ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 144
- กุมภาพันธ์ 3, 2020
- ตอน ธรรมะรอบกองไฟ ...ร่างที่ 2 ของ จานวา

เรานั่งพักรับลมเย็นๆ อยู่หน้าเต็นท์บนเก้าอี้ตัวเดิม กำหนดจิตเอาพระพายมาเป็นอารมณ์ โดยไม่มีความวิตกกังวลถึงเด็กทั้ง 4 คนแต่อย่างใดเลย ตรงกันข้ามภาพเด็ก 4 คนได้มายืนอยู่เบื้องหน้าเรา แล้วต่างช่วยกันพูดแก้ต่างให้แก่กันและกันปรากฏขึ้นมาให้เห็น เออ ดูสิจิตของผู้ปฏิบัติ จิตของครูบาอาจารย์ของจริงสามารถทำได้ขนาดนี้เชียวหรือ ไม่ช้ากว่า 10 นาที
เด็กทั้ง 4 คนกลับเข้ามาจริงๆ ดังภาพที่เห็น ต่างพากันมาขอขมา ขอโทษเรา ว่าแยกทางไปดูน้ำตกซึ่งมีอยู่ถึง 10 ชั้น เขาพากันไปดูถึงชั้นที่ 10 ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเดินออกจากทางแยกไปไกลมาก กับเขาไปอย่างจงใจ ไม่ได้หลง ที่เขากลับมาได้เพราะหงษ์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ปีก ตีล้อมกลับเข้ามาจึงพบเด็กทั้งหมด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เด็กกลับกันมาอย่างปลอดภัยแล้วก็แล้วกันไป จึงบอกเด็กให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน เราพอจะหายเหนื่อยบ้างแล้ว พอดีพระอาจารย์ชำนาญ ท่านเดินมาที่เต็นท์เรา กับชวนเราเดินไปดูที่วัดอีกด้านหนึ่งซึ่งรถเกรดได้เกรดดินไปติดกอไผ่ ทางด้านหลังวัดเป็นเนื้อที่หลายไร่ทีเดียว ท่านบอกที่ตรงนี้ร่มรื่น โยมพาเด็กๆ มานั่งสมาธิใต้ร่มไผ่ ริมรั้วนี้ได้ จะร่มตลอดวันไม่มีแดดมรบกวน ตอนนั้นมีหนูผึ้งคนเดียวที่เดินตามเรากับพระอาจารย์ชำนาญออกมา สุนัขบางส่วนวิ่งตามคณะเราออกมา นับว่ามีเนื้อที่ให้พวกมันได้ออกกำลังกันได้อย่างดี
เมื่อกลับมาที่ตั้งเต็นท์เด็กหลายคนทยอยอาบน้ำกันหมดแล้ว การแสดงธรรมคืนนี้มีก้องมานั่งฟังด้วย หงษ์กับคุณ อนงค์ได้นำสวดมนต์เย็นตามปกติ กองไฟถูกจุดให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาเพื่อบรรเทาความหนาว เราขอร้องให้เด็กๆรวมกลุ่มกันเข้ามาใกล้ๆ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องใช้เสียงมาก แล้วขอยาแก้ไข้ Advil จากนิชาวัลย์มากันไว้ก่อนเลยหนึ่งเม็ด อากาศสลัวลงอย่างรวดเร็วในฤดูหนาว แสงดาวเริ่มเด่นชัดขึ้นนกกาพากันร้องบินกลับรวงรังเป็นหมู่ๆ ลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ พวกเรานั่งขดกันฟังธรรมกันอย่างตั้งอกตั้งใจ แพมจะมานั่งใกล้กับคอยถาม ถามแทนทุกคน อีกภพอีกภูมิที่มีเยอะมากต่างชะเง้อชะแง้ เบียดเสียดกันเข้ามาฟัง จนเราต้องไล่ออกไปให้นั่งฟังกันอย่างมีระเบียบ เพราะทำให้เด็กเราบางคนร้อน อึดอัด หายใจไม่สะดวก ก่อนนอนคืนนี้นิชาวัลย์ เอายาแก้แพ้มาให้ทานหนึ่งเม็ด มันจะช่วยให้เราหลับได้ดี เพราะคืนก่อนนอนไม่หลับเลย จากตัวทดสอบใหญ่ที่พร้อมจะฉุดทำให้เราสอบตก แต่ก็ผ่านมาได้ทุกงาน
