ในอดีตมีเรื่องเล่าอันเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา ที่แสดงถึงแรงของความศรัทธา หรือตัวศรัทธา จนเกิดเป็นเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติตกทอดมาเป็นตำนานจนในปัจจุบันที่หลายๆ คนอาจจะลืมตำนานนี้กันไปหมดแล้ว ยิ่งนับวันยิ่งจางหายไปไม่ผิดกับคลื่นกระทบฝั่ง

เป็นเรื่องราวของโมเสส ผู้ปลดปล่อยชาวฮิบรู กว่า 6 แสนคนจากชาวอียิปต์ หลังจากตั้งรกรากอยู่ในถิ่นนั้นมานานกว่า 400 ปีให้ไปสร้างบ้านเมืองใหม่ของตนในดินแดนที่พระเจ้าระบุ เรียกว่า ดินแดนแห่งพันธสัญญา   เรื่องของโมเสส มีระบุอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ล โมเสสเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน โมเสสได้รับเทวโองการ จากพระผู้เป็นเจ้าให้ทำภารกิจครั้งนี้  โดยพระเยซู ตรัสกับเขาว่า “ ปล่อยให้เด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของคนเหล่านี้ ” จากแรงศรัทธาของโมเสส ซึ่งนำชาวฮิบรูวิ่งเอาชีวิตรอดจากกองทัพอียิปต์ ฝ่าทะเลทรายไปจนมุมที่ชายฝั่งทะเลแดง เขาได้ใช้พลังแห่งความศรัทธาทั้งหมด ประกาศอิสรภาพต่อหน้าเทพเจ้าไพโซดอนบิดาแห่งมหาสมุทรเพื่อขอปลดปล่อยชาวฮิบรู จากการเป็นทาส จงเปิดทางให้คนเหล่านี้ ทะเลแดงถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน เพื่อให้ชาวฮิบรูข้ามไปอีกฝั่งพร้อมรอดชีวิตกันทั้งหมด เมื่อกองทหารชาวอียิปต์มาถึงได้กวดไล่ตามไปจนถึงกลางทะเลแดง ทะเลได้ปิด จบชีวิตคนเหล่านั้นในพริบตา  ชาวฮิบรูเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของประเทศ อิสราเอล ปาเลสไตน์ และเลบานอน ในปัจจุบันเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำนม น้ำผึ้ง ซึ่งพระเยซู เลือกไว้ให้พวกเขา

ที่มาของโมเสส เกิดในกลุ่มของชาวฮิบรู ซึ่งไปออกลูกออกหลานมากมายจนฟาโรห์ ของอียิปต์ ไม่พอใจ เกรงจะเป็นภัยต่อความมั่นคง ได้หาทางกำจัด และจำกัดชาวฮิบรูอย่างเข้มงวดโดยจับมาเป็นทาสให้ช่วยกันผลิตก้อนอิฐผสมฟางแห้งจำนวนมาก แต่การเพิ่มของชาวฮิบรูยังไม่ลดจำนวนลง ฟาโรห์จึงมีมาตการใหม่ให้กำจัดทารกฮิบรูเพศชายที่เกิดมาใหม่ทุกคน ด้วยการให้โยนลงแม่น้ำไนล์ เพื่อเป็นอาหารของจระเข้ กับ ฮิปโปโปเตมัส

มหาประกาศ หรือพระผู้ไถ่บาปให้ชาวฮิบรูลืมตาดูโลกในช่วงนี้เอง ตรงกับปี 1527 แม่ของโมเสสแอบเลี้ยงโมเสส มาได้ 3 เดือน ต้องจำใจเอาทารกน้อยใส่ตะกร้าลอยน้ำไปตามยถากรรมให้ไปตายเอาดาบหน้า  เพราะเป็นเด็กที่มีบุญญาธิการสูง หรือผู้ที่ถูกกำหนดมาแล้วก็ตาม ผู้ที่พบทารกน้อยนี้กลับเป็นธิดาของฟาโรห์เอง พบตะกร้า แล้วนำเด็กไปเลี้ยงดูในวัง ตั้งชื่อเด็กว่า “ โมเสส ” ภาษาฮิบรู แปล ว่า “ ฉุดขึ้นมา ” โมเสสยังคงทิ้งปริศนาให้บรรดานักประวัติศาสตร์ได้ปวดหัวกัน ว่าใครคือโมเสสกันแน่ โมเสสมีตัวตนจริงหรือไม่ บ้างระบุว่าเขาคือ ฟาโรห์อัคเคนาเตน  โมเสสมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี  ศพถูกฝั่งอยู่ที่ยอดเขาพิสกาห์ ในเทือกเขาเนโบ ตรงข้ามกับนครเจริโค ซึ่งทุกวันนี้ยังค้นหาศพของท่านไม่พบ โมเสสเป็นผู้เผยแพร่คำสั่งสอนของพระเซยู โดยเชื่อกันว่าเป็นผู้ขึ้นไปรับคำสั่งสอนนี้จากพระผู้เป็นเจ้าที่เรียกกันว่า บัญญัติ 10 ประการ

