ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 97
- เมษายน 3, 2019
- ตอน เหนือคำบรรยาย

เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตขณะที่ทำงานอยู่ที่อเมริกามลรัฐ แคนซัส เมืองเล็กๆชื่อ Coffee Ville มีประชากรไม่ถึงล้านคนในขณะนั้น ที่แน่ๆ มีคนเอเชียอยู่เพียงไม่กี่คน มีเรากับคุณกัญหาซึ่งเป็นคนไทย กับเป็นรูมเมทของเราขณะนั้นสองคน กับมิโดริ ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นอีกคนหนึ่ง นอกนั้นเป็นอเมริกันกันล้วนๆ ขณะนั้นเราทำงานเป็นภารโรง ดูแลตึกเรียนของ U.S.D.445 ที่มีโรงเรียนสังกัดอยู่รวมทั้งสิ้น 9 โรงเรียน เป็นโรงเรียนอนุบาลของเด็กเกรด 1 – 5 อยู่ 7 โรงเรียน เป็นโรงเรียนจูเนียร์ไฮสคูล หนึ่งโรงเรียน และเป็นไฮสคูล หนึ่งโรงเรียน 7โรงเรียนแรก เป็นเด็กอายุระหว่าง 5 – 6 ขวบ จูเนียร์ไฮสคูลเป็นเด็กอายุระหว่าง 6 – 8 ขวบ และไฮสคูล เป็นเด็กอายุระหว่าง 9 – 12 ปี ตามลำดับ จะพูดไปเกี่ยวกับนิสัยใจคอของเด็กชาวอเมริกันทั้งหญิงชาย เรารู้กำพืดได้ดีที่สุดเพราะคลุกคลีอยู่กับพวกนี้มา 13 ปี จากอาชีพภารโรง รู้จักนิสัยของชาวอเมริกันอย่างดีที่สุดโดยไม่ต้องไปมีสามีเป็นไอ้กันหรือไอ้มืด โรงเรียนทั้ง 9 เราได้เวียนเข้าเวียนออกมาหลายปี เพราะยังไม่ได้งานประจำเป็นแค่ตัวสำรอง จนภายหลังครูใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลทั้ง 7 แห่ง ต่างยื่นเรื่องเรียกร้องขอให้เราไปอยู่ประจำแล้วเอาคนงานเก่าออก เพราะทนความเกียจคร้านของคนงานประจำคนเดิมไม่ไหว ตรงนี้ขอยืนยันว่าชาวอเมริกันทำงานไม่สู้คนเอเชีย รวมทั้งเกียจคร้านอย่าบอกใคร ชีวิตช่วงนั้นเราจึงเป็นอะไรที่ประทับใจมากได้คลุกคลีอยู่กับเด็กชาย หญิง ได้ภาษา ได้สุขภาพที่ดี จากงานใช้แรงกายโดยตรง มันจึงเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมาก ขณะเดียวกัน เมื่อเราสามารถเข้างานประจำได้ เนื่องจากมีตำแหน่งภารโรงของจูเนียร์ไฮสคูล ว่างหนึ่งตำแหน่ง ตามปกติแล้วคนงานที่รอตำแหน่งนี้อยู่ก่อนต้องได้ เราจำได้ว่าเราไปพูดกับคนงานคนนั้น ชื่อ Terry Randel เขาเป็นเพื่อนชายชาวอเมริกันที่สนิทกับเรามาก เขาต้องการออกจากโรงเรียนเดิม หนีครูใหญ่ของโรงเรียนนี้ที่เกลียดขี้หน้าเขาสุดๆจากความขี้เกียจของเขาเอง ไปอยู่โรงเรียนรูสเวลล์ ซึ่งเป็นโรงเรียนไฮสคูลของเด็กโต ระหว่าง 6 – 8 ขวบ เมื่อมีตำแหน่งว่าง เขาจะได้เป็นคนต่อไปที่ทำการโยกย้ายได้ แล้วอะไรที่เหลือจากนั้นจึงจะตกเป็นของเรา สาเหตุที่เราต้องการงานที่โรงเรียนไฮสคูล หรือรูสเวลล์อย่างมากเพราะเป็นที่ที่เปิดรับกะกลางคืน คือเข้างานเวลา 14.30 น. – 23.00 น. กลางคืนมีเพียง 4 ตำแหน่งของกะกลางคืนจากทั้งหมด การว่างงานของกะนี้จึงมีมาได้ยากมาก เมื่อนายใหญ่ ผู้ดูแลการโยกย้ายภารโรง ของ U.S.D.445 อธิบายกับเราอย่างชัดเจนแล้ว จึงเป็นไปตามนั้น แต่ก่อนออกจากห้องนายใหญ่มา เราได้ถามคำถามแรก ว่า “ ถ้า Terry ไม่เอางานนั้น เราจะได้งานนั้นไหม ” “ ได้แน่นอน ” เมื่อนายยืนยันเช่นนี้เราจึงตรงไปหา Terry ที่โรงเรียน อนุบาล Edgwood ทันที มันสร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย เขากำลังนั่งรับลมเย็นๆ อู้งานอยู่ในห้องพักคนงานของโรงเรียน Edgwoodอยู่พอดี มีทีท่าว่าหากเราไม่โผล่เข้ามาเขาหลับแน่ เขามองด้วยสายตาทักทาย แล้วถามว่า มีไรว่ามาเลย “ ได้ข่าวว่า รูซิล คนงานที่ไฮสคูลจะเกษียน แล้วยูจ้องงานนี้เอาไว้แล้วใช่ไหม ” “ อื่อ ทำไม ยูอยากได้เหรอ ” “ อื่อ ไม่ใช่อยากได้อย่างเดียว แต่มันมีความหมายกับไอทีเดียวละ ” “ ไหนบอกมาสิ ยังไง ” เขาถามเนือยๆ ไม่กระตือรือร้นตามมาดอืดๆ ของเขา “ ไอกะจะเปิดขายของกลางวัน ไอต้องหาเงินส่งแม่ไอ กับหลานชายของไอที่เมืองไทย ” Terry จับจ้องมองตาเราอย่างถึงอกถึงใจ แล้วพูดง่ายๆว่า “ โอเค ยู เอาไปเลย ” Terry เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ในชีวิตเราจะลืมเขาไม่ได้เลย เมื่อได้งานประจำเป็นกะกลางคืนมาแล้ว เราได้จัดการเปลี่ยนบ้านเช่าเราในขณะนั้นเป็นร้านขายของ ต่อเติมเอง ทะลุประตูห้องเอง ตรงไหนทำเองได้หมดไม่รอช้า ตรงไหนสุดวิสัยก็ตามช่าง ซึ่งก็เป็นเพื่อนชายร่วมงานพวกนี้มาช่วย มีอยู่ครั้งหนึ่งมันเกิดเหตุการณ์ที่ผิดธรรมชาติที่เรายังไม่เข้าใจมาจนทุกวันนี้ เกิดขึ้นขณะนั้นอายุเราประมาณ 29 ปี เมื่อเราได้ต่อเติมร้านจะทำให้เป็นห้องกว้างต่อกัน 2 ห้อง ได้ทุบฝาแผ่น Sheet rock ส่วนที่อยู่สูง ใช้บันได ขณะนั้นเป็นเวลาก่อนเที่ยง อีกสองชั่วโมงกว่าจึงจะไปเข้างานจึงอยู่ในชุดทำงานพร้อมที่จะปิดบ้านไปทำงานได้ เราใส่รองเท้าผ้าใบเก่าๆของอาดิดาส กางเกงยีน และเสื้อคอกลมเก่าๆ ปีนบันได ขึ้นไปทุบฝาบ้าน บนพื้นห้องเต็มไปด้วยเศษไม้ ที่เรางัดออกมาจากฝาในบางส่วน บนพื้นซึ่งเป็นพรมมีแต่ฝุ่น กับเศษไม้เกะกะ แต่เพราะเราใส่รองเท้าผ้าใบอยู่ จึงคิดว่าเดี๋ยวถึงเวลาทำความสะอาดทีเดียวเลย