ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 83
- มกราคม 22, 2019
- ตอน มรดกจากพ่อ

คุณพ่อเป็นชาวใต้ รับราชการทหาร เป็นคนที่มีนิสัยตงฉินโกงกินอะไรกับใครไม่เป็น ส่วนคุณแม่เป็นคนอุดร มีลูก 4 คน 3 คนเกิดภาคกลางที่ จ. ลพบุรี ตอนที่คุณพ่อถูกส่งไปรับราชการที่นั่นครั้งแรก มีลูกเพียงคนเดียวที่ไปเกิดที่อีสาน จ. ขอนแก่น คือเรา คุณพ่อจำต้องหารายได้พิเศษ เพราะลำพังเงินเดือนข้าราชการที่โกงกินไม่เป็นนั้นมันไม่พอ
จึงเริมศึกษาโหราศาสตร์ไทยในขั้นแรก จากนั้นได้หันไปศึกษาโหราศาสตร์ของระบบภารตะ คือระบบฮินดู เพราะคุณพ่อเก่งภาษา ได้เป็นครูสอนนักเรียนทหาร มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ประเทศอเมริกา ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ไปสอนนักเรียนทหารที่นั่น ทำให้คุณพ่อแตกฉานในภาษาอังกฤษ ถึงกับสั่งตำราโหราศาสตร์จากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ มาเรียนด้วยตัวเอง ในบรรดาลูกทั้งหมดของคุณพ่อ เราเป็นคนเดียวที่ชอบอ่าน ขุดคุ้ยหาความรู้ทั่วๆไปตั้งแต่เด็ก ยังเป็นลูกเพียงคนเดียวที่เก่งทางสร้างสรรค์ โดยเฉพาะงานไม้ งานฝีมือ งานช่าง อันนี้ได้มาจากคุณพ่อ ส่วนนิสัยเขียนบันทึกประจำวัน ก็ได้มาจากคุณแม่ นอกจากนั้น คุณพ่อยังเก่งด้านกีฬา เป็นมือเทนนิสของทีมทัพบก ถูกส่งออกไปแข่งกับทีมประเทศเพื่อนบ้านบ่อยๆ
นอกจากจะได้รายได้ด้านรับตรวจดวงชะตาแล้ว คุณพ่อยังรับสอนผูกดวงดูดวง ซึ่งมีข้าราชการระดับสูงๆมาเรียนกับคุณพ่อหลายคน ตั้งแต่เราจำความได้ คุณพ่อไม่เคยอยู่นิ่งๆเลย เมื่อถูกส่งไปประจำการที่ค่ายทหารคอหงส์ ที่หาดใหญ่ จ. สงขลา คุณพ่อก็ลงทุนเลี้ยงไก่ที่ใต้ถุนบ้าน ให้ทหารมาต่อเล้าไก่เต็มใต้ถุนบ้านไปหมด ปรากฏว่าปีนั้นไก่ติดโรคระบาดตายเรียบ ครั้งนั้นคุณพ่อขาดทุนหลายหมื่นบาท เงินหมื่นสมัยนั้นหนักเอาการอยู่ คุณแม่จึงเริ่มทำขนมขายช่วยคุณพ่ออีกแรง จนสามารถเก็บเงินมาซื้อที่ดินในกรุงเทพฯได้ แล้วคุณพ่อก็ถูกย้ายไปประจำการที่ศูนย์ปืนใหญ่ จ. ลพบุรีอีกครั้ง ประจำการอยู่หลายปีซึ่งมีบ้านพักให้สะดวกสบายเช่นครั้งแรก จึงเป็นจังหวะเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ช่วยกันเก็บ อดออมสะสมเงินทอง ช่วงนั้นคุณพ่อย้ายลูกๆ มาเข้าโรงเรียนที่กรุงเทพฯก่อนแถวบางเขน เป็นที่ ที่ซื้อทิ้งไว้นานแล้ว คุณพ่อเสาะหาแก่นไม้ ปลีกไม้มากองสะสมไว้ในที่ จนมากพอที่จะจ้างช่างทหารมาปลูกเพิงให้ลูกๆอยู่กับทหารรับใช้ อยู่กัน 5 ชีวิต ทหารรับใช้ถูกเลือกที่เป็นผู้รักเด็ก เลี้ยงเด็กได้ ทำอาหารให้เด็กกินได้ จะเห็นว่าคุณพ่อเป็นจอมนักวางแผนล่วงหน้าที่ฉลาดคนหนึ่งทีเดียว มันสมองมีเท่าไหร่งัดออกมาใช้ทั้งหมด