ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 45
- กรกฎาคม 26, 2018
- ตอน พระนางอุบลวรรณาเถรี พระภิกษุณี พระพุทธสาวก ผู้เลิศด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
สมัยที่เราใช้ชีวิตอยู่อเมริกา มีโอกาสได้ใช้ชีวิอยู่ในหลายมลรัฐมาก เริ่มที่มลรัฐ โอคราโฮมา แคนซัส เท็กซัส มิสซูรี่ จนท้ายสุด ที่แคลิฟอร์เนีย เพราะลูกศิษย์ลูกหาเหมือนโรคระบาด แพร่ไปทุกรัฐ จึงได้รู้ด้วยตนเองว่าแคลิฟอร์เนีย มีคนไทยอยู่มากที่สุดเปรียบเสมือน อู่ข้าวอู่น้ำ ถ้ารู้จักการทำมาหากินอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยใช้หลักเมตตาธรรม พระอรหันต์ธาตุของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์มั่น ภูริทัตโตได้เสด็จมาหาเราครั้งแรก ที่แคลิฟอร์เนีย ใครเล่าจะลืมได้ รัฐนี้อุดมสมบูรณ์ สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้การปฏิบัติก้าวหน้า หน้าที่การงานมีแต่ขึ้น สามารถเลี้ยงตัวคนเดียวให้รอดอย่างสบายๆ งานก็ไม่เหนื่อย เช่า อพาร์ทเมนท์ หนึ่งห้องนอนอยู่กว้างขวาง ผิดกับที่ออสเตรเลียหน้ามือเป็นหลังมือ ขณะนั้นตรงกับปี 2008 เป็นปีที่มีพระอรหันต์ธาตุเสด็จมายังที่พัก จากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากที่สุด ได้มีโอกาสรู้จักกับคุณ อารยะ หวังทวีวิทย์ ซึ่งเราเรียกท่านว่า คุณน้า ท่านได้สอนการดูพระธาตุกับความรู้เรื่องพระธาตุอย่างมากมาย ถ่ายทอดให้เราหมดกับ เรามีโอกาสช่วยท่านพิมพ์ หนังสือพุทธมหัศจรรย์ 3 เล่ม หนึ่งเล่มช่วยส่งออกตามที่ท่านให้รายชื่อและที่อยู่ไว้
ได้ไปมาหาสู่เยี่ยมคุณน้า กับ คุณสมบูรณ์ ภรรยาของคุณน้าบ่อยมาก
จนมีอยู่วันหนึ่งเราได้ไปหาคุณน้าอีก เพื่อนำพระอัฐิธาตุไปให้คุณน้าดู พระอัฐิธาตุนี้เพิ่งเสด็จมาที่ ที่พักของเราเมื่อเช้ามืด ถึง 3 องค์ ปรากฏว่า “นี่อัฐิของหลวงปู่ทวดนี่ หนู นี่สิ…!!!! มันต้องได้อย่างนี้ แล้วองค์ก่อนไปไหนล่ะ?” “เรื่องมันยาวคุณน้า” วันนั้นคุณน้าได้ให้เราชมพระอัฐิธาตุของใครคนหนึ่งแล้วบอกว่า “น้าจะแบ่งให้หนูองค์หนึ่งนะ” ขณะที่คุณน้าใช้ที่ตักอันเล็กๆ ตักอัฐิธาตุ วางลงในตลับที่จะให้เรา คุณน้าต้องอุทานขึ้นมาว่า “นี่ ดูสิๆ ท่านเสด็จมาเพิ่มเองอีกหนึ่งองค์เดี๋ยวนี้เลย ในตลับของหนู รวมกับที่น้าให้อีกหนึ่งองค์… เป็น 2 องค์ มหัศจรรย์มาก… ท่านอยากไปอยู่กับหนูนะ” “อัฐิธาตุของใคร