ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 42

ย้อนกลับไปในอดีต สมัยรุ่นราวคราว ปู่  ย่า ตา ทวด ซึ่งจัดเป็นบรรพชนของพวกเรานั้น  เป็นสมัยที่ทรัพยากรธรรมชาติ ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่า คนสมัยนั้น ถูกความจำเป็นให้ต้องเข้าป่าเพื่อหาเลี้ยงชีพ ทั้งหาที่ทำกิน ทำสวนไร่ ไถ่นา หาของป่าสัตว์ป่ามายาไส้ ที่ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ถึงกับหาของป่า มาแลกกับสิ้นค้าอย่างอื่น บ้างก็หามาแลกกับเงิน หนักข้อเข้าก็บุกร้างถางป่าเพื่อเอามาเป็นที่ทำกิน ปลูกข้าวโพด มัน พริก มะกรูด มะนาว  แต่โค่นไม้ราคาหลักล้านเพื่อมาปลูกผักราคาหลักร้อย  ครั้นทำสวนครัวกันได้แค่ 2 ปี ดินหมดสภาพกลายเป็นทราย พวกเขาก็ย้ายไปโค่นป่าตัดถางป่า หาที่ทำกินที่ใหม่ทุกๆ 2 ปี ป่าไม้เมืองไทยที่เคยมีความอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้น ดกดื่นไปด้วยสัตว์ป่า ทุกพันธุ์ พากันหดหายตายจาก บ้างก็สูญพันธุ์ไปเลยก็มี

ชาวบ้านพวกนี้ ขาดสามัญสำนึก ขาดความเข้าใจ คงรักษาประเพณีการถางป่า หาของป่า มาเลี้ยงชีพสืบทอดต่อกันมา จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ป่าที่จัดเป็นทรัพยากรสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดิน จวนหมดประเทศแล้ว …. ของป่าที่เขาหามาตั้งแต่รากเหง้าของพื้นดินขึ้น ไปสูงสุดจรดยอดไม้  เช่น หน่อไม้ เห็ด เผือก มัน  นก กา กุ้ง หอย ปู ปลา กบ ตะขาบ ลองไน เขียด แม้กระทั่ง งู กระต่าย แย้ ตัวเงินตัวทอง หนู  กระจง หมูป่า เก้ง กระทิง ช้าง เสือ วัวแดง เท่าที่ปืนแก๊ปสมัยนั้นจะพาล่าหามาได้ ยิ่งปืนทันสมัยมากแค่ไหน สัตว์ป่าก็ยิ่งล้มหายตายจากหมดไปเร็วเท่านั้น   ไปจนถึงรังผึ้ง โดยเฉพาะรังผึ้งมีราคาแพงมาก การตีผึ้งต้องใช้คาถาอาคม  เพราะยิ่งป่าดงดิบสมบูรณ์ ชุ่มชื้น จนแสงเดือนแสงตะวันส่องไม่ถึงพื้นดิน ได้เท่าไหร่ อาถรรพ์ของป่ายิ่งแรงมากแค่นั้น คนสมัยก่อนเขาจึงมีวิชาอาคมกัน ซึ่งได้นำความรู้พวกคุณไสย หรือไสยดำเหล่านี้ มาหาเลี้ยงชีพ  เพื่อป้องกันผีป่านางไม้ บ้างก็นำมาใช้ในทางเบียดเบียน แก่งแย่งกันเอง ….. ป่าสมัยก่อนได้บรรจุความลี้ลับของหลายภพหลายภูมิ แค่คำว่า ผี ผีป่า นางไม้ ผีบังบด ผีโปร่ง ผีกระสือ ผีโพลง ผีกองกอย   แม้กระทั่งนาค และนางตานี  ไม่รวมวิญญาณของชาวบ้านที่ถูกงูกัดบ้าง เป็นไข้ป่าตายบ้าง เสือขบบ้าง  พรานป่า ที่ถูกสัตว์กัดตายบ้าง กระทั่งพระธุดงค์ ที่เอาชีวิตมาทิ้งไว้ในป่าบ้าง วิญญาณยังติดอยู่ที่นั่น อีกมากมาก  ดังนั้นพรานป่า กับพระธุดงค์ จะได้สัมผัสกับสิ่งลี้ลับในป่ามากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ยังนำมาเล่าเป็นตำนานสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ ที่ชาวบ้านป่า พรานป่า และพระป่า กลัวกันมากที่สุดในป่านั้น  คือ เสือสมิง …. หากจะมีใครสักคนย้อนถามมาว่า จานวาเมาหรือบ้า …. หรือไปดูดกัญชาที่ไหนมาก่อนเขียนต้นฉบับนี้หรือเปล่า? ….รอจังหวะ ให้หนังสือหลวงปู่ทวด ที่เราหาฤกษ์ จะตีพิมพ์คลอดออกมาก่อน อย่าแปลกใจ เพราะหลวงปู่ทวดได้เล่าเรื่องเสือสมิงให้เราฟัง กับเสือสมิงได้อยู่ในหนังสือพลิกตำนานของหลวงปู่ทวดนี้ด้วย …. หากว่าเสือสมิงไม่มีจริง หลวงปู่ทวด ก็ไม่มีจริงด้วย เพราะเสือสมิงนี่แหละที่ทำแสบ …. แล้วหลวงปู่จะลืมเหตุการณ์ ครั้งนั้นได้อย่างไร ?

