือหรือ กลายเป็นว่าใน 5 วันที่นางแววผู้ภรรยาไปงานแต่งน้องสาว งานแต่งอีกงานก็ได้เกิดขึ้นบนเรือนของนางแววเอง เมื่อนางแววกลับมาคนทั้งคู่ได้ทำทุกอย่างตามปกติหมด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จน 2 อาทิตย์ผ่านไป นางแววบอกผู้เป็นสามีว่า จะไปเยี่ยมแม่แล้วจะค้างกับแม่สัก 4-5 วัน มันสร้างความยินดีให้กับเด็กแหวน กับทิดผาดอยู่ในอกเงียบๆ เดาได้ว่า เมื่อแมวไม่อยู่หนูจะร่าเริงขนาดไหน วันแรกที่นางแวว หายไปเยี่ยมแม่ เธอไม่ได้ไปไกลจากบ้านหรอก แต่แอบดูอยู่ไม่ไกล เห็นน้องสาวเด็กแหวน ใส่ผ้าถุงกระโจมอก เดินออกมาจากห้องนอนของตนไปเข้าห้องน้ำ มีทิดผาดสามี ใส่ผ้าขาวม้าตัวเดียวเดินตามออกมา เท่านั้น นางแวว คำรามในลำคอด้วยความอาฆาตแค้น “กูจะฆ่ามันทั้ง 2 คน” แล้วเธอได้วางแผน วันถัดมาฝนฟ้าคะนอง ทั้งพายุบ้าฟ้ากระหน่ำซ้ำ นางแววเดินฝ่าสายฝน ผ่านหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านไป ภรรยาผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเพื่อนกัน ร้องทัก “เออ …ข้าจะไปบ้านแม่สักสองสามวัน” นางแววร้องตอบฝ่าสายฝนมา สร้างความแปลกใจให้ผู้ถามอย่างมาก เพราะยามปกติ นางแววจะเป็นคนรักสวยรักงาม จะไม่มีทางเดินกลางสายฝนจนผมเผ้าเสื้อผ้าเปียกอย่างนี้เด็ดขาด เมื่อนางแววเดินมาถึงเชิงเขาซึ่งเป็นคันดินขนาดสูง เธอวางแผนจะเดินย้อนอ้อมไปทางด้านหลังบ้านผู้ใหญ่บ้านกลับไปยังบ้านตนเอง เพื่อจะไปสังหารทิดผาดและ เด็กแหวนให้สาสมใจ มันเป็นแค้นที่ต้องชำระ กับมันเผาให้จิตใจร้อนรุ่มไปด้วยแรงอาฆาตจนไม่รู้สึกถึงฝนฟ้าอากาศที่กำลังวิปริตอยู่
คันดินช่วงนั้นกั้นเป็นคอก มีลำธารน้ำขนาดใหญ่คู่ขนานไปกับสันเขา เบื้องบนถูกตีด้วยไม้กั้นไว้ตลอดแนวกันดินถล่มเวลาน้ำหลาก ด้านล่างเขาก็ตีไม้กั้นไว้ กันคนเข้าไปหาปลาจับปลา เพราะเป็นเขตอันตรายดินถล่มบ่อยครั้ง เมื่อนางแวว เดินมาถึงบริเวณนี้ มันเป็นบริเวณ ที่ทิดผาดมักมาดักเอาลูกคอกปลาช่อน ซึ่งเขาบอกว่ามีชุมมาก ทำให้นางแววเกิดความโลภ จะว่ากรรมบังตา ก็ไม่ผิดนัก อันความโลภ ที่จะต้องฆ่าสัตว์ แล้วได้ฆ่ามานับสิบปีโดยไม่มีจิตสำนึก มันได้เข้ามาบดบังอีกอารมณ์หนึ่งโดยสิ้นเชิง คืออารมณ์แค้นที่ตั้งใจว่าจะฆ่าคนนั้นให้หายไปชั่ววูบ
นางแววไต่ลงทางลาดขอบทางเดินลงชายน้ำที่มีไม้กั้น เธอยอมมุดไม้ลงไปในน้ำเพื่อลอดเข้าไปในสระน้ำ ไหนๆมันก็เปียกอยู่แล้ว ฝนยังตกหนักอยู่ ขณะที่เธอลอดตัวเองไปโผล่อีกฝั่งของรั้วไม้ เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า ดังลั่นบริเวณแถวนั้นปราศจากบ้านผู้คน ยิ่งยามฝนตกต่างคนต่างก็ขลุกกันอยู่ในบ้าน แล้วปรากฏเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดินได้ถล่มลงมาทับร่างนางแวว เหมือนกับที่เธอเคยเทข้าวเหนียว ข้าวเจ้าลงทับปลาลูกคอกเป็นๆในกระบอกไม้ไผ่อย่างไรอย่างนั้น เธอได้ตะกายดินเพื่อฝ่าเอาชีวิตตนออกมาอย่างสุดแรงเกิด แต่มวลดินอย่างมหาศาลรวบกับน้ำหนักที่ ที่ถล่มลงมา มันแรงเกินกว่าที่นางแววจะต้านอยู่ รวมกับอีกหนึ่งแรงที่ใครเล่าจะหนีได้พ้น มันคือแรงกรรม
เวลาผ่านไป 5-6 วัน ทิดผาดเริ่มร้อนใจ แม้จะสบายกายที่มีเด็กแหวนบำบัดความใคร่ เมื่อสอบถามไปทางบ้านแม่ ต่างก็ไม่รู้ความ เมียผู้ใหญ่บ้านจึงออกมาให้การว่าเห็นนางแววเดินฝ่าสายฝนเมื่อ 5 วันก่อน ผู้ใหญ่บ้านจึงระดมคนออกตามหา แต่ก็มือเปล่ากลับมาไร้วี่แวว ทิดผาดจึงระดมคนรวมกับผู้ใหญ่บ้าน เอาสัปเหร่อที่วัดออกตามด้วย เพราะงานนี้หากเจอก็คงเหลือแต่ร่าง ชาวบ้านและสัปเหร่อต่างเอาเหล้าขาวมาย้อมใจ ราดตามตัวเพื่อให้มีกลิ่นแต่เหล้าขาวแทน แล้วเกณฑ์คนทั้งหมดออกตามทุกตารางนิ้วจนไปถึงบริเวณริมน้ำเชิงเขา สังเกตว่าดินถล่มจึงพากันขุด ผลัดกันสามสี่ผลัด จนพบร่างที่ไร้วิญญาณ ที่บวมจนเนื้อใสจำหน้าตาไม่ได้ กลิ่นเหม็นหึงออกมาก่อนจะพบซาก ที่นิ้วมือทั้งหมดเหลือแต่กระดูกเพราะตะกายดิน ซากศพจำไม่ได้ว่าเป็นใคร แม้เสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่ง เหลือแต่กำไลนาคที่ข้อมือที่ทิดผาดจำได้ว่าเป็นของนางแวว ผู้เป็นภรรยา
ฆ่าเขาอย่างไร ตนเองก็ตายอย่างนั้น งานนี้ไม่ได้ถามความรู้สึกของทิดผาดกับเด็กแหวน ว่าจะดีใจหรือเสียใจอย่างไร กับข่าวไม่ได้ตามมาว่า วิญญาณนางแวว จะย้อนกลับมาจัดการกับ Unfinished Business หรือไม่?