ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 189
- ธันวาคม 24, 2020
- ตอน จำศีลส่งท้ายปีเก่า 9 วัน

หลังจากกลับจากการทำบุญใหญ่ที่แม่ฮ่องสอนเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ซื้ออาหารแห้งให้เด็กด้อยโอกาสที่มูลนิธิธรรมะคีรี หมดไปกว่า 25,000 บาท ก่อนมายังหยอดตู้ด้วยเงินสดอีก 5,000 บาท พอดีช่วงนั้นเราถูกฉลากออมสิน กับธ.ก.ส 2 รางวัล กับได้รับเงินบริจาคจากลูกศิษย์ ที่อเมริกาด้วย 2 – 3 รายจึงนำปัจจัยบางส่วนมาช่วยเด็กๆ ค่ารถตู้ทุกคน ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เรามาทำบุญที่มูลนิธิแห่งนี้ พอกลับมาถึงเชียงใหม่ ตั้งใจจะจำศีล 9 วันปิดวาจา จากวันที่ 3 – 12 ธันวาคม ซึ่งคุณเล็กแนะนำให้ทำ กับกำชับมาว่า อย่าตึงเกินไป หลวงปู่หลวงตาฝากเตือนมา เพราะครั้งล่าสุดที่ทำไปเมื่อเดือนสิงหาคมหากจำไม่ผิด เกือบตายทานกล้วยน้ำว้าแค่วันละใบ ตึงจนจิตฟุ้งนั่งไม่ได้เลย นั่งสลับเดิน วันละ 10 – 12 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่า ไม่ได้อะไรเลย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นโดยมีเลขาเป็นสาเหตุ จนแม่กวนอิมต้องผ่านลงมาบอกว่าเราไม่ผิด บัดนั้นเลขาก็ยังคิดไม่ได้ ย้อนถามว่า “ หนูผิดเหรอ ” กว่าจะสำนึกตนได้ ว่าทำอะไรไว้กับครูบาอาจารย์ จึงยังทำให้เธอไปต่อไม่ได้ เราอยู่ในสภาพที่เบื่อหน่ายไปหมด อยากหนีไปให้พ้นๆ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นเลยว่า หากจิตเราไม่สงบมีอะไรมากวน แม่กวนอิมจะทนไม่ได้ ต้องมาเคลียร์ให้เรา เพราะเราเป็นคนไม่พูด กดเก็บเอาไว้คนเดียว ท้ายสุดเลขาร้องไห้ อ้อนวอน ขอร้อง ขอโอกาส เราจึงต้องสอนให้เธอคิดให้เป็น คิดให้ไกล คิดว่าเราทำอะไรกันอยู่ เตือนสติเธอว่า เราทำงานรับใช้ท่าน อย่าทำให้ท่านผิดหวัง อย่าคิดแค่สั้นๆ อย่าใช้อารมณ์ส่วนตัวมาตัดสิน ใช้สติให้มากๆ ใช้ปัญญาให้มากๆ ว่าเราทำงานให้ใครอยู่ กี่สายตาที่จับจ้องดูเราอยู่ทุกวัน แม้ความคิดของเรา ท่านก็จับได้ อย่าประมาทอย่าทำเป็นเล่นทีเดียว งานที่เธอทำอยู่นี้เป็นงานใหญ่ที่มีเกียรติ์ มากที่ได้มาทำหน้าที่นี้ แม่กวนอิมเลือกเธอมา และเธออาสามาเองด้วย อย่าทำให้ท่านผิดหวังทีเดียว ขอให้จงรู้ไว้ เหตุการณ์จึงจบลงได้ จึงปลดล๊อคความเครียดของเราได้ เราได้จัดส่งให้เลขาเข้าไปอบรมจิตที่วัดร่ำเปิง 9 วันเธอจึงได้สติคิดได้ ว่าถ้าเกิดอะไรอีก เธอจะไม่ได้อยู่ดูแลเราจนวันสุดท้ายของเราอย่างแน่นอน เพราะตัวเมตตาทีเดียว กับเพราะเป็นพระประสงค์ของพระโพธิสัตว์ รู้ว่าเธอก็อยู่ในสภาพที่ต้องทน ซึ่งเคยบอกเธอแล้วว่า เราต่างเป็นตัวทดสอบของกันและกันบนเส้นทางสู่การดับทุกข์ เพราะเธอสารภาพกับเราว่าเธอไม่ต้องการมาเกิดอีกเพราะมันทุกข์ ใครก็ตามที่จะเอาชาติสุดท้ายไม่ต้องมาเกิดให้ทุกข์อีก ก็ต้องทน จนกว่าจะทนกันไม่ได้ไปข้างหนึ่ง จะไม่เอาทุกข์ ก็ต้องเอาทน และทนเอา เมื่อต่างคนต่างรู้อย่างนี้ ก็สบายใจ เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ การจำศีลของเราครั้งนี้ เราออกความคิดว่า เธอควรจะกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวบ้าง เคยให้เธอไปเยี่ยมบ้านหลายครั้งเธอไม่ไป บอกว่า มันไม่เหมือนบ้านเหมือนที่ทำงานหรือสถานีมากกว่า ออกจากบ้านก็ไปทำงานที่แอร์พ๊อด กลับจากแอร์พ๊อดก็กลับบ้านมากว่า 20 ปี แต่ที่เธอรู้สึกรักมีความรู้สึกเหมือนบ้าน คือที่บ้านบุญรักษา ความสุขของเธออยู่ทั้งรอบนอกตัวบ้าน ในครัว ในตัวบ้าน ในทุกจุดทุกมุม ของบ้านเธอสามารถอยู่โดยไม่ต้องไปไหน ขอให้อยู่แต่กับบ้าน บางทีเธอก็ทำเค้ก ทำขนม ขลุกอยู่ในครัว เรามักอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขียนธรรมมะลงหน้าเฟสบ้าง พิมพ์ต้นฉบับบ้าง เมื่อออกไอเดียให้เธอว่า “ เอ็งไม่ได้กลับบ้านนานแล้วนะ ” ดังนั้นวันที่ 2 -13 ธันวาคม ที่เราล็อคกันเอาไว้ ให้เธอกลับบ้าน เราจำศีลที่บ้านบุญรักษา ตามนั้น วันที่ 2 เราจึงไปส่งเธอที่สนามบินเชียงใหม่ พอวันที่ 3 เริ่มเลย จำคำสอนของหลวงปู่มั่นได้ว่า ห้ามตึงเกินไป เช้าวันที่ 3 อาหารเช้าทานตามปกติ แต่ลดปริมาณลง การปฏิบัติครั้งนี้สบายใจเพราะเข้าใจดีกับเลขาแล้ว ระยะนี้เป็นช่วงดาวใหญ่ๆ 3 ดวงยก มันสร้างความวุ่นวายให้กับทุกชีวิตเชื่อเถอะ ว่าอิทธิพลของตัวเลขกับดวงดาวนั้นยากที่ใครจะหลีกเลี่ยงมันได้
เมื่อสบายใจ ไม่มีอะไรเป็นชนักติดอยู่ในจิต จิตมันก็เพลิดเพลินอยู่กับอารมณ์ของมัน เราก็ตามดูมันไม่มีการปรุงแต่ง ตามดูตามรู้อย่างเดียว ไม่นานพอจิตมันอิ่มอารมณ์กับการคิดโน่นคิดนี่ มันเหนื่อยที่จะแส่ส่ายไปทางไหน มันหยุดของมันเอง เวลาจิตหยุดคิดเราจะประคองอารมณ์ที่ว่างเปล่านี้ไว้แบบง่ายๆ สบายๆ ไม่กด ไม่ข่ม ไม่ฝืน มันทำให้เราติดอยู่ในอารมณ์ของสมถะทีละนานๆ กับเข้าได้ง่าย เรียนรู้วิธี เข้าออกสมาธิ ทำจิตว่างบ้างเปลี่ยนมาเดินจงกลม นั่งบ้างเดินบ้าง จนหัวเข่าระบม ไม่เข่น ไม่ตึง พอช่วง 17.15 – 19.00 น. เราจะไปนอนพักที่เก้าอี้นอนเปิดทีวีดูรายการท่องโลก สำรวจโลก ฅ.ขั้นเทพ เพื่อพักหัวเข่า พักขาเป็นประจำ จนเวลา 19.15 น. เย็นไม่เกินนี้ต้องอาบน้ำ มาสวดมนต์ นั่งสมาธิ โดยตั้งเป้าไว้วันละ 9 – 10 ชั่วโมง ซึ่งวันแรกทำได้ 9 ชั่วโมง ค่อนข้างตึงไปหน่อย วันที่ 2 อันตรงกับเช้ามืดของวันที่ 4 ธันวาคม ตื่นมานั่งตอนหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เก็บแต้มก่อนหนึ่งชั่วโมงตอนนี้ แล้วนอนต่อ ตื่นมาอีกที ตีห้า หรือ หกโมงเช้า เก็บอีกหนึ่งชั่วโมง เป็น 2 ชั่วโมง จาก 10 โมงเช้าหลังทานข้าวมื้อเดียวเสร็จ -12 น. เก็บอีก 2 ชั่วโมง หมายถึงได้แล้ว 4 ชั่วโมงแล้ว จากบ่าย 13.00 น. ไปจน ถึง 5 โมงเย็นหรือกว่าๆ ต้องได้อีก 3 ชั่วโมง นั่งบ้างเดินบ้าง สภาวะจิตทุกทีที่นั่งก็เพลิดเพลินกับการติดสุขบ้างเพื่อให้ได้ฐานของสมาธิมากขึ้น คิดโน่นคิดนี่ จิตไปโน่นไปนี่ ดูมัน ปล่อยมัน ไม่โกรธ ไม่รับอารมณ์ ใดๆ ดูมันอย่างเข้าใจมัน พอตกช่วงเย็นสวดมนต์ก่อนนอน นั่งอีกชั่วโมงหนึ่ง อาหารเช้าทานพออิ่ม บางวันไม่ทานข้าว ทานแต่พวกผลไม้บ้าง เค้กคุกกี้บ้าง พออิ่ม สิ่งที่แตกต่างจากการจำศีลทุกครั้งคือ ครั้งนี้ เราเพิ่มการสวดมนต์ตอนเที่ยงอีกรอบหนึ่ง การจำศีลครั้งนี้ต้องเป็นเจตนาของใครสักคนที่จะสอนอะไรเราใหม่ๆ หลายๆ อย่างเพื่อให้นำไปสอนต่อลูกศิษย์ ถึงหลักการที่ถูกต้อง เพราะวันที่ 2 ของการถือศีลนี้ ช่วงตอนเย็นขณะที่ออกไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน เพราะเพิ่งออกจากสมาธิ ขาแข้งมันปวดเมื่อยไปหมด จึงคิดว่า ออกไปรดน้ำต้นไม้ แก้เมื่อยสักหน่อย เป็นช่วงจังหวะที่เพื่อนบ้านขับรถกลับจากทำงานทั้งๆ ที่ปกติเธอจะกลับค่ำแต่วันนี้ทำไมกลับเร็ว มองดูเธอจอดรถแล้วคุยกับเธอเป็นตุเป็นตะ พอกลับเข้าบ้านจึง นึกได้ เฮ้ย!!! เราปิดวาจานี่หวา
พอคิดได้ …. จ๋อย ซวยแล้วทำไงดี …. ช่างมันเอาใหม่เหลืออีก 7 วัน เราทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน ได้เท่าไหนก็เท่านั้น พอมาได้วัน ที่ 6 ธันวาคม ช่วงบ่าย 3 โมงกว่าๆ ขณะที่กำลังนั่งสมาธิอยู่จิตสงบดีมาก ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาในซอยแล้วค่อยๆ คลานเข้ามาจอดหน้าบ้าน เรายังนั่งอยู่ไม่ขยับ แต่พลันได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าบ้านรัวถี่ๆ ผู้ที่สั่นกระดิ่งทุกข์ใจมาก ติดตามตอนต่อไป

พลิกตำนาน …ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ฉบับสมบูรณ์ และหนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หนังสือชุดนี้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย ( ส่งต่างประเทศในช่วงสถานการณ์ของโรคระบาดไวรัสโคโรนา เราจะจัดส่งให้ทางเรือ ) หากท่านใดสนใจ

ธรรมมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทุกชาติทุกศาสนาที่นำมาศึกษาปฏิบัติ ต่างพบกับสัจธรรมของชีวิตอย่างชัดเจน เพราะพระองค์ไม่เคยเน้นว่า ธรรมะเป็นของพระองค์ หรือของพระพุทธศาสนา แต่เป็นของมวลมนุษย์ชาติที่มองหา ความสุข สงบ ทางใจ นำไปใช้ได้ทุกคน
หนังสือจากศูนย์สู่ดับสูญ รวบรวมคำสอนขององค์พระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรดกของชาว พุทธแท้ พุทธะ ของท่านพุทโธ