คุณน้า” “พระนางอุบลวรรณาเถรี” แค่ได้ยินชื่อของพระนางโดนใจมาก จึงไปค้นหาประวัติของท่านมาอ่าน ปัจจุบันนี้พระอัฐิธาตุของแม่นาง ทั้งสององค์ หายไปจากตู้พระธาตุ อย่างไม่มีร่องรอย หายมานานหลายปีแล้ว จนในปี 2018 ภายหลัง จึงรู้สาเหตุ เพราะในปี 2018 วันที่ 15 มีนาคม ( 10 ปี พอดีจากวันที่ได้อัฐิแม่นางมาโดยประมาณ ) ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระนาง เพราะพระนางเองก็คงคอยจังหวะเวลา หาโอกาสมาอนุโมทนาบุญกับเรา กับขอเราในบางสิ่งบางอย่างเป็นการส่วนตัว ซึ่งเราถือว่าเป็นเรื่องเล็กมาก แต่มันมีความหมายยิ่งใหญ่มากสำหรับพระนาง เราจะนำมาเปิดเผยให้หมดในบทนี้ อานิสงค์ใดๆที่จะได้จากการเขียนบทความนี้ ยกให้แม่นางทั้งหมด เพราะแม่นางขอให้เอาเรื่องของแม่นางมาเปิดเผยเพื่อเป็นวิทยาทาน… บุญวาสนาบารมีนั้นแข่งกันไม่ได้ …ไม่ได้จริงๆ ที่จะได้สนทนาธรรมกับแม่นาง… มีไม่กี่คน เพราะพระนางไม่ใช่ธรรมดา พระนางเลือกคนที่ไม่ใช่ธรรมดาเช่นกัน
เราจะเล่าให้ฟัง… พอกลับมาเมืองไทย เราก็หาบ้าน หารถ เงินสด ดั่งที่ตั้งใจ จะได้หมดห่วง เวลาที่เหลือเราก็เดินสายโปรดเวไนยสัตว์ และเปิดคลาสมาธิ ทั้งในออสเตรเลีย ไทย เชียงใหม่ อเมริกา หารู้ตัวไม่ว่าแต่ละคลาส มันโดนใจหลวงปู่หลวงตา พระตถาคต พระโพธิ์สัตว์ แน่นอนแม่นางอุบลวรรณาเถรี ท่านตามเราทุกคลาสเช่นกัน จนความสำเร็จเราสุกงอม บารมีเต็มขั้น หลวงปู่หลวงตา ก็สับเปลี่ยนกันลงมาสั่งสอน แนะนำ อบรม ตำหนิ ว่ากันตามเนื้อผ้า พูดง่ายๆ ว่าจานวา เป็นสุนัขรับใช้ ทาสผู้ซื่อสัตย์ ทำงานให้เบื้องบน… เพราะเข้าตากรรมการ พระคุณเจ้าทั้งมวลจับตาดูจานวา ตั้งแต่ ปี 2000-2018 ก็ยังหาข้อมลทิน ข้อตำหนิผิดพลาดใดๆไม่ได้ เทพไท้เทวา หลวงปู่หลวงตา นาคาทุกภพทุกภูมิ พากันเข้ามาในชีวิตไม่ซ้ำหน้าในช่วงเวลาเหล่านี้ แถมพากันจัดบททดสอบกันอย่างสนุกสนาน เป็นปริศนาธรรม ทั้งในประเทศนอกประเทศ อเมริกา ออสเตรเลีย ในคลาสสมาธิ ปริศนาธรรมแต่ละครั้ง ไม่มีมนุษย์หน้าไหนจะผ่านได้… แต่จานวา สอบผ่านหมด… จนมาครั้งสุดท้าย ในคลาสสุดท้ายที่เพิ่งปิดไป 10-16 มีนาคม 2018 หลวงปู่มั่นบอกว่า “เอ็งเกือบตก คาบเส้นห้อยร่องแร่งยังไม่ขึ้น” ได้ฟังแค่นี้เราฝ่อ หยุดเปิดคลาส ขอพักระยะยาว ตั้งสติก่อน หลายๆ คลาสที่เปิดเราจะพูดถึงพระนางอุบลวรรณาเถรี แน่นอน พระนางฟังอยู่ด้วยตลอด