เพราะโกงกินฉ้อราษฎร์บังหลวงอะไรกับเขาไม่เป็น คุณแม่ก็อยู่กับคุณพ่อที่ จ. ลพบุรี ทุกๆวันศุกร์จึงกลับมาอยู่กับลูกพร้อมหน้าพร้อมตากัน จนกระทั่งคุณพ่อเริ่มขยับขยายมาซื้อบ้านที่ถนน นวมินทร์ จากเงินที่ช่วยกันเก็บกับคุณแม่ แล้วย้ายพวกเราเข้ามาอยู่ที่บ้าน 80 พอดีเป็นช่วงที่คุณพ่อถูกย้ายเข้ามารับราชการในกรุงเทพฯ ( จำได้ว่าอายุเราขณะนั้น 18 ปี พอดี ) เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว คุณพ่อได้เริ่มไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณที่วัดโพธิ์อีกแขนงหนึ่ง เรียนอย่างจริงจัง แล้วได้ปรุงยาตัวหนึ่งขึ้นมา เป็นยาแก้โรคมะเร็ง เป็นยาน้ำมีสีดำ คงได้จากการเคี่ยวตัวยาเข้าด้วยกันโดยมีท่านเจ้าคุณวิชัย ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเล็กๆวัดหนึ่งในจังหวัด สงขลา อันเป็นบ้านเกิดของคุณพ่อเอง คุณพ่อกับพระครูท่านนี้ได้ช่วยกันทำยาตัวนี้ขึ้นมาจนสำเร็จ โดยพระครูให้เด็กไปช่วยค้นหาตัวยาจากป่าทางภาคใต้ ปีที่คุณพ่อเริ่มไปเรียนแพทย์แผนโบราณที่วัดโพธิ์นั้นคือ ปี 2514 ขณะนั้นเราอายุ ประมาณ 17 – 18 ปี เคยเอายาไปส่งให้คนไข้กับคุณแม่ บางทีคนไข้นัดมารับยาที่บ้าน ซึ่งขวดใหญ่ขนาดขวดน้ำดื่ม ขายขวดละ 2,000 บาท คุณพ่อเลยกลายเป็นหมอยาอีกอาชีพหนึ่ง บางทีต้องไปตรวจเยี่ยมอาการคนไข้ที่เป็นมะเร็ง คนไข้จำนวนมากที่หายจากโรคมะเร็งจากยาตัวนี้ เราเคยทานยานี้ถึง 3 ขวด เป็นยาที่ทานยากมากคือ ขม เป็นยาที่สุดโหดที่สุดในชีวิตที่เคยทานยามา อย่างที่เขาว่า “ หวานเป็นลม ขมเป็นยา ” ไม่รู้เราทานหมดไป 3 ขวดได้อย่างไร ต้องทานก่อนอาหาร 30 นาที ฐานะคุณพ่อจึงขยับดีขึ้นมาก จากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ซื้อรถใหม่เอี่ยมให้คุณแม่หนึ่งคัน ตนเองขับรถมือสอง
นี่คือการอาบเหงื่อต่างน้ำ เลี้ยงครอบครัวด้วยลำแข้งของคุณพ่อ ต่อมาเมื่อเราได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา แล้วติดลมอยู่ยาว ออกมาทำงานเก็บเงินอย่างสนุกสนาน จึงไม่รู้เรื่องราวของคุณพ่อต่อ ทราบว่าคุณพ่อถูกส่งมาเรียนต่ออเมริกาอีกครั้ง พอเจ้าอาวาส ท่านละขันธ์ การทำยาของคุณพ่อเลยชะงักขาดช่วงไป รวมกับคุณพ่อได้แยกทางกับคุณแม่ ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ เพราะหมดวาระเวลาต่อกันแล้ว ช่วงนั้นคุณพ่อค่อนข้างลำบาก เพราะยกทุกอย่างให้คุณแม่หมด เราซึ่งทำงานอยู่ที่อเมริกาไม่รู้เรื่องอะไร วันหนึ่งท่านติดต่อมาจากเชียงใหม่ว่า พ่ออยากได้รถคันหนึ่ง จิ๊ดช่วยผ่อนให้พ่อที เดือนละ 5 พันบาท เป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งเราก็จัดให้ การได้ตอบแทนคุณพ่อแม้จะน้อยนิด ไม่รู้ใครผิดใครถูก เกิดอะไรขึ้นในครอบครัว