เมื่อพูดถึงความตายแล้ว ทุกสรรพสัตว์ต่างรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น แม้กระทั่งมดตัวเล็กๆ เมื่อพลัดตกน้ำยังตะกายเพื่อเอาชีวิตรอด  มันเป็นปกติธรรมดาที่ชีวิตใครใครก็รัก ที่จะหยิบยื่นชีวิตตนเองไปตายแทนกันหรือแม้จะรักกันปานจะขาดใจอย่างไร ตำนานที่ว่าตายตกตามกันไปเพราะความรัก ทุกวันนี้หาไม่ได้อีกแล้ว มีคนอยู่ 2 ประเภทที่เขาไม่กลัวความตายเหมือนกับปุถุชนคนธรรมดาๆ ทั่วไป แต่เขาจะกลัวการเกิดแทน  ใช่แล้ว เราพูดถึงอริยะบุคคล 4 เหล่า ที่มีเกิดขึ้นได้เฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น คนทั้ง 4 เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ใช้อะไรเป็นเครื่องวัด คนทั้ง 4 นี้ วัดโดยภูมิจิตภูมิธรรมของท่านที่ปฏิบัติธรรมเท่านั้น ที่จะมีความละเอียด บริสุทธิ์ พร้อมด้วยศีลสมาธิปัญญาไม่เท่ากันตามความเพียรกับฐานเก่า เกิดขึ้นจากผลของการปฏิบัติธรรมเท่านั้น ซึ่งจะต้องแตกฉานทั้งด้านปริยัติ และปฏิบัติ  จึงจะเกิดอาการปฏิเวธขึ้นได้  คือส่งผลต่อผู้ปฏิบัติเฉพาะตัว ให้สัมผัสได้เองทั้งทางกาย และทางใจ ทางใจ เช่นจิตจะชะล้างเอาสิ่งปฏิกูลฆ่ากิเลส และอวิชชาต่างๆ ให้สะอาดบริสุทธิ์จนได้ตัวจิตรู้จิตจะเบิกบานผ่องใส  จนถึงสุขภาพร่างกายดีหมดจากธรรมโอสถ ใบหน้าผ่องใส หน้าที่การงานยกระดับ ทำอะไรสำเร็จหมดจากอานิสงส์ของการปฏิบัติ จะเอาแต่ปริยัติอย่างเดียวล้วนๆ อย่างเช่นสถาบันบางแห่งที่สอนเกี่ยวกับจิตตานุภาพ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วสอนแต่ภาคปริยัติ หาใครที่มีคุณสมบัติทางจิตโดยเฉพาะนั้นเข้ากันไม่ถึง ขึ้นชื่อว่าเป็นครูที่จะตรวจสภาวะจิตของนักเรียนหาครูทำกันได้ยาก พ่อแม่ครูบาอาจารย์มั่น เคยสอนว่า “ ปิดตำรา ๆๆๆ ” ให้ปฏิบัติให้แตกฉานก่อน ประสบการณ์จากการปฏิบัติจะวิ่งมาชนกับปริยัติเองในภายหลัง ซึ่งโชคดีสำหรับเรามากที่เราปฏิบัติอย่างเดียวมาก่อนล้วนๆ ไม่เคยมีภาคปริยัติ ทฤษฏีอะไรมาก่อนเลย ตั้งแต่สมัยอยู่อเมริกาไม่มีครูหรือใครที่ไหนมาสอน จนหลวงปู่มั่นเข้ามาสอนทางนิมิตจึงแจ้งเกิดขึ้นมาได้ ตอนนั้น คำว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เรามาเรียนรู้ เอาหลังจากที่ได้ อภิญญา  หูตาทิพย์ สมัยอยู่อเมริกา พอย้ายกลับไทยจึงมาเริ่มภาคปริยัติ โดย 3 คำแรกที่มาก่อนเพื่อนคือ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จากนั้นจึงค่อยๆ ไต่เต้าทำความเข้าใจปริยัติที่ละขั้นตอน จึงถึงบางอ้อ เพราะสัมผัสมาหมดแล้วจากการปฏิบัติ ที่เริ่มฝึกปรือมาเองอย่างผิดๆ ถูกๆ  เมื่อชำนาญเราสามารถจะแยกอริยะบุคคล 4  จากผลของการปฏิบัติ โดยตรวจสภาวะจิตของเขา ดูชีวิตความเป็นอยู่กับผลงานของเขา ซึ่งส่วนมากแล้วคนที่อยู่บนทางแห่งมรรคผลนิพพาน จะเดินตามข้อปริยัติ ที่เรียกกันว่า สังโยชน์ 10 ต้องใช้ความเพียรพยายามกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ตัดสังโยชน์ ทีละข้อๆ ให้ขาด ซึ่งสังโยชน์ หมายถึงเครื่องหน่วงเหนี่ยวร้อยรัดพันธนาการให้เราไม่หลุดจากการเวียนว่ายตายเกิด ทำให้จิตวิญญาณเราต้องท่องเที่ยวไปในวัฏสงสารอันยาวไกลประมาณมิได้

กลับเข้าเรื่อง ข้อต่อรองกันต่อ แฟนบทความของเราทั้งทางหน้าเว็ปไซต์ และในอเมริกาต่างรู้กันดีว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติ การปฏิบัติของเราถึงขั้นพระคุณเจ้าเบื้องบนในอีกภพภูมิหนึ่งต่างมาอนุโมทนาบุญบ้าง มาสนทนาธรรมบ้าง มาตอบคำถามบ้าง ส่งบททดสอบเข้ามาให้หลายรูปแบบ ซึ่งบางทีมาทางร่างผ่าน บางทีทางนิมิต บางทีสื่อตรงเลยจากจิตเราเอง ผลจากการปฏิบัติของเราถึงขนาดส่งร่างที่ 2 ออกไปช่วยเหลือลูกศิษย์ที่อยู่ห่างไกลกันคนละซีกโลกได้