ในสมัยพุทธกาลประเทศ อินเดีย กษัตริย์ เมืองหนึ่ง มีพระธิดาพระองค์เดียวเป็นทายาท มีนามว่า อุบลวรรณาเถรี เพราะแม่นางมีผิวพรรณหมดจด ผุดผ่องดังกลีบในของดอกบัว ใบหน้าก็งดงามหมดจด รวมกริยาท่าทางสำรวมอ่อนน้อมมาแต่เยาว์วัย การเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนว่าง่าย คงจะมีส่วนได้ช่วยทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาเมื่อเติบใหญ่ทางใดทางหนึ่งอย่างแน่นอน ชื่อเสียงเกียรติประวัติความดีความสวยของแม่นางมี แต่จะขึ้นแพร่ไปไกลตามกาลเวลา ยิ่งพระนางเติบใหญ่มา มีแต่จะทวีความสะพรั่งของไม้แรกงามขึ้นตามตัว มีหรือจะเล็ดลอดไปจากสายตาของเหล่ากษัตริย์บ้านใกล้เรือนเคียง ที่มีราชโอรสที่ต่างก็อยากได้แม่นางมาเป็นสะใภ้ ต่างหมายตากันไว้ ด้วยความมุ่งมั่นปรารถนา เพราะแม่นางงามจริงๆ งามทั้งภายนอกและภายใน
ท้ายสุดพอพระนางอายุได้ 16 ปี กษัตริย์จากเมืองรายรอบ เพื่อนบ้านต่างยกทัพพากันมาสู่ขอแม่นางพร้อมเพรียงกันอย่างกับนัดแนะกันไว้… แล้วใครเล่าจะตัดสินใจได้ สงครามมิเกิด หรือถ้าแม่นางฝักใฝ่ในกามอารมณ์ มีความกำหนัดยินดีในทางโลก เลือกไปกับราชโอรสของเมืองใดเมืองหนึ่ง ชีวิตเลือดเนื้อของประชากร ผู้บริสุทธิ์จะต้องเสียไปกี่ชีวิต… คิดได้ดังนี้พระนางจึงตัดสินใจปลงพระเกศา ออกบวชเป็นพระภิกษุณีในสำนักของพระตถาคต นับแต่วันนั้นมาเป็นการจบกันไป
เมื่อมาดูการตัดสินใจของพระนาง มันบ่งบอกถึงฐานเก่า ที่สั่งสมมาอย่างมาก บ่งบอกถึงความเสียสละเพื่อหลีกเลี่ยงการสงคราม รักษาความสงบสุขของพระบิดามารดา ประชากรเอาไว้ ที่สำคัญ ปฏิปทาความเด็ดเดี่ยวมั่นคงของจิตใจมุ่งมั่น ในมรรค ผล นิพพาน สานต่อให้ถึงฝั่งในชาตินั้น จากนั้นแม่นางก็ปลีกตัวหาที่สัปปายะ บำเพ็ญเพียรสร้างบารมีในป่าเขาตามลำพังอย่างมีความสุข …กระท่อมที่แม่นางอยู่ในป่าตามลำพัง วันหนึ่งมีอมนุษย์ ( แม่นางใช้คำนี้ คือสัตว์ในร่างคน ) นามว่า นันทมานพ ซึ่งก็เป็นหลานชายของแม่นางเอง แอบเข้ามารอในกระท่อมในขณะที่แม่นางออกไปหาผลหมากรากไม้ในป่าตามลำพัง เมื่อแม่นางกลับมาได้ใช้กำลัง ล่วงเกินแม่นางจนยับเยิน แม่นางได้ร้องขอ มิได้มีความกำหนัดยินดีด้วย ได้เตือนสติ แต่เพราะกำลังแรงของนัทมานพมีมากกว่า จึงได้ในสิ่งที่ตนเอง เฝ้ารอมานานจากความงามของแม่นาง ที่อยู่ในสายตานันทมานพมาตลอด