ต่างภพต่างภูมิกับดวงดาว 76

เรายังพูดต่อ “ เรื่องเวรเรื่องกรรมนั้น มีใครมั่งไม่เคยก่อกรรมทำเข็ญแม้แต่เราก็เคยทำ ถือเป็นวิสัยของมนุษย์ หรือสันดานนั่นแหละ ที่จะเก่งกันมากในการก่อทุกข์สร้างกรรม แต่คำว่าอโหสิกรรมนั้นพูดกันไม่เป็น มีแต่คอยจะปัดแข้งปัดขาการทำมาหากินของมนุษย์เขา การเกิดเป็นคนนั้นยาก แต่การดำรงชีวิตอยู่ของเวไนยสัตว์นั้นยากมากกว่า พวกเจ้าก็เคยเป็นมนุษย์กันมาแล้ว รู้ว่ามันลำบากเพียงใด  แล้วนี่ถ้าลูกศิษย์ข้าเขาไปปฏิบัติธรรมกันต่อๆไป ภูมิจิตภูมิธรรมของพวกเขาสูงขึ้น  หมายถึงพวกเจ้าก็จะยิ่งต่ำลงๆ นี่เป็นทางที่พวกเจ้าจะเลือกแล้วหรือ ทั้งๆที่พวกเจ้าก็สามารถสร้างบุญสร้างกุศลกันได้ แล้วรู้ไหมว่าใครจับจ้องมองดูการกระทำของเจ้าอยู่บ้าง เจ้าติดอยู่ตรงนี้อีกนานแค่ไหน เจ้าก็ไม่รู้ หลุดจากนี้ไป ไปไหนต่อ ก็บอกไม่ได้ ข้าถึงบอกว่า ข้าสงสารในชะตากรรมของพวกเจ้าที่สุด ที่เล่นไม่เลิก เขาจะปฏิบัติธรรมกัน เขาต้องการความสงบกัน แต่เจ้าได้สร้างความรำคาญ ขวางทางบุญของพวกเขา และของตัวเจ้าเอง แบบนี้เรียกว่าผู้มีปัญญาแล้วหรือไม่ เรียกว่ากุศล หรืออกุศลกรรม ที่ทำกันอยู่ น่าละอายใจหรือไม่ ” ปรากฏว่าเจ้ากรรมนายเวรของเด็กคนนั้นหยุดแบบเข็ดเด็ดขาด เลิกไอ เลิกส่งเสียง นั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัว แบบเกิดความละอาย จนไม่กล้าสบตาใครเลย แต่เชื่อสิ กว่าเราจะพูดให้เขายอม ให้เขาอ่อน ให้เขารู้ผิดชอบชั่วดีกันได้ มันทำให้เราเหนื่อยมาก ใช้พลังงานเยอะมาก แต่มันก็ทำให้การแสดงธรรมในวันต่อๆไปของเราง่ายขึ้น ราบรื่นไปจนถึงวันปิดคลาส

เรื่องขวางทางบุญนี้ มีอีกครั้งหนึ่งเมื่อเราเปิดคลาสที่บ้านบุญรักษาเพื่อปลดวิญญาณกันเฉพาะ เจ้ากรรมนายเวรที่อยากไปเกิดมาก ถึงกับมาเรียกร้องความสนใจกันในคลาส เช่น Air condition ที่เปิดอยู่ ปิดเอง ไฟที่เปิดอยู่ ปิดมืดทั้งห้อง กับเราเห็นศีรษะคน 2 คน เดินผ่านหน้าต่างห้องเรียนไปทางหลังบ้าน ทั้งๆที่ไม่ควรมีนักเรียนคนไหนเดินไปทางนั้น ท้ายสุดพอได้เวลาเรียกวิญญาณผ่านร่างมาคุย เขายอมสารภาพกับเราเองเลย  คลาสนั้นพวกวิญญาณ เจ้ากรรมนายเวร รวมกับวิญญาณพเนจรรอบๆปริมณฑล  แออัดกันเข้ามา สร้างความวุ่นวายและสับสนให้กับเรามาก โดยเฉพาะในคลาสนั้นมีสื่อที่จะรับวิญญาณได้ถึง 3 – 4 คน วิญญาณ ต่างๆจึงเข้าสื่อทั้ง 4 คนพร้อมๆกัน เราต้องหันซ้ายที ขวาที เข้าไกล่เกลี่ย บางรายเจอกันในคลาสเรานี่แหละ คลาสนั้นเราถูกหลวงปู่หลวงตาอบรบ กับให้ตั้งกฎกติกาให้รัดกุมจนท้ายสุดถึงกับ ขอให้เราเลิกปลดวิญญาณ กันทีเดียว ว่าใครอยากปลดเจ้ากรรมนายเวร ให้ไปปฏิบัติธรรมกันเอาเอง ตนเองสามารถปลดให้ตนเองได้ เรียนผูกมาก็ต้องเรียนแก้ด้วยตนเอง การปลดปล่อยวิญญาณในคลาสเรียนจึงยกเลิกไปโดยปริยาย จนกว่าเมื่อไหร่ ที่จะถึงกรณีเหตุสุดวิสัย ฉุกเฉินจริงๆ เราจึงจะอนุโลมยอมให้ทำได้