นั่งห้าง

ผึ้งฝาก เป็นเรื่อง ของพรานป่า  2 คน ที่ไปทำผิดป่า จนเกิดเป็นเรื่องราวขึ้นมาเพราะคนที่จะเข้าป่า โดยเฉพาะพรานป่าที่จะไปล่าสัตว์แล้ว เขาจะเคร่งกันมาก เช่นถ้าตั้งใจจะออกไปตีผึ้ง วันนั้นต้องรักษาสัจจะ จะพูดจาหยาบคายไม่ได้  จะจับสัตว์อื่นระหว่างเดินทางเข้าป่าก็ไม่ได้ เช่นกัน พรานที่จะนั่งห้างเพื่อยิงสัตว์ใหญ่  เช่น วัวแดง กระทิง หรือเสือ เขาห้ามนั่งห้างร้างเด็ดขาด  ห้างร้างนี้แรงมาก เพราะผู้ที่นั่งห้างคนก่อนอาจจะตายคาห้าง หรือถูกเสือสมิงมาหลอก เรียกลงมาจากห้าง เอาไปกินกันมามากต่อมากแล้วจากการนั่งห้างอันนี้ หากเราไม่รู้ เพราะขี้เกียจที่จะผูกห้างใหม่ เห็นห้างเก่าค้างอยู่ในป่า แค่ไปซ่อมแซม แล้วขึ้นไปนั่ง มีคนโดนมาแล้ว ตกดึกมา ห้างนั้นไหวไปไหวมา เหมือนถูกลมพัด คนที่อยู่ในห้างมืออ่อนตีนอ่อน จะลงมากลางดึกก็ไม่ได้ ทั้งที่ไม่มีลมมาจากทิศใด อากาศอ้าว ใบไม้ไม่มีกระดิก แต่เขา 2 คนกลับหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ เมื่อห้างแกว่งไปแก่วงมาเองอย่างไร้แรงลม ผีป่า เจ้าป่า บางแห่งจะไม่ยอมให้พรานป่าคนไหน มาฆ่าสัตว์ในเขตป่าของเขาเลย ตำนานเช่นนี้มีมากทีเดียว

พราน 2 คนนี้ ได้นัดแนะกัน เนื่องจากมีความจำเป็นต้องซื้อหาสมุด ดินสอ เสื้อผ้า ให้ลูกที่โรงเรียนกำลังจะเปิดเทอม ความจำเป็นมันบีบบังคับ จึงได้นัดกันเข้าไปตีผึ้ง

ผึ้ง… ในอดีต อากาศปราศจากมลภาวะ ป่าอุดมสมบูรณ์ ในสภาพป่าล้อมเมือง ผึ้งหาไม่ยาก น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ป่า ทำให้ได้รังผึ้งที่มีคุณภาพดี   ผึ้งมีสุขภาพแข็งแรง นางพญาผึ้งตัวใหญ่  คุมพรรคพล ทั้งผึ้งแรงงาน ผึ้งวางไข่ได้ตามสารบบ ปัจจุบันเมือได้ล้อมป่า ที่มาพร้อมกับไอพิษ เขม่า จากโรงงาน ความบริสุทธิ์ ของอากาศที่เคยมีกลายเป็นอากาศเป็นพิษ   ผึ้ง รังผึ้ง น้ำผึ้งเริ่มหายาก ถึงต้องทำฟาร์มเลี้ยงผึ้งกันเอง

ต่อตอน 2