การแสดงธรรมคืนนี้จบลงด้วยดี อันจัดเป็นคืนที่ 2 พรุ่งนี้เช้ามืด วันที่ 22 เราต้องไปส่งก้องที่สนามบิน ตั้งแต่ 06.00 โมงเช้า เราตื่นตั้งแต่ 03.44 น. เช้า เป็นคนแรก ไปเติมฟืนให้ไฟที่มอดโชติช่วงกลับขึ้นมาตอนเช้าๆ ตามปกติ อากาศหนาวมากประมาณ 10 องศา ไม่นาน คุณนงค์ ตื่นตามขึ้นมาเป็นคนที่ 2 ตามเคย จนเวลาใกล้ตี 5 ก้องตื่นขึ้นเก็บของ ทำกิจส่วนตัว หงษ์ตื่นตามมา ก่อนเตรียมตัวออกรถ เราเรียกเป้มา สั่งให้ทุกคนสวดมนต์กันตามปกติ ให้มีคุณนงค์ เป็นผู้นำสวดตามปกติ และให้ใส่บาตรพระ จัดของถวายเจ้าที่ ภารกิจของก้องจบลงแล้ว เราให้หงษ์เป็นคนขับสีหมอกรถเราไป เพราะมีสติ๊กเกอร์เข้าสนามบินโดยลัดทางค่ายทหาร ทำให้ไม่อ้อมไกล มีเปิ้ลกับแพมติดมาด้วย เพื่อแวะที่บ้านบุญรักษา โดยแพมจะมาต้มไข่ต้มไปเพิ่ม กลับจากส่งก้องเราย้อนกลับมารับแพม กับเปิ้ลที่บ้านบุญรักษา รีบกลับวัดเพราะเด็กๆ จะรอทานข้าว พวกเราแวะที่ตลาด 3 แยก หรือสันทราย ซื้อข้าวเหนียวไป ถุงใหญ่ กับโคนเห็ดเค็ม น้ำพริกเผาเจอย่างเพียงพอ
เมื่อกลับมาถึงทุกคนรวมกลุ่มกันมาทานข้าวเหนียวร้อนๆ กับโคนเห็ดเค็ม น้ำพริกเผาเจ โดยเตรียมตัดใบตองมา รองแทนจานข้าวเปิบกันรอบกองไฟอย่างสนุก ไม่ไปวุ่นวายกับโรงครัว เรื่องถ้วยจานทั้งสิ้น บรรยากาศรอบๆ มันประทับใจทุกคนจนยากที่จะลืม เสียงบางคนร้องถามขอข้าวกัน ใครมีน้ำพริกเหลือแบ่งหน่อย มันสีม่วงปิ้ง เอามาอุ่นกับไฟอ่อนๆ กล้วยหักมุขยังพอมีเหลือ กับบรรยากาศตอนนี้มันสุดยอด ของกินเล่นอีกเยอะแยะ สุนัขจะพากันมานั่งดูห่างๆ อย่างมีมารยาท ที่น่าแปลกคือสุนัขพวกนี้ จะกินกล้วย กินมัน กินทุกอย่างที่ให้ เขาไม่ได้ผอมโซ ทุกตัวมีสุขภาพดี คุณนงค์เล่าว่า ตอนสวดมนต์เช้านี้ เขาเห็นด้วยตาในว่า เรานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวขาว ข้างกองไฟ นั่งดูพวกเขาสวดมนต์กันอยู่ ส่วนหนูบิ้นยอมรับว่า “หนูเห็นอาจานด้วยตาเนื้อเลย นั่งอยู่ข้างกองไฟดูพวกหนูสวดมนต์อยู่ ทำให้หนูสับสนมากว่า อาจานไปส่งก้องเมื่อเช้าตรู่ แล้วอาจานมานั่งอยู่ได้อย่างไร?” นั่นคือ ปรากฏการณ์ ของร่างที่ 2 ของเรา ซึ่งคอยสอดส่องดูเด็กๆ อย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
เมื่อทานข้าวเสร็จกิจกันเช้านี้เราบอกเด็กๆ ว่าแยกย้ายกันไปปฏิบัติตามใจชอบ แต่ตอนบ่ายโมงให้มารวมกลุ่มกัน เราจะพาขึ้นไปนั่งสมาธิที่สถูปเก่าบนเนินท้ายวัดบริเวณวัดร้าง เพื่อปฏิบัติธรรมแผ่เมตตาให้พวกที่ตายอยู่ตรงนั้นบ้าง ขณะนั้นเรานั่งอยู่หน้าเต็นท์เราเองบนเก้าอี้ตัวขาวตัวเดิม มองดูเด็กๆ ทำโน่นนี่กัน มุดเข้ามุดออกในเต็นท์