เมื่องัดฝา ทุบฝาจน ได้ตามขนาดสัดส่วน จึงโยนเครื่องมือลงบนพื้น ก้าวถอยหลังลงบันไดมาสองขั้น แล้วกระโดดถอยหลังลงบนพื้นด้วยความประมาท เป็นอะไรอย่างหนึ่งที่ปัจจุบันนี้ไม่มีทางจะทำ Move นี้ได้ พลันก็ต้องร้องเจี๊ยกออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดเสียง พร้อมยกเท้าข้างนั้นขึ้นกุม เห็นเศษไม้ยาวสองฟุต กว้าง 2 นิ้ว หนาประมาณ 1 นิ้ว คาอยู่ที่ ส้นรองเท้าเรา และติดรองเท้าขึ้นมา มันหมายถึงต้องมีตะปูขนาดยาว ติดอยู่กับไม้ แล้วปักติดอย่างจัง ที่ส้นรองเท้าเรา มันเจ็บจนน้ำตาไหล เมื่อยกเท้าเขยกข้างเดียวไปที่เก้าอี้ไม้ก็ยังไม่หลุดร่วงลงมา แสดงว่าโดนจังๆ เมื่อนั่งบนเก้าอี้เข้าที่เข้าทาง เรานึกถึงเลือดที่จะออกมาชุ่มโชกถุงเท้ารองเท้า เราอาจต้องลางานเป็นอาทิตย์ และอาจต้องไปฉีดยากันบาดทะยัก มันเจ็บอย่างอธิบายไม่ถูก แต่เป็นความรู้สึกที่ยังจดจำได้ฝังใจ เราค่อยๆ แก้เชือกผูกรองเท้าขาข้างขวาที่โดนตะปูออก ดึงไม้ออกมาจากรองเท้าก่อน เห็นความยาวของตะปู ยาวถึงครึ่งนิ้ว ใจเราสั่น ค่อยๆ ดึงรองเท้าออกมา หวังเห็นสีแดงเถือกของเลือด …. แต่ก็ต้องผิดหวัง และค่อนข้างงง ที่ไม่มีเลือดแม้หนึ่งหยด จึงถอดถุงเท้าออกช้าๆ สิ่งที่พบคือจุดแดงๆ ตรงตำแหน่งที่โดนตะปู สีแดงๆ เท่าหัวเข็มเย็บผ้า เชื่อสิ มันเหนือคำอธิบาย เรานั่งเป็นงงอยู่เป็นนาน ตอนนี้ได้คำอธิบายแล้วว่าเพราะสาเหตุไร จึงรอดมาได้ จำได้ว่าชีวิตเราตั้งแต่เด็กจวนเจียนจะเสียขาไปทั้งสองข้าง แต่จนแล้วจนเล่าก็รอดมาได้ นัยว่าเราจะต้องเดินสายโปรดเพื่อนร่วมโลกอีกหลายชีวิต แม้ขณะนั่งเขียนต้นฉบับนี้อยู่ อีกไม่กี่วันก็ต้องเตรียมไปเปิดคลาสที่หาดใหญ่ และ เดินสายไปออสเตรเลียอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 7

พลิกตำนาน …ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ กำลังจะออกเป็นรูปเล่ม จากปากคำบอกเล่าของหลวงปู่ทวดที่เมตตาเราอย่างสูง หลวงปู่ …เปิดเผยว่า เกิดอะไรขึ้นกับสามเณร คนที่ถือดอกมณฑาสวรรค์มาหาหลวงปู่ ร่างกายขันธ์ของทั้ง 2 อยู่ที่ไหน และพระองค์ที่ไปปรากฏที่มาเลเซียนั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่ ที่ว่าหามร่างท่านไปน้ำเลือดน้ำหนองหยดที่ไหนให้ปักหมุดตรงนั้น ร่างนั้นใช่หลวงปู่ทวดหรือไม่? หลวงปู่ถอนแล้ววิธีถอนทำอย่างไร? คือไม่อยู่แล้วไม่ปรารถนาพุทธภูมิแล้ว …จะถูกนำมาถ่ายทอด ทุกคำสนทนากับเรา โดยแบ่งเล่มนี้เป็น 3 หมวด