ของแถมอีกอย่างซึ่งจะได้มาจากผลของการปฏิบัติ คือการให้หวย ซึ่งเราไม่ทราบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ในอดีตนั้น สมเด็จโต พรหมรังสี พระคุณเจ้าเป็นหนึ่งเลยเรื่องคาถาอาคม ใบ้หวย ก ข ค ในอดีตหลวงปู่ ได้ของแถมจากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบให้ดูเป็นตัวอย่างมาแล้ว ว่ามันเกิดขึ้นได้จริงๆ ซึ่งเรามั่นใจว่า หากพระคุณเจ้ายังมีชีวิตตัวเป็นๆ อยู่ให้กราบนิมนต์ หลวงปู่โต มาอธิบายว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ที่หวยออกมาตรงตามนั้น พระคุณเจ้าก็คงอธิบายไม่ได้นอกจากจะบอกว่า ไปสัมผัสกันด้วยตนเอง คือปฏิบัติกันให้ถึงแก่นเถิดแล้วจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ประสบการณ์นี้มันได้เกิดขึ้นกับเราซึ่งเจริญรอยตามคำสั่งสอนของพระตถาคตอย่างสม่ำเสมอ รักษาศีลอย่างบริสุทธิ์ มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองอย่างเคร่งครัด ของแถมเรื่องการใบ้หวยได้จริงๆ ก็ตามมาตั้งแต่ปี 2007 – 2014 ในเวลานี้เราได้ทำให้คนถูกหวยทั้งทางตรงทางอ้อมมาหลายคน คือบางทีเราส่งอีเมล์หา มีตัวเลขอะไรก็ตามที่ติดไปกับอีเมล์เราสมัยนั้น เขาเอาไปแทงหวย มันถูกจริงๆ บางทีนั่งรถกับเขา ทะเบียนรถคันหน้าคันที่เรานั่งไปด้วย ลูกศิษย์คนขับรถ ขอเรา บอกเลขข้างหน้าสวย หนูจะแทง อีก 10 นาที หวยออก จานให้หนูถูกนะ ถ้าถูกเรามาแบ่งกัน มันออกจริงๆ เธอเอาเงินมาแบ่งเรา ต่อมาภายหลังเลขหวย มันออกมาจากปากเราเลย ถูกด้วย และหนักข้อขึ้นทุกวันคือสามารถ ให้ได้ทั้ง 3 ตัวบน  2 ตัวล่างในงวดเดียวกัน พอเห็นเช่นนี้ชักไม่ไหวละ เมื่อกลับมาเมืองไทย ปี 2010 ก็ยังให้หวยคนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวถูกอีก จากนั้นตั้งใจจะเลิกจึงอธิษฐานจิตยกเลิกในปี 2014  ต่อมาอีก 2 ปีให้หลัง เกิดฝืดเคืองเรื่องปัจจัย พอดีช่วงนั้นพระคุณเจ้าหลายพระองค์ลงมาคุยด้วยผ่านทางร่าง

วันนั้นโชคดีมากที่ได้คุยกับองค์สมเด็จเองเลย จึงกราบเรียนถามพระคุณเจ้าว่า

“ ถ้าขอให้กลับมาให้หวยได้อีกอย่างเดิม จะทำได้ไหมเจ้าคะ? ” “ ได้ เอาไหมล่ะ ข้าจะให้เจ้าถูกทุกงวดเลย แต่เจ้าจะไม่ได้นิพพาน ” พอได้ยินคำนี้ เราตาสว่างเลย เพราะสิ่งที่เรากลัวที่สุดคือ การเกิด กับความทุกข์ เกิดมาเพื่อทุกข์อีก การดำรงชีวิตอยู่ของหมู่เวไนยสัตว์นั้นมันทุกข์ พอได้ยินพระคุณเจ้าต่อรองมาด้วยข้อเสนออย่างนี้ จานวาจ๋อยเลย พระอริยะบุคคลหลัก 2 เหล่า คือพระอนาคามี กับพระอรหันต์ ท่านจะไม่กลัวความตาย ตายเมื่อไหร่ท่านตายได้เลยเพราะวางขันธ์กันได้แล้ว แต่ที่กลัวที่สุดคือการได้มาเกิดอีก นี่คือเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ 5 ปีแล้ว สมเด็จท่านยังกล่าวเป็นปริศนาธรรมที่ลึกซึ้งให้เราขบคิดอีกว่า “ แต่เจ้าสามารถยกคุณสมบัติข้อนี้ของเจ้าส่งผ่านให้ศิษย์คนใดคนหนึ่งของเจ้าได้ ” คือให้ศิษย์คนนั้นมีคุณสมบัติในการให้หวยได้ ซึ่งก็เป็นกับดักและตัวทดสอบอีกเช่นกัน เท่ากับหยิบยื่นความโลภความหลงให้แก่ศิษย์เราคนนั้นนั่นเอง ในปัจจุบันนี้ เรื่องหวยเบอร์จึงตัดออกไปหมด กับทำกันได้จริงๆ สำหรับนักปฏิบัติธรรม ขอยืนยัน   แต่อย่าไปยึด