ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 91
- กุมภาพันธ์ 15, 2019
- ตอน ถ้ำแก้ว
ตามหมายกำหนดการณ์ในเดือนเมษายน 2019 ปีนี้ คืออีกประมาณเดือนกว่าๆ เรามีแผนการจะพาศิษย์ไปปฏิบัติธรรม กางเต็นท์ นอนกลางป่ากัน การที่จะไปตามรีสอร์ต นั้นจะคิดราคาแบบหน้าเลือดตามราคาของเขาเลย เราจำต้องอาศัยบารมีของตนเอง หาสถานที่ ที่ไม่ซ้ำแบบใคร ไม่วุ่นวายไปด้วยพุทธพาณิชย์ หน้าเลือดเห็นแก่เงินไม่ว่าจะหมุนซ้ายหมุนขวา เป็นเงินทั้งนั้น เนื่องจากในปี 2016 คณะเราเคยไปทำบุญกับชาวเขาแถวเชียงดาว ซึ่งมีชาวเขาเผ่ามูเซอเป็นส่วนมาก การบริจาคทานครั้งนั้นมันมาก จนผู้ใหญ่บ้านวัดบ้านออน ต้องเข้ามาดูแล ผู้ใหญ่บ้านชื่อผู้ใหญ่จรูญ ซึ่งจะเป็นด้วยธรรมจัดสรร หรือการบังเอิญก็แล้วแต่ เพราะเจ้าน้อย หรือสายทอง น้องสาวของผู้ใหญ่บ้านเคยมาดูแลคุณแม่ตอนที่คุณแม่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และที่บ้าน เจ้าน้อยจึงให้ผู้ใหญ่จรูญซึ่งเป็นพี่ชายมาดูแลการทำบุญครั้งนี้ ผู้ใหญ่ยังพาไปปลดวิญญาณ ของอรุณประไพ ซึ่งถูกฆ่าตายในป่าเชียงดาว ผู้ใหญ่จรูญนำรถตนเองมาจากเชียงดาวช่วยขนของบริจาค อันมีเสื้อผ้า ข้าวสาร น้ำ ปลา น้ำตาล วุ้นเส้น ปลากระป่อง มาม่า ของบริจาคกว่า 150 ถุงใหญ่ คณะเราบุกไปถึงที่เลย จบงานนั้นเราได้มอบกล้องส่องทางไกลจากอเมริกาให้ผู้ใหญ่หนึ่งตัวไว้ส่องไฟป่า มาครั้งนี้ เรามองหาสถานที่ ที่จะพาเด็กออกป่าหาที่สัปปายะ จึงนึกถึงคำพูดของผู้ใหญ่จรูญขึ้นมาว่า “มีอะไรเรียกผม” เราจึงบอกความประสงค์ให้ผู้ใหญ่ทราบ แล้วได้นัดวันกันเป็นที่แน่นอนเพื่อให้ผู้ใหญ่พาไปดูสถานที่สัก 2-3 แห่ง

เพราะผู้ใหญ่เป็นคนพื้นที่ กับได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านทุกๆ สมัย จากความเป็นคนซื่อตรง ฉลาดในการปกครองลูกบ้าน ในวันนั้นคณะเราอันมี เรา นิชาวัลย์ สุภานันท์ คุณนาเจ๊นาเป็นเจ้าของอาหารร้านเจที่ขายดีมากเพราะเธอมีฝีมือร้ายกาจ เธอเป็นสายพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ถูกส่งมาให้เรา อดีตเคยมีครูบาอาจารย์ทั้งชุดขาวชุดเหลืองมานานกว่า 10 ปี แต่กลายเป็นมารศาสนา หลอกใช้เธอ แถมที่ร้านโดนของคุณไสย คุณสุภานันท์ไปทานอาหารร้านเธอประจำเลยเรียกเธอมากราบเราที่บ้านบุญรักษา แค่ตัวเธอย่างเข้าบ้านบุญรักษาฟังธรรมจากเรา ร้านเธอโล่งเลย พวกวิญญาณต่างๆ หนีกันกระเจิงโดยที่เรายังไม่ได้ย่างก้าวไปที่ร้านด้วยซ้ำ
จากนั้นคุณนา ตื่น ทิ้งครูอาจารย์ชุดเก่าหมด บอกหนูอยู่กับพวกเขามากว่าสิบปี ไม่เคยสอนธรรมหนูสักคำ มาบ้านอาจารย์ฟังจานสอนชั่วโมงเดียวหนูสว่าง หนูตื่นแล้ว ร้านเธอกลับมาสภาพปกติ จากนั้นเธอเลยตามเจ้าปุ้ม หรือสุภานันท์แจ เพราะเราไปไหนเจ้าปุ้มไปด้วยหมด วันนั้นคณะเรา 4 คนที่พากันไปสถานที่ เพราะไม่ทันตั้งตัว ผู้ใหญ่ไม่บอกล่วงหน้าสักคำว่ามีถ้ำด้วย พวกเราจึงเข้าป่ากันแบบทุลักทุเล แต่คุณนา ดีใจมากที่ได้ลุย ป่าเขา เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ
ภาพแรกเป็นป่าที่จะต้องพากันเดินแถวเพื่อเข้าถ้ำ ผู้ใหญ่จรูญ กล่าวว่า ถ้ำนี้ผมเพิ่งมาเห็น ผมอยู่ป่าแถวนี้มากว่า 30 ปี ไม่เคยรู้ว่ามีถ้ำอยู่ตรงนี้ พวกลูกบ้านเขามาพบ เขาบอกมีตุ๊เจ้ามาปักกลดอยู่ในถ้ำ กับบริเวณนี้มีถ้ำ อยู่ 8 ถ้ำ รวมถ้ำที่อรุณประไพถูกฆ่า เพราะป่าอันรกชัฏมันปกปิดถ้ำไว้ จะมีก็แต่พระป่าเท่านั้นจึงจะหาถ้ำเจอ
เมื่อพูดถึงถ้ำ มันไม่ใช่ถ้ำอย่างที่เราคิดวาดภาพกันคือ อยู่บนเขาบ้าง ชะง่อนผาบ้าง อะไรทำนองนั้น แต่นี่อยู่ใต้ดิน คือเดินๆ เข้าไปทางมันลาดต่ำลงๆ จนเกือบจะ 45 องศา ลาดลงไปพื้นดินก็เป็นดินทรายร่วนที่ชวนให้ลื่นไถลกลิ้งลงไปได้