รู้แต่เพียงว่า นี่คือพ่อ นั่นคือแม่ ได้ส่งให้แม่อยู่แล้วทุกเดือนตั้งแต่มีรายได้ที่อเมริกา ถือว่าเป็นหน้าที่ของลูก ใครผิดใครถูกไม่อยากจะรู้ ไม่มีทั้งพ่อ และแม่ เราก็ไม่มีวันนี้ เป็นปัญหาโลกแตก ที่ถือว่าธรรมดาจริงๆ เกิดขึ้นได้ในทุกครอบครัว ขณะนั้นเราเริ่มตระหนักแล้วว่าจะต้องเอาอะไรอย่างหนึ่งจากคุณพ่อให้ได้ จึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทย เพื่อมาเรียนวิชาโหราศาสตร์ระบบฮินดูกับคุณพ่อให้ได้ ก่อนที่คุณพ่อจะจากเราไป เพราะความที่คุณพ่อไม่ใช่คนร่ำรวย ไม่ใช่คนกอบโกย เท่าที่ผ่านมาสามารถเอาครอบครัวตนเองให้รอดมาได้นั้น จากความสามารถและความรู้ของท่านเองจริงๆ ยอมรับว่าคุณพ่อเป็นคนเก่งมาก แล้วก็เป็นคนตัวเล็ก แต่เป็นเล็กอย่างเล็กพริกขี้หนู เก่งรอบตัว เราเดินทางกลับเมืองไทยเที่ยวนั้น ไปเรียนโหราศาสตร์ไทย ที่วัดเอี่ยมวรนุช กับอาจารย์ ทวีทรัพย์ เรืองกลิ่น พอรู้พื้นฐานการผูกดวง ทั้ง 12 ราศี เรียนอยู่กับท่าน 3 เดือน จากนั้นได้กลับไปอเมริกาอีกเที่ยวทำงานต่อ กลับไทยครานั้นยังไม่มีวาสนาเรียนกับคุณพ่อ แต่ขณะนั้นก็ได้ใช้วิชาผูกดวงระบบศาสตร์ไทย เพื่อหาประสบการณ์ ไปเรื่อยๆ นัยว่า ไม่มีทางทิ้งเด็ดขาด ขณะเดียวกันการทำมาหากินอยู่ในอเมริกา ภาษามันได้มาเองโดยอัตโนมัติ เรายังหันมาเรียนดูลายมือ กับเลขศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ซึ่ง 2 อย่างนี้คุณพ่อไม่ได้ศึกษามา ภายหลังคุณพ่อยังขอมาเรียนระบบเลขศาสตร์กับเราด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่มีเวลา เราจึงก๊อปต้นฉบับซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ของชีโร ให้คุณพ่อไปศึกษาเองเลย
เวลาเหล่านั้นมันเป็นเวลาที่ต้องเร่งสร้างตัว หาประสบการณ์ ศึกษาศาสตร์แขนงใดก็ได้ให้เป็นความรู้ติดตัว เพื่อเอาชีวิตรอด อีก 4 ปีต่อมาเราตัดสินใจกลับไทยอีกครั้งเพื่อเรียนระบบฮินดูจากคุณพ่อให้ได้ เที่ยวนี้ได้เรียนสมใจ แต่ได้เรียนเพียง 2 อาทิตย์ ก่อนจากคุณพ่อมา คุณพ่อได้ ให้ตำราระบบภารตะมา 4 – 5 เล่มซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ เราตระหนักทันทีว่า ตำราจากคุณพ่อเหล่านี้ คือมรดกจากคุณพ่ออย่างแท้จริงเพราะเราใช้มันเลี้ยงชีพ ซื้อบ้าน ซื้อรถ ได้ด้วยเงินสดจากความรู้ที่ได้จากตำราเหล่านี้ทั้งหมด
ว่าไปแล้วอาชีพนักทำนายทายทัก ถ้ามีความซื่อสัตย์ แม่นยำ และมีคุณธรรมประจำใจ ยิ่งอายุมาก ความแม่นยำ ที่ได้มาจากประสบการณ์ยิ่งมากตามมา อย่าหวังว่าจะได้เกษียณ

จากอาชีพทำนายทายทัก สมุดนัดลูกค้าเริ่มด้วยเล่มเล็กๆ ต่อมาธุรกิจเติบโตขึ้นเพราะความแม่นยำ มีคุณธรรมและซื่อสัตย์ บางคนจน ป่วย เราก็ทักให้ฟรี ไม่นานเขาบอกกันปากต่อปาก แถมภายหลังมีโอกาสเป็น คอลัมนิสต์ ให้หนังสือพิมพ์ ไทยในอเมริกา ยิ่งขยายวงกว้างไปจนถึงเกาะกวม เวลาผ่านไปจนคุณพ่อคุณแม่ ล่วงลับจากไปตามกาลเวลา