เรื่องของโมเสสจัดเป็นผลงานแห่งความศรัทธาของคริสต์ศาสนา ทางด้านฝ่ายพุทธมีเช่นกัน แรงศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงกับเอาชีวิตวางเป็นเดิมพัน แต่เมื่อถูกกำหนดลงมาแล้วเช่นเดียวกับโมเสส ต่อให้ภูเขาพระเมรุถล่มลงมาทับ ไม่มีทางตายจนกว่าภาระกิจนั้นจะลุล่วง เพราะมันคือพระราชโองการจากองค์พระศาสดา

จากตำนานของพระรูปนี้ ทำให้ละครจีนเรื่องไซอิ๋วดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ติดกันงอมแงม จากใส่ไข่จนมองข้ามความสำคัญ กับแรงศรัทธาของพระรูปนี้ไป ใช่แล้ว เราพูดกันถึงพระถังซัมจั๋ง ของชาวจีน ตั้งแต่ ค.ศ. 602 – 664 อายุเพียง 62 ปี ที่มาของพระถังซัมจั๋ง เป็นชาวมณฑลเหอหนาน บางตำนานระบุซื่อบิดามารดาของพระถังซัมจั๋งอย่างชัดเจน บางตำนานระบุว่าลอยมาตามน้ำบนแผ่นกระดาน พร้อมมีจดหมายแนบมากกับอก พระภิกษุ หรือพระอาจารย์ฮวดเม้ง เก็บเด็กมา เมื่อเห็นข้อความในจดหมายจึงเข้าใจแจ่มแจ้งตลอด ได้ตั้งชื่อเด็กว่า กังลิ้ว แปลว่า ลอยคลอง แล้วสั่งแก่ศานุศิษย์ทั้งหลายช่วยกันเลี้ยงดูเด็ก แล้วให้ปลงผมบวชเป็นพระตั้งแต่อายุ 13  รวมถึงตัวท่านเป็นผู้ใฝ่ธรรมมาแต่เด็ก ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับประวัติของพระถังซัมจั๋งได้ใช้ชื่อจริงของท่านว่า เสวียนจั้ง  เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปอัญเชิญพระไตรปิฎก จากชมพูทวีปอันไกลโพ้นกลับเมืองจีน ตลอดระยะทางอันยาวไกล กับระยะเวลาที่ยาวนาน หมู่มารและปีศาจพยายามเข้าขัดขวางจะจับตัวท่านเสวียนจั้งให้ได้ เชื่อกันว่า เนื้อของพระถังซัมจั๋งกินแล้วจะมีอายุยืนหมื่นปี พระถังซัมจั๋งยังเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนาในประเทศ จีน  ญี่ปุ่น และเกาหลี  ภายหลังพระเจ้าฮ่องเต้ ถังไท่จงได้ให้ท่านเขียนบันทึกการเดินทางของภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ของท่าน ให้ชื่อว่า อารยธรรมโลกบนเส้นทางสายไหม  ตามจริงแล้วพุทธศาสนาได้เข้าสู่ประเทศจีนล่วงหน้าก่อนที่ท่านจะออกบวชแล้ว ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่เคร่งมากทั้งด้าน ศีล สมาธิ ปัญญา สามารถแสดงธรรมได้ตั้งแต่เยาว์วัย จึงออกแสวงหาครูบาอาจารย์ผู้รู้จริงไปตามหัวเมืองแว่นแคว้นต่างๆ ในประเทศจีน ได้ธุดงค์เลียบแม่น้ำแยงซี ต่อไปมณฑลหูเป่ย หูหนัน เจียงซี เจียงซู เจ๋อเจียง เหอหนัน และเหอเป่ย กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของแผ่นดินจีน แต่หาผู้รู้พุทธศาสนาที่แท้จริงไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินทางไปหาความจริงแก่นหาสาระของพุทธศาสนายังมหาวิทยาลัยนาลันทา ประเทศอินเดีย เป็นพระมหายาน ไปชมพูทวีปเพื่อศึกษาฝ่ายมหายานโดยตรง เขาใช้เวลาศึกษาอยู่ 17 ปี รวมระยะเวลาไปกลับ 19 ปี   ระยะทางกว่า 5 หมื่นลี้  จากบันทึกการเดินทางของท่านอุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้อมูลต่างๆ กับการผจญภัยกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติ จากต่างภพต่างภูมิ วัฒธรรมของเมืองโบราณ สถานที่สำคัญในพุทธศาสนาที่พระอัครสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างไว้ ได้ผ่านเมืองต่างๆ กว่า 138 แว่นแคว้น ฝ่าความร้อน แห้งแล้งของทะเลทรายแทบเอาชีวิตไม่รอด ท้ายสุดได้ประสบความสำเร็จ อัญเชิญประไตรปิฎกฉบับภาษาสันสกฤต กลับเมืองฉางอาน คือเมืองหลวงของจีนในสมัยนั้น ได้สำเร็จ

