ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 95

เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในประเทศอินเดียประมาณปี 2015 ที่แคว้นมคธ เมื่อเราได้มีโอกาสไปเที่ยวอินเดียอย่างไม่ทันตั้งตัว มีเวลาวิ่งทำวีซ่าเพียง 7 วันแถมรีบติดต่อเจ้าแพรวที่อยู่หาดใหญ่ว่า สนใจจะไปด้วยกันไหม ชีไม่เคยไปอินเดียมาก่อน ตอบรับทันที หมายถึง แพรวต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อทำวีซ่า คณะเราจึงนัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันเดินทางเลยทีเดียว ซึ่งมี เจ้าเกษรกับเจ้าต้อน ที่อ้างว่าอยู่พุทธคยามานาน 20 ปี เคยทำทัวร์ เป็นผู้นำคณะเราไป ตามหมายกำหนดการณ์เราทั้ง 4 คน จะเหมารถไปสถานที่สำคัญทุกแห่งจนครบ 5 วัน แล้วกลับมาที่แค้วนมคธตามเดิม แล้วแยกกันไป โดยเราไปกับหลานแพรว เกษรไปกับต้อน ซึ่งเพียงหนเดียวได้เห็นนิสัยเปรตกับปลิงของต้อน จนหลานแพรวซึ่งเป็นคนไม่ค่อยพูด ถึงกับเอ่ยว่า ถ้าไปไหนกับคนนี้อีกแพรวไม่ไป เรากับหลานแพรวตั้งใจจะไปชมทัชมาฮาลกัน หมายถึงเราต้องขึ้นรถไฟไปลงที่นิวเดลฮี และเหมารถจากนิวเดลฮีตรงไปอัคระ  ที่ตั้งของทัชมาฮาล ใช้เวลาเดินทางประมาน 5-6 ชั่วโมง ช่วงนั้นตรงกับเดือนพฤศจิกายน อากาศหนาว ถ้าใครเคยไปอินเดียมาแล้วย่อมรู้ดีว่า การเดินทางด้วยรถไฟเจ็บปวดแค่ไหน ต้องไปนอนรอรถที่ชานชาลารวมกับบังอีกหลายครอบครัว ใช้คำว่าไปนอนกองๆ รับลมหนาวรับฝุ่นกัน ไม่ใช่เป็นชั่วโมงแต่ข้ามวันข้ามคืน เราไปตีตั่วรถไฟกับเอเย่นที่ต้อนพาไปพบ คุยว่ารู้จักกับเอเย่นขายตั๋วคนนี้มาเป็นสิบปีแล้ว ไว้ใจได้ที่สุด ชื่อ เมนุส เขาดูแลตั๋วเครื่องบินตั๋วรถไฟให้คนไทยในอินเดีย รวมทั้งพระสงฆ์องค์เจ้าที่เดินทางจากเมืองไทยไปอินเดีย อินเดียไปไทย เรากับแพรวไปพบเมนุส หลังจากทานข้าวเช้ากันเสร็จ เกือบ 11.00 เช้า แล้วเช็คเอ้าจากโรงแรมเลย อันวัดไทยในคยานั้น ใครอย่าได้เข้าไปศรัทธาไปยุ่งด้วยเด็ดขาด หากใครหวังไปพึ่งวัดไทย คิดผิดนะ หากกลุ่มไม่ใหญ่เงินไม่เยอะจะเข้าพักไม่ได้ ไม่มีคำว่าใครมาก่อนมาหลัง แต่พิจารณาที่ตรงไหนได้มากกว่ากันเข้าก่อน เพราะแทนที่จะเห็นอะไรที่มันทำให้จิตผ่องใส กลายเป็นทำให้จิตเศร้าหมองแทน หาโรงแรมพักคืนละ 200-300 บาทไทย ต่อหัว มีเยอะแยะ เมื่อเราทั้งคู่ไปถึงออฟฟิตเมนุส เราให้หลานแพรวเป็นคนเจรจา เมนุสเอาตั๋วให้ได้ รถไฟจะออกตอนบ่ายสองโมง เราเลยนั่งรอรถไฟกันที่ออฟฟิตเมนุส พอบ่ายโมงเมนุสเรียกรถให้ไปส่งเราที่สถานี  ปรากฏว่ารถไฟล่าช้า จะมาห้าทุ่ม เราทั้งคู่เลยโทรหาเมนุส เขามารับเรากลับไปออฟฟิต แล้วบอกข่าวร้ายเราที่ออฟฟิตว่า รถไฟมาล่าช้าจะมาตอนห้าทุ่ม นับกันดูเองว่าช้าไปกี่ชั่วโมง เมื่อเราได้ทราบข่าวเรานิ่งเงียบไม่โวยวายเพราะทำใจได้ เมื่อขึ้นชื่อว่า สาวกพระตถาคต คนปฏิบัติย่อมรับได้ทุกอารมณ์ ส่วนหลานแพรวพอรู้ ชีหัวเราะอั๊กๆๆๆ ออกมาเหมือนผีบ้า เมนุสมองหน้าเราสองคนอย่างอดแปลกใจไม่ได้ เรายังนิ่งเฉยอยู่ บอกเขาเบาๆ ว่า มีเวลาอีกหลายชั่วโมง เราขอแฮงค์อยู่ที่ออฟฟิตเขาได้ไหม เขาตอบด้วยความยินดี เราถือโอกาสล้มตัวลงนอนยังเก้าอี้ยาว อย่างสงบ เพราะจากการสมบุกสมบัน ไปถึงเนปาล ชมสถานที่สำคัญ ต้องตื่นนอนเวลา ตีสี่ตีห้าทุกเช้า อยู่บนรถวันละ 8-10 ชั่วโมง นี่ยังจะต่อไปชมทัชมาฮาลอีก สว. ไม่ไหว กระเป๋าข้าวของเราแพรวจัดการเอามากองรวมกันฝั่งหนึ่ง ขณะนั้นมีพระไทยรูปหนึ่งได้เดินเข้ามาซื้อตั๋วกับเมนุส เมื่อได้ตั๋วเป็นที่เรียบร้อย กำลังจะลุกเดินออกจากออฟฟิตไป เราได้เอ่ยปากขอถวายปัจจัยให้พระคุณเจ้า ซึ่งอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ถวาย 2000 รูปี เท่ากับหนึ่งพันบาท เมนุสได้เห็นเหตุการณ์นั้น เขาได้เอ่ยคำว่าอนุโมทนา เมนุสเขาเดินเข้าออก ๆ ออฟฟิตเขา แล้วถามเรากับแพรวว่า พวกเธอไม่ทานอาหารเย็นกันหรือ แพรวตอบ “ป้าทานมื้อเดียว แต่เดี๋ยวเราหาอะไรทานแถวนี้ได้ ของขายเยอะ” พอตกดึกมาสักสองทุ่ม เมนุสบอกเราว่าเขาจะกลับบ้านไปทำละหมาด แต่ให้เราพักผ่อนกันได้ตามสบาย เรากับแพรวจึงล้มตัวลงนอน คิดว่าก่อนห้าทุ่มเขาจะต้องมาดูตั๋วให้อีกที เขาย่องเข้ามาตอน เกือบสี่ทุ่มโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า  ภาพที่เห็นคือเรากับแพรวนอนกองกันอย่างสงบตรงที่เดิม เขาตรงเข้าโต๊ะทำงานแล้วเช็คตั๋ว ตรวจเงินที่เขาเก็บไว้ ( เรารู้ด้วยจิต เห็นด้วยตานัยว่าเขาคงอยากทดสอบอะไรบางอย่าง แต่มันไร้สาระกับคนที่หมดสภาพของเราทั้งคู่ขณะนี้ ) เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อย เขามีอาการงงๆ  เสแสร้งกดเช็คดูตารางรถ แล้วพูดว่า “รถไฟไม่มาห้าทุ่ม แต่มาพรุ่งนี้ตอนบ่ายสองโมง” แล้วมองหน้าเรา เรานิ่งเงียบไม่แสดงอาการใดๆออกมา แพรวหัวเราะเช่นเดิม