จากจำนวนเจ้ากรรมนายเวรที่เข้ามาร้องเรียนความเป็นธรรมกับเรานั้นมีอยู่ 2 – 3 ราย ที่เรื่องชวนสยดสยองพองขนมาก มันเกิดกับนักเรียนในชั้นเรานี่เอง เมื่อถึงคิวของเขา เจ้ากรรมนายเวรผู้นั้นออกมาฟ้องว่า “ อดีตหลายชาติมาแล้ว เขาเกิดเป็นลูกทาสในเรือนเบี้ยสมัยกรุงศรีอยุธยา เขาเป็นผู้ชายทำงานทุกอย่าง ถูกกดขี่เยี่ยงสัตว์ พ่อแม่เขาก็เป็นทาส เช่นกันทำงานให้กับขุนนางที่ร่ำรวย เขาทนดูต่อความอดอยากขาดอาหารของพ่อแม่ไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจขโมยข้าวสารจากยุ้งข้าวของขุนนางมาให้พ่อแม่ได้ประทังชีวิต ขุนนางคนนี้จับได้ โกรธเขา จะเป็นจะตายถือเป็นเรื่องใหญ่ที่อุกฤตมาก จับเขาขึ้นขื่อ ห้อยหัวลง เฆี่ยนเขาไม่ต่างจากสัตว์ จนหนังสดๆของเขาปริแตก เลือดสดๆของเขาไหลเป็นสายไม่หยุดยังเอาน้ำเกลือมาสาด แม้กระนั้นยังไม่หายแค้น สั่งให้ไปนำผู้เฒ่าผู้แก่ พ่อแม่เขามานั่งเบื้องหน้าเขา แล้วตัดหัวพ่อแม่เขาต่อหน้า กับเพียงแค่ข้าวสารไม่กี่หยิบมือ เขาได้กล่าวคำอาฆาตสาปแช่งเอาไว้ ว่าจะตามไปทุกชาติทุกภพ เราฟังเรื่องนี้แล้วแม้จิตจะแข็งเพียงใด ยังอดสยดสยองกับความอำมหิตของสัตว์ในร่างคนของขุนนางผู้นั้นไม่ได้ ขุนนางผู้นี้มาเกิดเป็นศิษย์เราคนหนึ่งในคลาส ผิวเธอคล้ำแบบหมดสง่าราศี แบบหม่นหมอง กับเธอเล่าว่าจะมีอาการแสบๆ ร้อนๆ ตามตัวตลอดเวลา อันเกิดจากการเอาน้ำเกลือไปราดแผลสดนักโทษชายผู้นั้น เจ้ากรรมนายเวรรายนี้ บอกไม่ยอมไป ขออยู่ปัดแข้งปัดขาเธอต่อ และปัจจุบันนี้เราได้ตัดศิษย์คนนี้ออกไปพ้นทางแล้ว หมดวาระที่จะได้เป็นครูเป็นศิษย์กันแต่เพียงเท่านี้ ยังมีอีกหลายเรื่องจากเจ้ากรรมนายเวรที่ออกมาฟ้อง จนจำไม่หมด

อีกราย เธอบอกเราว่า “ เจ้ากรรมนายเวรหนู ไม่มีแล้วหนูปลดหมดแล้ว ” เพราะหน้าที่การงานสุขภาพ การเงินครอบครัวเธอดีหมด โดยเฉพาะการเงินเธอดีมาก เราตอบเธอว่า “ อ๋อเหรอ เอ็งพนันกะข้าเท่าไหร่ เดี๋ยวตอนปลดวิญญาณ เรามาดูกัน ” มันเป็นคลาสที่แอลเอ พอถึงคราวเรียกเจ้ากรรมนายเวรของเธอออกมา