พระถังซัมจั๋งยังเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียว ที่ทางมหาวิทยาลัยนาลันทายอมรับ ระหว่างการศึกษานั้นพระเจ้าหรรษาวรรธนะ กษัตริย์ของอินเดียแคว้นหนึ่งในขณะนั้นยอมรับ พร้อมทั้งจัดให้มีการอภิปรายครั้งยิ่งใหญ่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ได้เชิญพระถังซัมจั๋งเป็นองค์ปาฐกคนหนึ่งด้วย ด้วยหัวข้อ ระหว่างหินยาน กับมหายาน  ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดโต้แย้งพระถังซัมจั๋งได้ ท่านถูกยกย่องให้เป็นผู้ที่มีความรู้ทั้งพระสุตตันตปิฎก วินัยปิฏกและ อภิธรรมปิฏก ฮ่องเต้ ถังไท่จง เรียกเข้าเฝ้า 2 หน ถูกเชิญให้ศึกออกจากพระ เพื่อมาช่วยราชการแต่พระถังซัมจั๋งปฏิเสธคำเชิญนั้น พระองค์ใช้ เวลาอีก 20 ปีเพื่อแปลพระไตรปิฏกที่อัญเชิญมาจากอินเดีย จากภาษาบาลีมาเป็นภาษาจีน ประวัติของพระถังซัมจั๋ง ได้บอกถึงความอดทน ความเพียร ที่ถูกผลักดันออกมาด้วยแรงศรัทธา ทำให้พระองค์ออกเดินทางด้วยเท้าด้วยระทางอันยาวไกลโดยไม่หวั่นไหวว่าจะมีอะไรขวางอยู่เบื้องหน้าพระองค์แม้กระทั่งความตาย  ท้ายที่สุดได้รับผลสำเร็จ เรื่องของพระถังซัมจั๋งไม่ใช่เรื่องละครที่ถูกแต่งขึ้นมา แต่เป็นชีวิตจริงของใครคนหนึ่งที่มีแรงศรัทธาอย่างแก่กล้าต่อพระพุทธศาสนา  กับเป็นผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วย ขันติบารมี ซึ่งมาพร้อมกับวิริยะบารมี ธรรมสองข้อนี้จัดเป็นแม่ทัพธรรมที่จะนำออกมาฆ่ากิเลสทุกตัวได้ ดั่งคำที่ว่า พ้นทุกข์ได้เพราะความเพียร ซึ่งพระคุณเจ้าได้ใช้มันต่อกรกับอุปสรรคทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างน่าชื่นชม จะมีสักกี่คนในพระพุทธศาสนาที่มีความกตัญญูรู้คุณในความเมตตาของพระตถาคต