แม้แม่นางจะปลงผม บวชอยู่ในพุทธศาสนาแล้วก็ตาม แม่นางได้แยกกายกับจิตออกจากกันแล้วว่า แม้กายจะถูกย่ำยีจนหมอง แต่จิตของแม่นางไม่ได้หมอง ไม่ได้มีความโกรธเกรี้ยวกราด ได้ให้อภัยทาน นันทมานพนั้นไป… แต่กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด แม้แม่นางไม่ถือโทษ… แต่พระแม่ธรณีได้รู้เห็น เป็นพยาน รับไม่ได้ ทันทีที่นันทมานพ ก้าวออกจากกระท่อม แม่ธรณีได้สูบร่างของนันทมานพหายไปในบันดล …เราได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้ศิษย์ในชั้นฟังว่า ในสมัยพุทธกาลคนที่ถูก ธรณีสูบมีกี่คน… รวมความชั่วช้าลามกของนันทมานพ ที่ทำกับพระนางอุบลวรรณาเถรีอีกหนึ่งเรื่อง
จากนั้น พระนางได้นำเรื่องนี้เข้าทูลต่อพระตถาคต… พระองค์จึงนำมาเป็นกฎ กับออกกฎของพุทธศาสนาใหม่เลยว่า… พระภิกษุณี ห้ามธุดงค์ตามลำพัง นับแต่นั้นมา
มาดูจิตของพระนาง ตอนนำเรื่องทั้งมวลไปทูล หากเป็นคนอื่นจะปิดเงียบไหม เพราะนันทมานพก็ถูกแม่ธรณี จัดให้ไปเรียบร้อยแล้ว พยานรู้เห็นใดๆ หาไม่ได้ หากแม่นางจะปิดปากเก็บเรื่องนี้ไม่นำออกมาประจานตนเองให้เป็นที่เหยียดหยามในหมู่ แม่นางย่อมทำได้ แต่ไม่ทำ การกระทำของแม่นางเสียสละล้วนๆ ลงที่จิตกัน จังๆ เพื่อป้องกันหัวอกลูกผู้หญิงเหมือนๆ กันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ในอนาคตภายหน้า ตรงนี้ไม่มีใครมองเห็นความดี การเสียสละของแม่นางเลย แต่กลับพากันมองแม่นางในมุมมองอื่น… ควรหรือไม่ ?

มาฟังจากปากคำของแม่นางเอง ที่หาจังหวะเวลาผ่านมาคุยกับเราจนได้… เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2018 ที่เพิ่งผ่านมานี้ ท่านผ่านมาทางศิษย์คนหนึ่งก่อนเวลาเปิดคลาสในตอนเย็น ช่วงเช้าก็จะมีหลวงปู่หลวงตา แม้กระทั่งพระศิวะ ผ่านมาตักเตือน อบรม กันทุกวัน สายของวันนั้นหลังจากที่พระองค์อื่นๆ มาสนทนาเสร็จ เราจะอัดเสียงการสนทนาไว้ทุกครั้ง การสนทนาครั้งนี้ ต่อหน้าศิษย์ อีก 5-6 คน ใครคนหนึ่งก็ผ่านเข้ามา
“รู้ไหมเราเป็นใคร” เสียงพูดเล็กมาก ท่าทางอ้อนแอ้น “รู้แต่ว่า ท่านเป็นภิกษุณี ในสมัยพระพุทธกาล” “ที่ท่านพูดถึงเราไง ขอบใจที่พูดถึงเป็นวิทยาทาน” “แม่นาง …. แม่นางอุบลวรรณาเถรี” เราจำได้ อุทานชื่อแม่นางด้วยความดีใจ “ขอบใจที่เอ่ยนามเรา ทำให้คนจดจำเราได้ เราขอขอบใจที่ท่านมีจิตเมตตา ยกเอาตัวอย่างของเราเป็นอภัยทานให้ทุกๆ ท่าน” “เราพูดผิดสิ่งใดตรงไหน ขอท่านจงงดโทษเราด้วย เราขออภัย” “อันตัวเรานี้มิได้เต็มใจให้มนุษย์กระทำชำเราตัวเรา เรามิได้เต็มใจ เรามิได้อยู่เฉย แต่เราขัดขืนเขามิได้ เขาเป็นผู้ชาย เขากำยำ ตัวเราทำอะไรมิได้ เราต้องขอร้องให้เขาหยุดการกระทำนั้น เราร้องขอเขา แต่ไม่เป็นไร กฎแห่งกรรมทำงานได้เที่ยงตรงเสมอ” “เราระลึกและนับถือแม่นางมาเสมอ แม้พระอัฐิของแม่นางในตู้จะหายไปแต่ชื่อแม่นาง มิได้เลือนไปจากใจเราเลย เราชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของแม่นางมาก แม่นางเป็นแบบฉบับที่ดีของเรา เป็นภิกษุณีตัวอย่างที่ทำให้พระตถาคตทรงออกกฎ เพื่อเป็นการป้องกันภิกษุณีองค์อื่นๆ แม่นางเสียสละมากเลย” “มันเป็นเรื่องน่าเสียใจ เศร้าใจ สลดใจของชีวิต” “ไม่… แม่นางอย่าพูดเช่นนั้น” “แต่ถ้าถามว่าตัวเรานี้รู้สึกอย่างไร มันเป็นเรื่องธรรมดาของกายขันธ์ ที่ถูกกระทำย่ำยี เขาทำเราได้แต่เพียงกาย แต่เขาไม่สามารถทำอะไรจิตของเราได้” “ถูกจิตของแม่นางยังใสสว่างอยู่” “มันเป็นแค่มลทินที่ทุกๆคนไม่เข้าใจ เอาเราไปพูดติฉินนินทาเราในขณะนั้น หลายๆคนมองเราด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ แต่มีเพียงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่เข้าใจเรา และให้ความเป็นธรรมแก่เรา” “แม่นางอย่าพูดเช่นนั้น… ธรรมดาของมนุษย์ แม่นางก็สำเร็จไปแล้ว ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว แม่นางอย่าพูดอย่างนั้นเลย” “เราอยากจะบอกเจ้า กับลูกศิษย์ของเจ้าว่า ไม่มีอะไรจะทำร้ายมนุษย์เรานั้นได้ เท่ากับวจีกรรม ตัวเรานั้นฟังแล้วผ่านไป รู้สึก แต่ไม่นึกถึง เรารู้สึกมันมากระทบ แล้วก็ผ่านไป ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จำไว้นะ เจ้า ส. ( ขณะนั้น ส. เป็นศิษย์อีกคนหนึ่งที่นั่งฟังแม่นางอยู่ด้วย ) เจ้าจะต้องเจออะไรอีกเยอะ ทำใจยอมรับมันให้ได้กับสิ่งที่จะเกิดมันก็แค่ลมปาก มันก็แค่ความคิดของเขา ขอให้เจ้ารู้ว่าเจ้าทำอะไร ทำเพื่อใคร แล้วเจ้าจะผ่านมันไปได้ ลดอัตตาในตัวของเจ้าลง มองให้เห็นความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ มองให้เห็นความเป็นจริงของความทุกข์ อยู่กับมันให้ได้ ทำให้ได้ แล้วมันจะผ่านไปได้ อย่าทำให้ใครเสียใจ อย่าทำให้คนที่ดูแลเจ้าเค้าเสียใจ “แม่นาง… การแสดงธรรม การเทศน์ของเราเป็นไงมั่ง เขาเข้าใจกันไหม เขามาฟังกันมากไหม?” “มนุษย์ ฟังกันไม่มาก แต่ภพภูมิอื่นๆ ทุกภพทุกภูมิมากันเยอะมาก เขาฟังกันแล้วเข้าใจ” “โชคดีที่ยังมีคนเก่งๆ ผู้หญิงเก่งๆ ไม่ว่าภพชาติไหนๆ ของเจ้า กายขันธ์ของเจ้า ทำอะไรจิตของตัวเจ้าไม่ได้เลย”