“ มันพาคนไปปล้นบ้านข้า ฉุดลูกสาวข้าไปแล้วมันเผาบ้านข้าทิ้ง  ข้ากับครอบครัวที่เหลือถูกไฟคลอกทั้งเป็น ” เธอนั่งหน้าจ๋อย มาบอกเราภายหลังว่า หนูก็ไปกะอาจารย์นะแหละ อาจารย์พาหนูไปปล้น หนูเอาสาวอาจารย์เอาทรัพย์ ” “ ไอ้เวรนี่ถีบเสียเลยดีไหม ” เลยได้ฮากันทั้งชั้น ไม่มีใครที่ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรนะ แม้แต่เราเองก็เช่นกัน

อีกเรื่องหนึ่งที่แรงมาก ฆ่าคนทั้งกองทัพ ศิษย์เราคนนี้เธอตั้งใจจะไม่มาคลาส ในคืนวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ปลดเจ้ากรรมนายเวร เพราะติดงานกว่าจะออกจากงานก็สองทุ่มกว่า จึงตั้งใจจะตรงกลับบ้านเลย แต่เธอมาเล่าภายหลังว่า สุดท้ายไม่รู้เพราะสาเหตุใดทำให้หนูเปลี่ยนใจมาให้อาจารย์ปลดวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรให้ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว พระโพธิสัตว์กวนอิม ได้ทรงเมตตา มาคุยกับเราและบอกเราว่า