อย่างง่ายๆ อาศัยต้นไม้ที่ขึ้น เป็นที่เกาะเกี่ยวจากต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่งเหมือนโหนต้นไม้ ผวาจากลำต้นหนึ่งลงไปอีกลำต้นหนึ่ง บางต้นก็เล็กจนแทบจะใช้ยึดเหนี่ยวเกี่ยวเกาะไม่ได้เลย หนทางโหดมาก กว่าพวกเราทุกคนจะลงมาทางเข้าปากถ้ำ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดิน เล่นเอาสาวปุ้มคนขับรถมีปัญหา ดาวขึ้นระยิบระยับ ชวนหน้ามืดจะเป็นลมเอา เพราะตั้งตัวกับงานนี้ไม่ทัน
ถ้ำแห่งนี้ มีหินยอกหินย้อย ที่มีลักษณะที่แปลกไม่เหมือนที่ไหน มันเหมือนซากกระดูกสัตว์ หรือฟอสซิล ผู้ใหญ่กล่าวว่าไม่เคยมีใครเห็น ยังไม่เปิดเผย กับถ้ำนี้จะทะลุไปถึงกันหมดจนถ้ำเชียงดาว
“ดีแล้วไม่ต้องเปิดเผย เดี๋ยวพวกนักท่องเที่ยวเข้ามา พร้อมกับความฉิบหาย” เราบอกผู้ใหญ่ ป่าก็กลายสภาพเป็นป่าคอนกรีต
เมื่อพวกเราพากันเดินเข้าในถ้ำ พบความกว้างขวาง แต่รกเกะกะไปด้วยโครกหิน น้อยใหญ่ เบื้องซ้ายมือของทางเข้าถ้ำ มีลานดินกว้างยาวไม่เกิน 3 เมตร ที่พระท่านเคยใช้ปักกลด มีรอยกองไฟที่ท่านจุด ที่ผ่านมานานนับเดือน นอกนั้นหาบริเวณพื้นดินหรือหินที่ราบ โล่งอีกไม่ได้เลย ทางแยกลึกลงไปมีทางเดินต่อทั้งซ้าย และขวามือ แต่ถูกบดบังไปด้วยความมืด คณะเราไม่มีใครเตรียมไฟฉายมากันเลย พรานนำทางของผู้ใหญ่ชี้ให้ดูมูลค้างคาวที่อยู่อาศัยอยู่ในถ้ำ


ภาพที่นำมาลงเป็นเพียงปากทางเข้า ส่วนภาพภายในเราถ่ายวิดิโอไม่สามารถนำมาลงได้ เมื่อลองสงบจิตถามที่มาของถ้ำและพุทธคุณดู ท่านแนะนำว่าอย่าเลือกถ้ำนี้
เพราะถ้ำนี้เป็นไปด้วยผู้ทรงศีลจากต่างภพต่างภูมิ และหลายภพหลายภูมิด้วยกัน ไม่เหมาะที่จะมาปฏิบัติ ลำพังตัวเจ้าเองไม่มีปัญหา ลึกเข้าไปในถ้ำทั้งซ้ายขวา ยังเป็นถิ่นของนาค มีแก้วนาคา ทรัพย์สมบัติโบราณ ซุกซ่อนอยู่ภายใน คณะเราต้องลำบากแน่ เรื่องห้องน้ำห้องท่าก็ไม่สะดวก พวกเราจึงเก็บความประทับใจ กับพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่สัมผัสกันได้ การเดินลง ขึ้นถ้ำ ก็ไม่มีใครบาดเจ็บ
หรือหกล้มแต่ประการใด จึงจำใจจากถ้ำนี้มา กับกรวดน้ำให้กับวิญญาณต่างภพต่างภูมิทั้งมวลก่อนจะจากเขามา
ขอถ้ำแก้วแห่งนี้จงปิดตัวตายอย่าให้ใครได้มาเจอะเจออีกเลย นอกจากผู้ทรงศีล เช่นพระป่าเท่านั้น …สาธุ