“เราเจริญรอยตามแม่นางไง” “ท่านเก่งจริงๆ ท่านเก่งมาก เราขอยกมือไหว้ท่านในความเก่งของท่าน ในความชาญฉลาดของท่าน ท่านไม่เหมือนใคร ท่านเก่ง ท่านมีไหวพริบหลักแหลม ท่านเองก็ไม่ต่างจากท่านสารีบุตร แต่ท่านมีไหวพริบปฏิภาณ ไหวพริบของท่านไม่เหมือนใคร” (ตัวเราแทบลอย แม่นางเปรียบเราเท่าพระสารีบุตร อัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญาของพระตถาคต แต่แม่นางโชคดีมากที่ได้เกิดในพุทธกาลของพระองค์ ได้เข้าเฝ้าพระองค์ตัวจริงเสียงจริงของพระองค์ )
แม่นางพูดต่อ “เรามีเรื่องจะบอกเจ้า ว่าเรายังไม่ได้พระอรหันต์ ยังไม่ได้อรหันต์ตามที่เขาพูดโจทย์กัน แต่เราติดอยู่ที่” “สุทธาวาสพรหม” เราพูดแทรกขึ้นมา “สูงกว่านั้น” “อกนิษฐพรหม จวนแล้วนี่อีกนิดเดียว” เราพูด “ใช่เราติดอยู่อีกนิดหนึ่ง อีกนิดเดียวจริงๆ มันยาก ยากมาก” “ด้วยเหตุนี้แม่นางจึงมาฟังธรรมกับเราใช่ไหม ?” “ใช่… เราอยากจะขออะไรท่านสักอย่าง หารูปเรา รูปเล็กๆๆ นิดเดียวก็ได้ มาไว้ในคลาสของเจ้า ” “หาได้ที่ไหน” “หาได้” “เดี๋ยวหนูหาให้ค่ะ” เสียงนิชาวัลย์เลขา อาสาขึ้นมา ( เธอหาได้แล้ว ) “เราจะขอพูดเรื่องแม่นางในคลาสทุกคลาสได้ไหม ?” “อย่า… อย่าเอาเราไปเบียดบังเวลาตรงนั้น เอาเป็นว่าคลาสไหนที่เป็นผู้หญิงล้วน พูดได้เพื่อเป็นอุทาหรณ์วิทยาทาน ลำพังหญิงคนเดียวอย่าประมาท ขนาดเราหัวโล้น หัวเหม่ง ยังมีอมนุษย์ มาทำร้ายเราได้ แล้วถ้ายิ่งมีผมสละสลวย จะเล็ดลอดไปได้อย่างไร? กับเราขอมีหน้าที่ดูแลภิกษุณีนักเรียนฝ่ายหญิงในคลาสของเจ้าทั้งหมด เราติดอยู่อีกนิดเดียวเราก็จะขึ้นแล้ว” “มีวิธีไหนบ้างที่เราจะช่วยให้แม่นางขึ้นได้ ?” “เวลาท่านไปทำบุญใหญ่ เรียกชื่อเราด้วย” “บุญใหญ่” เราย้อนถามค่อนข้างงง ( เราทำแทบทุกเดือน ) “ท่านจะรู้เอง” “ถ้าเช่นนั้นเวลาเราไปไหน เราเอ่ยชื่อแม่นาง เรียกแม่นางได้ไหม ?” “อย่า !!!! เราไม่บังอาจ …มีพระผู้ใหญ่เยอะมาก” “แม่นางหมายความว่า หลวงปู่หลวงตา ทั้งในสมัยพุทธกาล และปัจจุบัน ท่านตามเราทุกฝีก้าวใช่ไหม? เพื่อคุ้มครองเรา ?” “ใช่… เราจึงปะปนไปไม่ได้”