“ ข้านี่แหละที่ไปเอามันมาเข้าคลาส เพื่อจะทดสอบไหวพริบของเจ้าว่า เจ้าจะช่วยมันได้หรือไม่ และจะช่วยอย่างไร? ” งานนี้เบื้องบนทุกพระองค์ ทุกท่านทั้งมวลหมู่ แม้แต่พรรคพลนาค และม้ากัณฐกะ ต่างก็จดจ้องมองดูชนิดไม่กระพริบตาทีเดียว ว่าบททดสอบครั้งนี้เราจะผ่านไหม? เมื่อเธอมาถึง ร่างผ่านหรือสื่อก็เริ่มเล่าเรื่องโดยเจ้ากรรมนายเวรของเธอคนนี้เข้าผ่านร่างเธอแล้วชี้หน้าเธอกูจะเอาชีวิตมึงเดี๋ยวนี้ ไม่เพียงแต่เธอ แต่ทหารทั้งกองทัพที่อยู่เบื้องหลังต่างกรูกันเข้ามาจะเอาโทษเธอ จากอดีตที่เธอเกิดเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่ในอดีต อยู่กินกันมานาน แม่ทัพเกิดไปมีนางบำเรอหรือภรรยาอีกคน กับโปรดปรานภรรยาคนใหม่อย่างออกหน้า ส่วนภรรยาเก่าหรือเมียหลวง ได้เล่นบททำตัวเป็นคนดีมีน้ำใจกับภรรยาคนใหม่มาตลอด จนกระทั่ง ถึงครารบทัพจับศึก เขาต้องนำกองทัพไปทำศึก ร่างผ่านเล่าว่า มองเห็นภรรยาหลวง นั่งผสมยา ตำสมุนไพร ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นและอำมหิต กะจะฆ่าเมียน้อยกับทหารทั้งหมด พอได้เวลาแม่ทัพยกทัพกลับมา เธอกับภรรยาน้อยทำทีช่วยกันเอาน้ำที่เธอผสมยาไปเลี้ยงดูทหารที่ยังตั้งค่ายอยู่ชานเมือง แน่นอนภรรยาน้อยก็ต้องเผลอดื่มน้ำนั้นด้วย แต่เธอไม่ยอมให้น้ำนั้นแก่สามี เหล่าทหารเมื่อแบ่ง แจกจ่ายน้ำดื่มกัน ก็ค่อยๆ ร่วงลงไปทีละคนๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจว่า เขาโดนอะไร เพราะอะไร ไปออกทัพจับศึกมาเหนื่อยๆ หน้าลูกเมียยังไม่เห็น เขาทำผิดตรงไหน ใครฆ่าเขา ตายด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ เสียใจ และอาฆาตแค้น ฝ่ายแม่ทัพเห็นทหารล้มตายทั้งกองทัพและภรรยาน้อย เขาตรอมใจจึงฆ่าตัวตายตาม บัดนี้ในคลาสเรา ทุกดวงวิญญาณพากันมาด้วยแรงอาฆาต กะเอาศิษย์เราคนนี้ถึงตาย เมื่อเราได้ยินเรื่อง และมีศิษย์เราที่นั่งอยู่ล้อมวง ประมาณ 12 คน ศิษย์คนนี้เธอร้องไห้ตาบวม ชะตากรรมที่เธอก่อไว้เขามาทวง ทั้งกองทัพโดยมีตัวภรรยาน้อยมายืนชี้หน้า ร้องเอาชีวิตอยู่เบื้องหน้าทหารทุกคน ทุกดวงจิตของทุกภพทุกภูมิจดจ้องดูอยู่โดยเฉพาะพระโพธิสัตว์กวนอิม ต่างอยากรู้ว่าเราจะหาทางออกเพื่อช่วยศิษย์คนนี้อย่างไร? ตอนนั้นเราเหนื่อยกายมาก แถมหนักใจกับปัญหาเฉพาะหน้าอันนี้ จึง “ พูดว่า หนักมากนะ เราขอโยนไพ่ใบสุดท้ายเลยนะ ” พูดเสร็จเราถอนหายใจถัดตัวไปกับพื้นเพื่อพิงเสาด้านหลัง อย่างเหนื่อยอ่อนแล้วพูดว่า “ มาเอาชีวิตกูไปแทน อย่าทำอะไรศิษย์กูคนนี้มันสำนึกแล้ว กูเหนื่อยแล้ว เบื่อกับชีวิตแล้ว ไม่เอาต่อไปแล้ว มาเลยมาเอาชีวิตข้าไปแทนเถิด ” พูดแล้วเราโน้มตัวแบบมือนาบลงกับพื้นเบื้องหน้า น้ำเสียงที่พูดปนสะอื้น “ ข้าเหนื่อย มาเอาชีวิตข้าไปแทน อย่าไปทำอะไรศิษย์ข้า ปล่อยมันไป เดี๋ยวมันจะชดใช้ด้วยการปฏิบัติธรรมอุทิศส่วนกุศลให้ตลอดชีวิต ” ปรากฏว่าภาพขอเราทำให้นักเรียนที่นั่งดู ฟังเหตุการณ์อยู่ทุกคนน้ำตาคลอ แล้วตกใจเป็นอันมาก ร่างผ่านก็ตกใจพูดขึ้นว่า “ จานๆๆ พวกวิญญาณ เขาตกใจแตกกันกระเจิงไม่มีใครกล้า เผ่นกันไปคนละทิศ บางดวงก็อโหสิกรรมให้กันไปเลย ส่วนตัวภรรยาน้อยก็ฝ่อไม่กล้าแต่ยังไม่ไปจะรอดูว่า เขาจะทำบุญ ปฏิบัติให้จริงหรือไม่?  เป็นอันว่ามุขนี้ของจานวา แก้ปัญหานี้ได้ เพราะเจ้ากรรมนายเวรต่างกลัวในบุญบารมีของเรา ที่สำคัญ เราทำงานให้เบื้องบน ซึ่งขณะนี้นายเราทุกพระองค์ต่างจับตาดูอยู่ ก็ใครเล่าจะกล้าแตะต้องเรา  ผลงานชิ้นนี้ทำให้เราดังไปทุกภพทุกภูมิ แต่ภูมิมนุษย์มีรู้เห็นกันไม่ถึง 15 คน จากงานนี้ม้ากัณฐกะ  ถึงกับมอบหัวใจของเขามาวางแทบเท้าเราเลย และปัจจุบันอยู่กับเราแล้ว ( ไปๆมาๆ ) โดยขออนุญาตกับท่านเบื้องบน แล้วท่านก็ยอม จึงเรียกว่าไหวพริบปฏิภาณของเรานั้นไม่เหมือนใคร ภายหลังพระโพธิสัตว์มาบอกเราว่า จิตใจของศิษย์เราคนนี้เยือกเย็นอำมหิตมาก แล้วก็ยังเป็นอยู่ แต่ถ้ารักใครชีวิตก็มอบให้ได้  เรื่องจึงเอวังลงด้วยประการฉะนี้