เต็นท์ของหนูผึ้งอยู่หน้าเต็นท์เราเลย เยื้องไปเป็นเต็นท์ของหนูบิ้น ที่ใกล้กันพอพูดกันจะได้ยินหมด …เราได้เรียก หนูบี เข้ามาในเต็นท์ เราเพื่อทดสอบสภาวะจิต กับแนะนำให้เธอไปปฏิบัติต่อ จากนั้นเรียก หนูอู หนูบิ้น เข้ามาตรวจสภาวะจิตกันทีละคน จนครบ ได้แนะนำแก้ไขให้ทีละคน ส่วนมากมีพื้นฐานกันมาหมด แต่ยังไร้ทิศทางกันอยู่ เสร็จกิจกับเด็กทั้ง 3 คน ขณะนั้นหงษ์เขารอจังหวะอยู่แล้ว พอเห็นเรานั่งอยู่คนเดียวสบายๆ หน้าเต็นท์ที่เก่า เขาหอบเบาะนั่งของเขาเข้ามานั่งข้างๆ เรากับพื้นดิน วางเบาะของเขาลง นั่งขัดสมาธิ สำรวมอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “จานครับผมได้ตัดสินใจแล้วครับ” “ตัดสินใจอะไร” “ผมจะไม่กลับไปหาปู่ อีกแล้วครับผมตัดสินใจตัดขาดเลย แต่อยากถามอาจานคำหนึ่งว่า ผมจะได้ชื่อว่าเนรคุณครูหรือไม่ครับ?” มันหมายถึงเขาต้องการให้เราช่วยเขาเต็มตัว พร้อมทั้งรับเขากลับมาเป็นลูกศิษย์ตามเดิม “เดี๋ยวนะ ขอเราเอาจิตจับที่จิตแม่ของเอ็งดูแป๊บนะ” ( เรารู้จักคุณแม่ของเขาแบบผิวเผิน ) “เอาละ จิตแม่ของเธอหมองมากนะ ชีทุกข์เกี่ยวกับหงษ์มาก ว่าเมื่อไหร่หงส์จะทำให้แม่ชื่นใจสุขใจจริงๆ เสียที เราจึงมีคำถามจะถามเธอว่า เธอจะเป็นผู้เนรคุณกับแม่ หรือกับปู่ ของเธอ เธอจะเลือกเนรคุณใคร เธอยังไม่ได้ตอบแทนคุณแม่ ทำให้แม่ชื่นใจเลย แต่ 3 ปี ที่เธอไปประเคนทุกอย่างให้ปู่เธอน่ะ พอหรือยัง?” “ใน 3 ปี ที่ผ่านมาเธอเสียอะไรไปมั่ง ทุ่มให้แต่ทางปู่ ซึ่งเขาใช้อวิชชา ดูดทั้ง ทรัพย์เธอ ทั้งพลัง ทั้งบารมีเธอได้เสียจิตวิญญาณไปให้เขาหมด แล้ว แล้วแม่เธอล่ะ จะช้ำใจตรอมใจเพียงใด ก้องก็ได้แต่แนะนำ แต่ไม่สามารถช่วยเธอได้ เราช่วยเธอได้สบายๆ มาก แต่ที่ไม่ทำ ไม่ช่วยเพราะใจเธอยังไม่ยอมทิ้งปู่ของเธอ เราจึงยุ่งไม่ได้ เราจึงได้แต่นั่งมองดูเธอถูกเขารังแกด้วยความเจ็บปวดเพราะความสงสาร แม่ของเธอ ชีก็แก่มากแล้ว รอความสำเร็จความชื่นใจจากเอ็งอยู่ กับเธอบริสุทธิ์ เกินไปจึงรู้ไม่เท่าทัน เราจึงเข้าไปยุ่งไม่ได้” ขณะพูด เสียงเราดังไปด้วยอารมณ์จนเด็กหลายๆ คนได้ยินต่างมุดเข้าเต็นท์ เงียบกันหมด ตอนนั้นหงษ์ซึ่งนั่งต่ำกว่าเราน้ำตาเขาไหล ออกมาเป็นทางแล้ว ผ่านแว่นตาลงร่องแก้ม ส่วนเราน้ำตาซึม เขาเอื้อมมือมาจับขากางเกงเรากระตุกๆ มันเหมือนเด็กน้อยๆ เลย ดูมัน “ผมตัดสินใจแล้วครับ กลับไปนี้ ผมจะเอาของไปทิ้งหมดเลย กับถ้าผมทิ้ง ทุกคนที่หาดใหญ่ทิ้งปู่แบบยกทีมเลยครับ” ปู่ฤษีคนนี้ ได้ให้ทุกคนใส่ด้ายแดงที่ข้อมือ กับกำชับทุกคนว่าอย่าถอด ห้ามถอดเด็ดขาด ระยะเวลา 3 ปี ที่เด็กพวกนี้วนเวียนเข้าออกที่สำนักของเขา มันติดตัวจนบางคนเข้ากระดูก จนยากที่จะถอดออก “เอาละ เมื่อเอ็งตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เดี๋ยวในคลาสคืนนี้เราจัดให้ ” เราสามารถทำให้อะไรก็ตามที่ถูกฝังอยู่ในตัวของฟ้า กับของเจ้าหงษ์กระเด็นหลุดชนิดถอนรากถอนโคนเลย จากบารมี กับบุญฤทธิ์ของเรา เพราะมั่นใจว่าช่วยได้แน่ กับมั่นใจอีกว่า ครูฤษีของเจ้าหงษ์จะออกธาตุแท้ตรงเข้าเล่นงานเราอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะไสยเวทย์ของเขาไม่ใช่กระจอก เมื่อจะถามกันตรงๆว่า …เรากลัวไหม?” ขอตอบตรงๆ เช่นกันว่า “เรารออยู่” เพื่อให้มันจบๆ ลงไปเลย มีดีอะไรจะได้เห็นๆ กัน เพราะอย่างไรๆ เราชนะขาดอยู่แล้ว ตามคำกล่าวที่ว่า “ธรรมมะ มีหน้าที่ต้องชนะอธรรม มีครั้งใดบ้างเล่าที่อธรรม จะชนะธรรมมะ” ก้องถามเราว่า “จานมีอะไรจะให้ผมช่วยบอกนะครับ” “สบายๆ ก้อง เรารับเองได้”
“งานนี้จานชนะแน่นอน ลอยลำเลยครับ แต่จะยื้อยาวนานหน่อย” คือความเห็นของก้องซึ่งเขาไม่เคยพลาด กับเราไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ แต่มันจะเป็นสงครามทางจิตแทน …. ซึ่งขณะเขียนบทความบทนี้ต่อ เป็นวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เขาได้ส่งมาแล้วครั้งแรก จะเล่าในบทหน้า ว่ามันคืออะไร ส่งอย่างไร และเกิดอะไรขึ้น? ตามบทต่อไป ก่อนเราจะเดินขึ้นไปรอพวกนักเรียนบนเนินสถูปร้าง หงส์ย้อนกลับมาหาเราอีก บอกเราว่า “ พวกผมขอแยกไปนั่งกันในวิหารหน้าวัดนะครับ ” จิตเราวูบขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ ที่เขาแบ่งพรรคแบ่งพวก จะแยกไปนั่งที่อื่นไม่ไปนั่งกับครูบาอาจารย์ แต่ก็คิดได้ว่า เขาอาจจะจับกลุ่มไปคุยกันเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ ปู่ฤษี กับแอบนินทาเรากันตามปกติที่เขาทำกันบ่อยๆ แต่นินทาในทางที่ดี จึงเอ่ยปากอนุญาต “ เออ จะไปไหนก็ไปเถอะ ” แต่มันอดสังหรณ์อะไรไม่ได้ นี่แหละจิต พอฝึกมันจนถึงจุดหนึ่ง มันจะบอกให้รู้หมดเลย บทความนี้ ใครจะไม่ชอบหรือไม่เชื่อเราไม่ว่ากัน ทุกตัวอักษร มาจากประสบการณ์จริงมีพยานหูพยานตา พอที่จะยืนยันให้รู้กันว่า ธรรมมะรอบกองไฟ มันสุดยอดจริงๆ
ตามตอนต่อไป

พลิกตำนาน …ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ และหนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หนังสือชุดนี้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย ( ส่งต่างประเทศในช่วงสถานการณ์ของโรคระบาดไวรัสโคโรนา เราจะจัดส่งให้ทางเรือ ) หากท่านใดสนใจ

ธรรมมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทุกชาติทุกศาสนาที่นำมาศึกษาปฏิบัติ ต่างพบกับสัจธรรมของชีวิตอย่างชัดเจน เพราะพระองค์ไม่เคยเน้นว่า ธรรมะเป็นของพระองค์ หรือของพระพุทธศาสนา แต่เป็นของมวลมนุษย์ชาติที่มองหา ความสุข สงบ ทางใจ นำไปใช้ได้ทุกคน
หนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์พระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรดกของชาว พุทธแท้ พุทธะ ของท่านพุทโธ