ความมั่นคงในหน้าที่การงานมันมากขึ้น จนเรามองหาทางเกษียณ ด้วยการหัดมาเป็นครูสอนสมาธิอีกอาชีพหนึ่ง แต่เป็นการสอนให้เปล่าๆฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการทดแทนคุณ ชาติ และพระศาสนา พระศาสดา กับเป็นเพราะสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับใครบางคนในอดีตชาติด้วย
ยังจำได้ ตอนที่คุณพ่อให้ตำราโหราศาสตร์เรามา หรือมอบมรดกเป็นหนังสือให้ คุณพ่อได้จับไหล่เราทั้งสองข้าง มองเรา กับพูดว่า “ จิ๊ด จำไว้นะ ต่อไปลูกจะเป็นนักทำนายทายทักที่มีชื่อเสียงมาก และดังกว่าพ่อเสียอีก ” ซึ่งตอนนั้นบอกตรงๆ ขนเราลุกซู่ทั้งตัว แล้วคิดเถียงคุณพ่อในใจว่า สงสัยคุณพ่อพูดเพราะเมาแน่ หรือไม่ก็ต้องพูดผิด ( คุณพ่อไม่ใช่คนติดเหล้า )

สมุดรวบรวมดวงชะตาของผู้ที่ผ่านเข้ามาแต่ละเล่ม บรรจุดวงผู้คนมากกว่า 300 ดวง บางเล่ม 400 ดวง เราจะไม่เก็บข้อมูลในคอมฯ เพราะสายตาไม่สู้ดี เก็บเป็นเล่มใส่ตู้หนังสือไว้อย่างมีระเบียบ บางทีคนที่เคยดูไป เกือบ 20 ปีมาแล้ว เขายังบอกเล่ม และหน้า ของเขาได้ถูก
มันคือมรกดจากพ่อ ที่มาของ
ชื่อ อาจารย์วารุณี พิทักษ์สินากร เสียดายที่คุณพ่อไม่ได้เรียนพุทธศาสตร์ หรือการปฏิบัติธรรมด้วย ไม่เช่นนั้นคุณพ่อจะจบได้สวยกว่านี้มาก แต่อย่างไรก็ดี ตอนที่คุณพ่อเสีย เราอยู่อเมริกา กลับมาไม่ทันเห็นใจคุณพ่อ แต่ดวงวิญญาณคุณพ่อได้รอเราอยู่ เพื่อรับบุญจากเรา ซึ่งวันนั้นที่เราจัดอาหารดอกไม้ ธูปเทียน อาหารคาว หวาน ผลไม้ อุทิศให้คุณพ่อ รองเจ้าอาวาสผู้ทำพิธี ซึ่งไม่เคยพบเห็นคุณพ่อมาก่อน บอกเราว่าคุณพ่ออยู่ในศาลาที่ทำพิธีนี้ด้วยใบหน้าแช่มชื่น พ่อโยมเป็นคนตัวเล็ก ผิวสองสีใช่ไหม มีครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฟั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ดุล หลวงปู่สิม หลายองค์มาเต็มศาลาเลย เพื่อจะส่งบุญของโยมให้คุณพ่อโยมอีกทีหนึ่ง ขอให้โยมจำวันนี้ไว้ให้ดีนะ จำได้ว่าน้ำตาเราหยดเผาะเลยวันนั้น ท้ายที่สุดเราก็ได้ตอบแทนพระคุณพ่อ เพราะบารมีที่เราเดินสายทั่วอเมริกา เพื่อไปโปรดญาติโยมนั้น มันมากพอ พร้อมกับอานิสงส์จากการปฏิบัติธรรมควบคู่กันมา มันส่งคุณพ่อขึ้นอย่างสบายๆ โดยมีหลวงปู่หลวงตาที่เมตตาอย่างสูงมาช่วยทำพิธีให้ มากพอที่ส่งให้คุณพ่อสู่สุคติภูมิได้ ยังส่งผลให้เราอยู่เย็นเป็นสุข ได้ช่วยคน สร้างคนมานับไม่ถ้วน แม้อายุจะมาก การงาน ความมั่นคง ลูกศิษย์ลูกหา ฐานะ ยังต่อเนื่องเข้ามาอย่างไม่หยุด นี่คือ มรดกจากพ่อ ที่ทำเรามาได้ถึงจุดนี้ในวันนี้