ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 78
- มกราคม 10, 2019
- ตอน แรงกรรม ...ตอนจบ

มีหลายๆ คนที่นำเรื่องทิดบุญโฮมมาวิจารณ์ ว่าเป็นไปไม่ได้ ที่ทิดบุญโฮมจะได้ก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้ในชาตินี้ อาจจะเป็นกรรมจากอดีตชาติ ชาติปางก่อนๆ ที่เขาก่อไว้ตามมาเล่นงานเขาในชาตินี้เท่านั้น ส่วนผลบุญกุศลต่างๆที่เขาสร้างไว้ในชาตินี้ เขาอาจจะได้รับผลตอบแทนในชาติต่อๆไป คงต้องเป็นเช่นนั้น แต่ที่เห็นๆกันชัดๆคือ อาการของทิดบุญโฮม ก่อนที่จะตาย อยู่ๆเขาเริ่มมีอาการกินอาหารไม่ได้ ซึ่งตามปกติแล้ว ทิดบุญโฮมไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วย เขาเป็นคนบึกบึนแข็งแรงมาก อาหารอะไรกินเข้าไปก็สำรอกออกมาหมด ร่างกายเริ่มผ่ายผอม ศีรษะเริ่มเถิก ผมร่วง ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ปากยื่นแหลมออกมากเหมือนปากนกปากปลา
แขนขาเริ่มหดงอหงิกเข้ามาเหลือแค่ช่วงมือ ช่วงปลายเท้าที่กระดิกกระแด่วไปมา กับที่น่าขนลุกคือ เขามักจะชอบนอนคว่ำ แขนขาตะเกียดตะกาย ส่วนหัวชูส่ายไปมาขึ้นๆ ลงๆ ซ้ายขวา และน้ำตาไหลพรากๆ ตลอดเวลา เมื่อเจ้าอาวาสของวัดทราบข่าว เพราะเห็นเขาหายเงียบไปเกือบเดือน จึงไปเยี่ยมเขาที่กระท่อมท้ายป่าช้า ภาพที่เจ้าอาวาสเห็น ทำให้พระคุณเจ้าต้องอุทานออกมาเพราะระงับความตกใจไว้ไม่อยู่ ในขณะที่ทิดบุญโฮม ยังพอจะพูดจากันได้ จึงเล่าความจริงให้เจ้าอาวาสฟังอย่างยากลำบากเพราะถูกท่านคาดคั้นเอาเพราะอดสงสัยไม่ได้ จากนั้นมาอีกไม่กี่วัน หลังจากที่ข้าวปลาก็กินไม่ได้ นอนจม กองมูตรกองคูถของตนเอง ชาวบ้านที่เวทนาสงสารต่างพากันนำข้าวปลาอาหารมาเยี่ยม ช่วยกันทำความสะอาด ทุกคนต้องตกใจกันมากขึ้น เพราะกระดูกส่วนหลังของทิดบุญโฮมตรงช่วงหลังโก่งนูนออกมา ทั้งที่เขายังนอนคว่ำอยู่ตลอดเวลา พูดจาแทบจะไม่ได้ มันเป็นภาพที่ติดตา คาใจทุกคนอย่างลืมไม่ได้ แม้แต่ลูกเล็กเด็กแดงที่เคยมีทิดบุญโฮมเป็นเพื่อนเล่นพากันไปเยี่ยม ยังพากันตกใจร้องไห้ด้วยความสงสารทิดบุญโฮมอย่างจับจิตจับใจ หลังที่งอโก่งของทิดบุญโฮม ยังเพิ่มอาการมากขึ้น อาการของทิดบุญโฮมนั้น ไม่ว่าใครจะเอายาชนิดไหนมาช่วยเยียวยาเพื่อให้ทิดบุญโฮมมีอาการดีขึ้น อย่างน้อยเพื่อให้ทานอาหารได้ก็ยังดี แต่ไม่มียาชนิดไหน จากใครเลยที่จะช่วยเยียวยารักษาอาการของทิดบุญโฮมลงได้ ท้ายที่สุดทุกคนก็ตระหนักเลยว่า มันเป็นแรงกรรมที่จะใช้ยาขนาดไหนมารักษาไม่ได้ แม้แต่เด็กเล็กเด็กน้อย ยังพอจะมองออก ท้ายที่สุดทิดบุญโฮมก็เสียชีวิตหลังจากทุกข์ทรมาน จากกรรมเลี้ยงอยู่เกือบ 3 เดือน ศพของทิศบุญโฮมไม่สามารถบรรจุลงหีบศพธรรมดาได้ เพราะหลังที่โก่งนูน
เมื่อถึงวันเพ็ญ ถัดมาชาวบ้านลูกเล็กเด็กแดง สาวแก่ แม่หม้ายทุกชีวิตในหมู่บ้านต่างพากันมานั่งรอยังศาลาตั้งแต่ตะวันยังไม่พลบค่ำ เพื่อต้องการฟังเรื่องแรงกรรมของทิดบุญโฮมอย่างใจจดใจจ่อ จากคำบอกเล่าของเจ้าอาวาสดังนี้ …. “ ก่อนที่ทิดบุญโฮมจะย้ายถิ่นมายังชุมชนหมู่บ้านนี้ เขามีอาชีพทำไร่ทำนา เช่นชาวบ้านทั่วๆไป ยังถิ่นเดิมของเขา วันหนึ่งขณะที่เขาถางหญ้าบุกป่าเพื่อขยายขอบเขตการทำไร่ให้กว้างออกไปมากขึ้นนั้น เขาได้พบเต่านาตัวหนึ่ง