( เพราะแม่นางเป็นพระภิกษุณี ) “เวลาท่านนั่งสมาธิเรียกเรา… เราจะขอมานั่งสมาธิกับท่านด้วย”
“เราต้องไปแล้ว เวลาเราหมดแล้ว” เวลาเรานั่งสมาธิ จำได้ว่าพระโพธิ์สัตว์กวนอิมเป็นพระองค์แรกที่บอกว่า เวลาเจ้านั่งสมาธิ… ส่งจิตไปช่วยคนนั้น เรียกเราด้วยเราอยากช่วยเขา” จำได้อีกว่าพระโสฬส พระคุณเจ้าเป็นพระองค์แรกที่บอกว่า อยู่กับเจ้าทุกวัน เวลาเจ้านั่งสมาธิ ข้าก็นั่งกับเจ้าทุกครั้ง นี่ล่าสุดพระนางอุบลวรรณาเถรี ขอมานั่งอีกคน จึงพอจะรู้สาเหตุ แต่ขอยังไม่พูดตรงนี้
เมื่อครั้งไปวัดป่าถ้ำสีนิล กางเต็นท์แสดงธรรมกลางป่า กลางสายฝนฟ้าพายุ จับเด็กนั่งแก้อาการตัวโยก ปลดเจ้ากรรมนายเวรของเด็กสามคน ปลดวิญญาณทหารของพระเจ้าตากในอดีตที่ติดอยู่ตรงนั้นมาหลายร้อยปี เราได้เอ่ยให้แม่นางอุบลวรรณาเถรีตามมาด้วยกับเป็นบุญใหญ่ที่อุทิศให้แม่นางโดยตรง กับถ้ายังไม่ขึ้น จบต้นฉบับนี้เดือนหน้า ได้คัดเลือกศิษย์เกรด A ไว้ หกคนเพื่อเดินทางไปฮ่องกง ถอนอาถรรพ์ให้พระโพธิสัตว์กวนอิม ก็จะเรียกแม่นางอุบลวรรณาเถรีมาด้วย นี่คือบุญใหญ่ มิต้องห่วง Trust me การส่งแม่นางขึ้นพระนิพพาน เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับจานวา แม่นางได้ขึ้นแน่ เพราะภารกิจไปช่วยพระโพธิสัตว์กวนอิมนั้น ไม่มีใครปลดได้นอกจากเรา ดังนั้นศิษย์ที่ถูกคัดเลือกไปนั้น… มีที่ไปดีแน่นอนทุกคน เพราะสิ่งที่คณะเราจะไปทำให้พระโพธิ์สัตว์กวนอิมนั้น นับว่าเป็นเกียตริอันสูงสุดของชีวิต
ซึ่งจะมีมนุษย์สักกี่คนได้รับเกียตริอันนี้ พระองค์บอกว่า จะปลดญาติพี่น้อง พ่อแม่ทุกชาติทุกภพในวงษ์ตระกูลของตน ที่หากยังมีติดอยู่ในขุมนรกจะถูกยกขึ้นทั้งหมด
สำหรับสาเหตุที่พระอัฐิของพระนางอุบลวรรณาเถรีที่หายไปจากตู้พระ เพราะในตู้พระของเราเต็มไปด้วยพระอรหันต์ธาตุ ของหลวงปู่หลวงตา ทั้งในสมัยพระพุทธกาล แม่นางเลยมิบังอาจไปปะปน อยู่ในตู้กับหลวงปู่หลวงตาได้ จึงอันตรธานหายไปเอง แต่ได้ตกลงกับเราแล้วว่า “หากพระนางสำเร็จเมื่อไหร่ เข้าสู่พระนิพพาน เสด็จมาให้เรารู้ด้วยนะ เราจะเตรียมผอบรองรับไว้” “ได้” เราตกลงกันเช่นนั้น ทำให้คิดถึงคำพูดของหลวงปู่ทวดที่เคยพูดไว้กับเราเกือบสองปีมาแล้วว่า “หากไม่ใช่เจ้า… เขาก็ไม่ขึ้น จำคำของปู่ไว้นะ… หากไม่ใช่เจ้าเขาก็ไม่ขึ้น” เขาในที่นี้… ประมาณไม่ได้ว่ากี่ท่าน รวมถึงนักเรียนเราในคลาสด้วย… รวมถึงทุกภพทุกภูมิ