“ไม่เป็นไร ขอเรานอนพักกันตรงนี้ได้ไหม” เราพูดด้วยเสียงปกติ “เอางี้ เดี๋ยวไอจะเปิดห้องนอนกับโรงแรมใกล้ๆ นี้ให้ยูสองคน เจ้าของโรงแรมเป็นเพื่อนไอ ยูไม่ต้องห่วงค่าโรงแรม ไอเทกแคร์ให้ เสียดายบ้านไอกำลังสร้างอยู่ยังไม่เสร็จ ถ้าสร้างเสร็จ จะเอายูไปพักบ้าน แล้วพรุ่งนี้ เช้ายูสองคนมาตรวจตารางรถอีกทีนะ” เมนุส ช่วยเราสองคนหอบกระเป๋าไปเข้าห้องพัก ของโรงแรมใกล้ๆ ออฟฟิตเขา

เราจึงได้พัก ได้ใช้ห้องน้ำอาบน้ำอาบท่าล้างหน้าแปรงฟันกัน เข้าพักกันอย่างสบาย พอเช้าวันรุ่งขึ้น เราสองคนช่วยกันขนของไปนั่งรออยู่ในออฟฟิตของเมนุส อย่างสงบไม่พูดว่ากะไร  เขาเข้ามาเช็คตั๋วให้ แล้วเดินหายออกไปเงียบๆ เมื่อเขาเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง มาพร้อมถาดอาหารสองถาดในมือ วางลงเบื้องหน้าเรา เรามีสีหน้างง แล้วตกใจมาก ถามว่า “นี่คืออะไร” “อาหารเช้าของยูสองคน” เขาตอบเรียบๆ “เราขออนุโมทนา กับประทับใจในความเมตตาของยูมาก แต่ไอขอถามอะไรยูสักข้อได้ไหม?” เขาพยักหน้า “ยูไม่ได้เทคแคร์ทุกคนอย่างที่ทำกับไอนี่ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ที่หาที่พักให้เราอยู่ ฟรีๆอยากรู้สาเหตุ เพราะอะไร?” “ได้ เพราะยูสองคนไม่เหมือนใครที่ไอรู้จัก เวลาไอบอกว่ารถดีเล ทุกคนจะสาดคำด่าคำสบถคำสาบแช่งคำหยาบคาย ว่อนไปหมด ไอหน้าชา แต่ยูกลับนิ่งเงียบ หลานยูหัวเราะ มันทำให้ไอคลายเครียด กับเมื่อวานยูยังมีน้ำใจทำบุญกับพระ 2000 รูปี  ไอจะต้องเคารพยูด้วยความศรัทธา ถ้าไม่ดูแลคนอย่างยู จะดูแลใคร” เขาตอบด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากใจ เราทั้งคู่นั่งทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็จอร่อย มันอร่อยจริงๆ พอดีต้อน เดินเข้ามาในออฟฟิตเพื่อจองตั๋ว เจอเรากับแพรวกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ เมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมด ว่าเราได้ห้องฟรี อาหารฟรีจากเมนุส ทั้งๆที่ต้อนรู้จักเมนุสมาเกินสิบปี ไม่เคยได้อะไรฟรีจากเมนุสเลย เธอแสดงอาการ ไม่พอใจพร้อมบอกว่า เป็นไปไม่ได้ไม่เชื่อ สะบัดๆ เราสองคนไม่พูดอะไรมากเพราะรู้สึกขนลุกขนพองกับคนๆ นี้พอแล้ว สมเพชเวทนาเธออย่างที่สุด เมนุสเรียกรถไปส่งเราที่สถานีครั้งนี้ รถไฟมาตอนเที่ยง  ทันทีที่ได้ขึ้นรถเข้าที่เข้าทาง เรานอนสลบสไล จับไข้ไปหลายชั่วโมง หลานแพรวขึ้นไปนอนชั้นสอง เอายาแก้ไข้มาให้เราทาน 2 ชุด แพรวสั่งอาหารนั่งทานอย่างหิวอยู่ชั้นสอง รถไฟนับว่าสะดวกสบาย มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ถ้ามีเงิน แพรวมาบอกภายหลังว่า “อาหารอร่อยมากเลยป้า” พอไข้สร่าง ฟื้นตื่นขึ้นมาพร้อมกำลังเรี่ยวแรงที่หายไปเป็นปลิดทิ้ง เราก็เข้าโรงแรมที่จองกันไว้ แต่พบกับปัญหาที่บังพยายามจะโกงเรา แต่พอโดนเราออกไปพูดภาษาอังกฤษปร๋อแทนหลานแพรวที่ซื่อบื่อ บังตกใจตกตะลึงไม่นึกว่าคนแก่คนนี้จะมีพิษมีภัยภาษาอังกฤษเป็นไฟ เพราะพูดไม่พูดเปล่า ด่าเลย แล้วขอยกเลิกทุกอย่าง ยอมจ่ายเงินกินเปล่าเนื่องจากรถไฟดีเล ซึ่งเราก็แจ้งมาทางโรงแรมแล้ว บังยังจะให้ออกเงินชดใช้คืนที่เรามาไม่ทันเพราะรถไฟล่าช้าด้วย เราตกลง บอกเราจะจ่ายคืนนั้นให้เปล่าๆ ฟรีๆ แล้วเราสองคนจะไปหาโรงแรมอื่น ซึ่งแถวนี้เยอะมาก เอาเงินกินเปล่าของยูไป กับไอยอมรับว่ามันน่าเกลียดมาก ไอเดินทางมาทั่วโลกมีโรงแรมยูนี่ทำน่าเกลียดที่สุด  บังตกใจขอยกเลิกเงินกินเปล่าขอให้ไปดูห้องก่อน พวกเราไม่ฟังเดินจากมา เอาของมาวางหน้าโรงแรม พนักงานของอีกโรงแรม พากันมาช่วยหอบกระเป๋าของเราเข้าที่พัก  เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า มิตรในยามยาก บังไม่ใช่จะไร้น้ำใจกันทุกคน คนดีๆก็มีเหลืออยู่ เมนุสขอให้พวกเรากลับไปหาเขาอีก

ธรรม ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม … นั่นคือสัจธรรม

พลิกตำนาน …ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ กำลังจะออกเป็นรูปเล่ม จากปากคำบอกเล่าของหลวงปู่ทวดที่เมตตาเราอย่างสูง หลวงปู่ …เปิดเผยว่า เกิดอะไรขึ้นกับสามเณร คนที่ถือดอกมณฑาสวรรค์มาหาหลวงปู่ ร่างกายขันธ์ของทั้ง 2   อยู่ที่ไหน และพระองค์ที่ไปปรากฏที่มาเลเซียนั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่ ที่ว่าหามร่างท่านไปน้ำเลือดน้ำหนองหยดที่ไหนให้ปักหมุดตรงนั้น ร่างนั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่?  หลวงปู่ถอนแล้ววิธีถอนทำอย่างไร? คือไม่อยู่แล้วไม่ปรารถนาพุทธภูมิแล้ว …จะถูกนำมาถ่ายทอด ทุกคำสนทนากับเรา โดยแบ่งเล่มนี้เป็น 3 หมวด