คือก่อนเดินทางไปออสเตรเลีย เราเพิ่งกลับมายังหายใจไม่ทั่วท้อง เหนื่อยแทบขาดใจ แต่จำยอมต้องเปิด ทั้งๆ ที่ตั้งใจมาแค่ทำธุระเรื่องหนังสือเพียงอย่างเดียว ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเพื่อหลวงปู่ จึงขอต่อรองว่าเป็นคลาส 5 วันแทน 7 วันคงไม่ไหวแน่ ในคลาส 5 วันนี้ น้องมาย อายุประมาน 35 ปี ผู้ซึ่งเคยมาคลาส แรกเมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่หาดใหญ่มาแล้ว เธอติดใจขอเอาน้องสาวมาเข้าคลาสด้วย เธอไลน์บอกเราล่วงหน้าตั้งแต่เรายังอยู่ที่เชียงใหม่  “ น้องสาวหนู โดนของจะมีอาการแปลกๆ นะจาน จานทำใจไว้ก่อน ” ขอบอกก่อนว่า น้องมาย เป็นลูกสาวนักธุรกิจที่ใหญ่มากคนหนึ่งในหาดใหญ่   เราอนุญาต แต่มั่นใจว่าคงช่วยไม่ได้ ถ้ามันเกี่ยวกับเรื่องความรัก หรือมีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเกี่ยวข้อง เพราะเราพูดกันถึงแม่ทัพของกิเลส ที่ชื่อว่า “ ราคะ ” เมื่อไปถึงหาดใหญ่เปิดคลาสได้วันแรก น้องมายนำน้องสาวนามสมมติว่า หนูมีน มาเข้าคลาส อายุประมาน 29 ปีแต่ดูอ่อนกว่าวัยมาก หน้าตาน่ารักผิวขาวเหมือนหนูมายพี่สาวแต่อวบกว่า เธอใสซื่อบริสุทธิ์มาก มีอาการมักพูดอะไรเหมือนตัวการ์ตูนออกมา จนคนทั้งคลาสจับสังเกตได้ขณะที่เราแสดงธรรมกันอยู่ จนนักเรียนทุกคนในคลาสต่างมีความสงสารเห็นใจเธอมากกว่าที่จะมองเห็นว่าเธอมารบกวนคลาส  เราให้เธอมานั่งเบื้องหน้าเราเลย สังเกตเห็นได้ไม่ยากว่าเธอพยายามสำรวมอย่างที่สุด แม้กระนั้น ยังมีเสียงประหลาดๆ ออกมาจากลำคอผ่านริมฝีปากของหนูมีน เป็นระยะๆ  เราจับได้ชั่วแวบแรกเลยว่า วิญญาณของเด็กที่อายุไม่เกินหนึ่งขวบ เกาะติดอยู่กับเธอ เราได้คำตอบเลยว่า โปรดไม่ได้ ช่วยไม่ได้ เพราะถ้าเป็นวิญญาณของผู้ใหญ่ เราพอจะพูดคุยตกลงกันได้ ซึ่งเราเคยทำมาหลายครั้งแล้ว วิญญาณเด็ก ยังพูดกันไม่รู้เรื่อง คุยกันไม่ได้ มีแต่ร้องตามประสาเด็ก คิดจะทำอะไรย่อมขาดสติปัญญา การยับยั้ง  เมื่อเลิกคลาสอย่างไรก็ตามหนูมีน เธอยังมีสติ มีความรักดี รักพ่อแม่ อยากจะหลุดพ้นจากฝันร้ายในชีวิตของเธอในครั้งนี้ จึงทำให้หนูมีนมาเข้าคลาสอย่างตั้งใจจนครบ 5 วัน ทุกวันที่มาเข้าคลาสเธอจะมีโทรศัพท์ …. หรือ …. สื่อวางอยู่ข้างๆ ตัว ตาคอยเหลือบดูข่าวสารที่ใครบางคนจะส่งมาตลอดเวลา ….. สิ่งที่เราคาดการณ์ไว้นั้นไม่ผิดเลยมันเกี่ยวกับราคะล้วนๆ

เมื่อจบคลาส ปิดคลาสแล้ว หนูมาย ผู้พี่สาวมาคุยกับเราว่า  “ ชีวิตหนูหายไปเลย เพราะเป็นห่วงน้องสาว เป็นน้องสาวคนเดียวของหนู กับลูกคนเล็กสุดของพ่อแม่ ขณะนี้พ่อตรอมใจมาก ซึ่งพ่อป่วยอยู่แล้ว อยู่โรงพยาบาลมานาน ยังหายไม่ดี สุขภาพทางจิตต้องหดหู่ตามลงมาอีกเพราะ สูญเสียลูกสาวคนเล็กที่เขารักมากที่สุดไป หนูมายเล่าให้ราฟังต่อไปว่า แต่ก่อนน้องมีน เรียนเก่งมากทำเกรดดีตั้งใจเรียน กับพอเรียนจบ มาทำงานกับบริษัทของพ่อที่หาดใหญ่  คือทำงานกับหนู หนูเป็นผู้จัดการใหญ่ดูแลทั้งหมดให้พ่อแม่ มีพนักงานประมาน  5- 6 คน จากนั้น น้องมีนขอไปทำงานที่กรุงเทพฯ น้องมีนเล่าให้หนูฟังว่า เขาพบใครคนหนึ่งซึ่งคุยกันทาง FB  คนๆ นี้เป็นผู้หญิง คุยกันไปคุยกันมาจนถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กัน แล้วย้ายเข้าไปอยู่หอพักด้วยกัน ต่อมาน้องมีนได้พาเพื่อนสาวของเธอมาถึงบ้านที่หาดใหญ่ ได้เห็นกิจการฐานะครอบครัวของพวกเรา หลังจากเพื่อนสาวเธอกลับไปกรุงเทพฯ หนูมีนตามกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯด้วยตามปกติ ท่าทีอาการของหนูมีนเริ่มเปลี่ยนไป มีอาการแปลกๆ ฉุนเฉียวเอาแต่ใจลมพัดลมเพกลางคืนจะมีอาการนั่งพูดคุยกับใครอยู่ทั้งคืน ท้ายสุดพ่อแม่ออกคำสั่งให้ย้ายกลับหาดใหญ่  มาช่วยงานบ้านอยู่กับครอบครัวเพื่อให้อยู่ในสายตา กลายเป็นว่าเมื่อมีจังหวะเวลา หนูมีนจะตะกายเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพบเพื่อนสาวให้ได้ เที่ยวล่าสุดทะเลาะกับเพื่อนสาว ถูกเพื่อนสาวไล่ว่า “ ไปกระโดดตึกตายซะ กับบีบคอเธอ ” แล้วก็ดีกันอีก ทั้งๆ ที่เราบอกว่า เพื่อนเธอเขามีคนอื่นแล้ว ให้เธอเห็นแก่สุขภาพของพ่อที่มีแต่ทรุดลงๆ กับแม่เธอบ้าง เธอกำลังทำบาปหนักกับบุพการีของเธอ กับสงสารพี่มายของเธอด้วย เพราะตัณหาราคะแท้ๆ เธอเข้าใจที่เราพูดหมด แต่ก็ไม่มีใครหรืออะไรมารั้งเธอไม่ให้เข้ากรุงเทพฯ เพื่อพบเพื่อนสาวของเธอได้ แม้ว่าทุกครั้งที่หนูมีนไปกรุงเทพฯ จะโดนแฟนสาวทำร้ายตบตี ทุบ บีบคอ เสือกไสไล่ส่งอย่างไรเธอก็จะไป …. เมื่อมาถึงจุดนี้เราจึงบอกตัดบทกับหนูมายผู้เป็นพี่ ไปเลยว่า ไม่มีใครช่วยหนูมีนได้ เพราะถูกคุณไสยจากแม่ของเพื่อนสาวที่แอบทำใส่ยังไม่พอ แต่มันยังเกี่ยวกับราคะอีกจังๆ คงต้องรอให้เขาหมดวาระเวลาคลายจากกันไปเอง ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 ปีกว่าๆ ขณะนี้เราช่วยอะไรไม่ได้ เสียใจจริงๆ ขณะเดียวกันช่วงนั้นงานยุ่งมาก เรื่องของ ครอบครัวของหนูมายยังไม่ทันจบ อีกรายหนึ่งอยู่ที่ดอยสะเก็ด ขอใช้นามสมมุติว่า คุณกัน  ได้ติดต่อเราเข้ามาซ้อนๆ กันว่า “ หนูอยากถามอาจานว่า หนูกำลังคบกับชายคนหนึ่ง เขาอายุน้อยกว่าหนู หนูพบเขาทาง FB เขาเป็นคนลาว คุยกันมาสักพักหนึ่ง หนูแปลกใจที่หนูหยุดคุยกับเขาไม่ได้ มันผิดสังเกต จนหนูเอะใจ ขอคุย กับอาจานก่อน ถ้าจานบอกหยุด หนูตัดเลย ”

เราใช้จิตกราดแค่วินาทีเดียว จึงบอก คุณกันไปว่า “ หยุด ” เธอหยุดทันที จนวันนี้ที่เขียนต้นฉบับซึ่ง เวลาผ่านไปเกือบเดือนแล้ว เราได้ไลน์ไปถามข่าวคราวเธออีกครั้ง เธอตอบมาว่า หนูไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลยตั้งแต่วันที่จานบอกมา อีกอย่างเขาเด็กเกินไปด้วย …. เราจึงถอนหายใจออกมาได้  คุณกัน อายุเกือบ 50 แล้ว และเพิ่งเสียสามีไปได้ไม่ถึง 6 เดือน อีกทั้งเธอไม่ได้เป็นคนที่สะสวยอะไรเลย  เรื่องนี้เตือนใจกันว่า ในปัจจุบันนี้ข่าวสารที่ผ่านมาจากทางสื่อ มันปนอะไรที่น่ากลัวเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ หรือจากรูปภาพเพียงแค่มอง ใครที่ดวงกำลังตก กับเป็นคนที่ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ หรือจิตอ่อน จะตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ เห็นเป็นตัวอย่างมา 2 คนแล้ว หากมีครูบาอาจารย์ดี ช่วยได้ทันก็พ้นภัย