กำลังคลานต้วมเตี้ยมอยู่ใต้กอไผ่ เขาเกิดความคิดว่าจะนำเต่าตัวนี้กลับไปเผากินมื้อเย็นที่บ้านให้เอร็ดอร่อย จึงจับเต่าตัวนี้เอาไปเสียบระหว่างง่ามไม้ สูงขนาดเอว 2 ง่าม โดยให้ส่วนหน้าของเต่าหงายขึ้น แล้วหาเถาวัลย์มัดง่ามไม้เล็กๆนั้นหนีบเต่าเข้ามาหากัน เพื่อกันเต่าร่วงลงมา จากนั้นเขาก็หันกลับไปถางป่าต่อ สุมฟางแห้งถากถางที่ดินต่อ จุดไฟเผาหญ้าแห้งไม้แห้ง จนตะวันตกดิน เขาลืมเต่าตัวนั้นเสียสะนิดใจ 2 อาทิตย์ต่อมาเขาได้เข้าบวชพระเพื่อทดแทนพระคุณ พ่อแม่ ซึ่งการบวชนี้เขาบวชอยู่ถึง 3 พรรษา คือ 3 ปี จนครบ เมื่อเขาสึกออกมา เขากลับบ้านทำไร่ไถ่นาตามประสาคนดงต่อ เมื่อมาถึงบริเวณที่เขาเคยจับเต่าเอาไว้ เขาจำได้ ( 3 ปีมาแล้วเพิ่งจะจำได้ พระเจ้าช่วย ระหว่างบวชเรียนอยู่นั้นจำไม่ได้เลย นี่มันกรรมของคน หรือกรรมของเต่ากันแน่ ที่แน่ๆ คือ 2 ดวงวิญญาณ นี้เคยมีกรรมต่อกันมาอย่างแน่นอน )
ใช้เวลาถากถางหญ้าที่ขึ้นรกชัฏอยู่ครู่ใหญ่ ทิดบุญโฮมหาเต่าเจอในที่สุด พระเจ้าช่วย !!!! มันยังอยู่ระหว่างง่ามไม้เดิม ไม้ที่หนีบได้งอกออกมาปิดกระดอง เหลือเพียงปลายเท้าปลายมือโผล่ออกมาดิ้นกระแด่วๆ กับหัวที่ยื่นโผล่ออกมา ส่ายไปมา และน้ำตามันไหลพรากๆ พระเจ้า มันยังไม่ตาย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามันยังไม่ตาย แต่เป็นไปได้อย่างไร ที่ไม่มีอาหารตกถึงท้อง ถึง 3 ปียังอยู่รอดได้ ( มันคงทรมานมาก แบบนี้ให้มันตายไปเสียเลยตั้งแต่วันแรกจะดีเสียกว่า กับมันคงอาฆาตจองเวรจนแทบกระอัก แต่ทำอะไรไม่ได้ แม้จะระบายออกมาทางคำพูด ) แทนที่ทิดบุญโฮม จะเกิดความสำนึกผิด เมตตา และเวทนาต่อเต่า เพราะเพิ่งสึกออกมา ผมยังขึ้นไม่เต็มหัวเลย ทิดบุญโฮม กลับคิดไปว่า เต่าไม่ได้กินอาหารมา 3 ปี มันไม่มีขี้ เครื่องในมันจะสะอาด เต่าเผาที่ว่ารสชาติอร่อย จะยิ่งอร่อยขึ้นทวีคูณ ที่จริงแล้วเต่ามันคงดีใจที่ทิดบุญโฮมมาเจอมันอีก เพิ่งบวชเรียนมา ต้องสำนึกได้ วันนี้เราต้องเป็นอิสระ ทิดบุญโฮมต้องปล่อยเราแน่ กลายเป็นว่า ทิดบุญโฮมผ่าไม้ที่หนีบเต่าออกให้เป็นอิสระ แล้วก่อกองไฟเผาเต่าตัวนั้นทั้งเป็น กินเป็นอาหารกลางวันต่ออย่างเอร็ดอร่อย ชาวบ้านเมื่อต่างได้ฟัง เรื่องสยดสยองนี้กันแล้ว บางคนยังเรียกสติกลับมาไม่ทันพาลหมดเรี่ยวแรง จะเดินกลับบ้านต่างนั่งสลดหดหู่ บางคนน้ำตาไหลพรากออกมาด้วยสงสารเต่า กับที่แน่นอนการแสดงธรรมของพระคุณเจ้าในคืนนี้เรื่องแรงกรรม อันเพิ่งเกิดขึ้นในชุมชนจริง ทำให้ชาวบ้านกลัวการทำบาปกันขี้หดตดหาย ส่วนใครที่อ่านบทความนี้ ยังมีมิจฉาทิฐิ ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ยังทำความเลวทรามต่ำช้า ชั่วช้าลามก ไม่เลิก จงทำต่อไป เมื่อถึงเวลาอยู่ในนรกขุมไหนแล้วระลึกกันได้ ให้คิดถึงจานวานะ เรียกชื่อจานวา ขึ้นมาดังๆนะ เราจะไปช่วย ช่วยบอกนายยมบาล หรือปู่เวชว่า นี่ลูกศิษย์ลูกหาคนรู้จักเรา เราได้เขียนบทความให้พวกมันอ่านสั่งสอนมันมากว่า 10 ปี มันยังก่อกรรมทำเข็ญไม่เลิก จัดหนักให้พวกมันอย่าปราณี อย่าให้เห็นเดือนเห็นตะวัน อย่าลืมนะจ๊ะเรามีนัดกัน สำหรับใครที่เชื่อในแรงกรรม กฎแห่งกรรม ย่อมจะกลัวต่อบาปกันมากขึ้นทวีคูณ เราก็ขออนุโมทนา …สาธุ